“อยากรู้มากใช่ไหม ว่าพ่อของลูกแกเป็นใคร?” เหอรุ่ยหลินเดินเข้าไปใกล้ๆ
หลินซินเหยียนเผลอก้าวถอยหลังอย่างไม่รู้ตัว ในตอนนี้เอง หน้าประตูก็มีผู้หญิงคนหนึ่งใส่แมสก์ สวมหมวกแก๊ปเดินเข้ามา
ที่บอกว่าเธอเป็นผู้หญิง เพราะว่าชุดที่เธอใส่ การแต่งตัวก็คือสไตล์ของผู้หญิง
เพียงแค่มองเห็นหน้าเธอไม่ชัดเท่านั้น
เสียงดังปึง ประตูรั้วเหล็กโทรมๆถูกปิดตาย
หลินซินเหยียนยืนอยู่ข้างหลังบ้าน ตั้งแต่ที่ผู้หญิงคนนี้เดินเข้ามา มือของเธอก็เหงื่อออกไปหมด
เมื่อประตูถูกปิดลง ใจเธอก็สั่นแรง
แม้ว่าหล่อนจะไม่ได้พูดอะไร แต่หลินซินเหยียนก็รู้สึกได้ว่า หล่อนไม่ได้เป็นมิตรกับตน เป็นศัตรูด้วยซ้ำ
เหอรุ่ยหลินหันหน้าไปมองครู่หนึ่ง ทั้งสองดูเหมือนจะสนิทกันมาก “มาแล้วหรอ”
ผู้หญิงคนนั้นตอบอืมเบาๆ
สายตากลับจ้องมายังหลินซินเหยียน
แสงไฟสลัวทำให้หลินซินเหยียนเห็นสีหน้าของหล่อนไม่ค่อยชัด ซ้ำยังใส่แมสก์อีก แต่ดวงตาคู่นั้นตอนมองมาที่เธอเต็มไปความเกลียดชัง
หลินซินเหยียนรู้สึกร้อนรนอย่างมาก พยายามควบคุมสีหน้าไว้ “คุณเป็นใคร?”
ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ตอบกลับเธอ เพียงแค่ยิ้มอย่างเย็นชา “แกไม่จำเป็นต้องรู้หรอกว่าฉันเป็นใคร รู้แค่ว่า จากวันนี้เป็นต้นไป ทุกอย่างที่เป็นของแกมันจะกลายเป็นของฉันทั้งหมดก็พอ เพียงแต่…”
เธอเปลี่ยนบทสนทนา ยิ้มอย่างเยือกเย็นขึ้นอีก “วันนี้แกตกอยู่ในมือฉันแล้ว ฉันก็จะไม่ปล่อยแกไปง่ายๆหรอก ไม่อย่างนั้นฉันจะเทียบกับแกได้ยังไง ส่งแม่ฉันเข้าไป กดดันฉันไม่ให้ไปจากเมืองB คิดไม่ถึงล่ะสิว่าฉันจะกลับมาได้?”
พอสิ้นเสียง เธอและเหอรุ่ยหลินก็เข้ามาล้อมหลินซินเหยียนไว้
หลินซินเหยียนมองสำรวจผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าด้วยแววตาหวาดกลัว “คุณคือ หลินหยู่หาน?”
“ฮ่าๆ ยังไม่โง่ซะหมดหนิ ยังจำฉันได้” หลินหยู่หานยิ้มหยัน มองไปทางเหอรุ่ยหลินที่อยู่ข้างๆ “ด้วยกันมั้ย?”
เหอรุ่ยหลินกระตุกยิ้ม “วันนี้มันตกอยู่ในมือของฉันแล้ว ฉันไม่ปล่อยมันไปแน่”
หลินซินเหยียนจ้องไปที่ประตูที่กำลังปิดอยู่ ดูว่าจะมีโอกาสหนีออกไปได้มั้ย หลินหยู่หานเหมือนจะดูออกว่าเธอคิดจะทำอะไร “ไม่ต้องคิดที่จะหนี แกหนีไม่พ้นหรอก พวกฉันวางแผนมาอย่างดิบดี ไม่ง่ายเลยที่จะหลอกแกมาได้ แกคิดว่าพวกฉันจะปล่อยแกหนีไปงั้นหรอ? ”
“ทำไมพวกเธอถึงอยู่ด้วยกันได้?” หลินซินเหยียนตั้งใจที่จะพูดถ่วงเวลา ล้วงมือควานหามือถือที่อยู่ในกระเป๋า ถึงพบว่ามือถือไม่รู้ตกหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่
“ไม่เคยได้ยินประโยคประโยคหนึ่งรึไง? ศัตรูของศัตรู ก็คือมิตร” หลินหยู่หานเชยคางเธอ “เพื่อวันนี้ ฉันใช้เวลาสี่ปี เพื่อมาแก้แค้นแก ถ้าหากแกไม่กลับประเทศมาซะแต่แรก ฉันก็คงเป็นคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลหลิน ไข่มุกของคุณพ่อ ลูกรักของคุณแม่ แต่ทั้งหมดนี้กลับเปลี่ยนไปตั้งแต่แกกลับมา แกว่า ฉันจะปล่อยแกไปงั้นหรอ?! ”
หลินซินเหยียนสะบัดมือเธอออก “ตอนนั้นที่บริษัทของหลินกั๋วอันประสบปัญหาในตอนแรก คุณนั่นแหละที่บริจาคเงินหนีไป จะมาโทษฉันได้ยังไง ถ้าจะโทษก็โทษที่คุณมันไม่ซื่อสัตย์เอง… ”
เพี๊ยะ!
หลินหยู่หานใช้มือตบเข้าไปบนหน้าของหลินซินเหยียน เธอคิดที่จะตบกลับ เหอรุ่ยหลินก็อ้อมเข้ามาจับมือที่ง้างขึ้นของเธอไว้
หลินหยู่หานหรี่ตาเพ่งมองไปที่เธอ ราวกับโมโหถึงขีดสุด ทำให้เธอถึงกับหายใจไม่ออก เพลิงไฟทะลุผ่านนัยน์ตาของเธอ ทิ่มแทงไปยังหลินซินเหยียน ริมฝีปากเผยรอยยิ้ม ยิ้มเย้ยหยัน ยิ้มอย่างโหดร้าย “จะตายอยู่แล้ว ยังจะขัดขืนอีก กล้าโต้กลับงั้นหรอ?!”
“อย่ามัวพูดไร้สาระกับมันอยู่เลย” เหอรุ่ยหลินรู้สึกคันไม้คันมือมาตั้งนานแล้ว อยากที่จะลงมือกับหลินซินเหยียนแล้ว แค่นึกถึงภาพของมัน นึกถึงจงจิ่งห้าวทำดีกับมัน นึกถึงเด็กสองคนที่มันคลอดออกมา เหอรุ่ยหลินก็เกลียด เกลียดจนอยากให้มันตาย
เจ็บ!
หลินซินเหยียนไม่รู้ว่าเหอรุ่ยหลินใช้อะไรตีที่เอวของเธอ รู้สึกแค่เพียงเจ็บแปล๊บ เผชิญหน้ากับผู้หญิงบ้าสองคน ไม่มีช่องว่างให้เธอโต้กลับเลย
พวกหล่อนไม่มีหลักเกณฑ์ ราวกับแม่ค้าปากตลาด มือไม้ตบตี ปากด่าทอ ดึงผม ต่างๆนาๆลงบนร่างของหลินซินเหยียน
หลินซินเหยียนคิดจะวิ่งหนีอยู่หลายครั้ง แต่ก็ถูกจับไว้
หลินหยู่หานไม่รู้ว่าเอากระบองไม้ท่อนหนึ่งมาจากไหน ตีเข้าที่หัวของเธอ ตรงหน้าเธอมืดสนิท ร่างกายร่วงล้มลงไปกองกับพื้น จากนั้นเธอก็ไม่ได้สติอีก ก่อนที่จะสลบไป ได้ยินเหอรุ่ยหลินพูดว่า “หยุดเถอะ อย่าให้มันตายเลย”
“ไม่ทำให้ตาย นี่มันระเบิดเวลานะ เธอแน่ใจงั้นหรอว่ามันจะไม่มาโผล่เมืองBอีก ไม่มาปรากฏต่อหน้าจงจิ่งห้าวอีก?”
“ฉันรับรองว่า ไม่แน่นอน”
“พี่ชายเธอเป็นพวกหลงจนโงหัวไม่ขึ้นนี่.. ”
แล้วเธอก็สลบไป พอฟื้นขึ้นมาก็อยู่ในห้องนั้นแล้ว ได้ยินเสียงพูดคุยของเหอรุ่ยเจ๋อกับคุณหมอ แล้วก็เรื่องที่เขาจะทำกับตน
ตอนนี้เธอพอจะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว
ที่เธอไม่โดนทำร้ายจนตาย เป็นเพราะว่าเหอรุ่ยหลินรู้ว่าเหอรุ่ยเจ๋อชอบเธอ ก็เลยไว้ชีวิตเธอ แต่ก็กลัวว่าเธอจะกลับมาเมืองBอีก ก็เลยให้เธอฉีดยานั่นซะ ให้เธอสูญเสียความทรงจำ จากนั้นก็ใช้ชีวิตอยู่กับเหอรุ่ยเจ๋อ
หายไปจากสายตาของจงจิ่งห้าวนับจากนี้ไป
แม้ว่าตอนนี้เธอจะยังไม่รู้แน่ชัดว่าหลินหยู่หานมาร่วมมือกับพี่น้องตระกูลเหอได้ยังไง แต่ที่เธอรู้ทั้งหมดนี้คือหลินหยู่หาน เหอรุ่ยหลิน เหอรุ่ยเจ๋อ พวกเขาร่วมมือกันวางแผน
“อย่ากลัวไปเลยเหยียนเหยียน ฉันไม่ทำร้ายเธอหรอก” เหอรุ่ยเจ๋อค่อยๆเข้ามาใกล้
หลินซินเหยียนคว้าผ้าม่านไว้แน่น บังร่างตนเอาไว้ เพื่อเว้นห่างจากการเข้าใกล้ของเหอรุ่ยเจ๋อ “คุณ คุณอย่าเข้ามานะ”
“เหยียนเหยียน.. ” เหอรุ่ยเจ๋อไม่ได้สนใจคำพูดของหลินซินเหยียนแม้แต่น้อย เดินเข้าไปใกล้เรื่อยๆ
พอเห็นเขาจะเดินเข้ามาจับเธอ หลินซินเหยียนก็ค่อยๆขยับฝีเท้า แล้ววิ่งหนีออกไปทางด้านข้าง เธอรีบเปิดประตูอย่างลนลาน แต่ว่าเปิดไม่ออก เธอยังคงไม่ยอมแพ้ พยายามใช้แรงบิดประตูต่อไป
“เธอเปิดไม่ออกหรอก”
เหอรุ่ยเจ๋อเดินเข้ามาอย่างช้าๆ สายตาสงบนิ่ง “ฉันรับรองว่าเธอจะไม่ตาย แล้วก็รับรองว่าเธอหนีไปไหนไม่พ้นหรอก ทั้งหมดที่นี่อยู่ในการควบคุมของฉัน ไม่มีฉัน เธอก็ออกไปไม่ได้”
หลินซินเหยียนกำมือทั้งสองข้างไว้แน่นอย่างไม่ตั้งใจ
“เหยียนเหยียน เธอยังไม่ได้ลืมใช่มั้ย? ” เหอรุ่ยเจ๋อจ้องมองสีหน้าของเธอ
“ฉันไม่รู้ว่าคุณพูดเรื่องอะไร” หลินซินเหยียนข่มความกลัวไว้ในใจ มองตาเขาอย่างสงบนิ่ง ถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “คุณบอกว่าฉันเรียกคุณว่าพี่ชาย ถ้างั้นคุณก็เป็นญาติของฉัน ทำไมต้องบังคับฉันฉีดยาด้วย?”
“ฉันหวังดีกับเธอนะ เธอป่วยอยู่”
“ฉันไม่ได้ป่วย!”
“ได้ เธอไม่ได้ป่วย ฉันไม่ให้เธอฉีดยาแล้ว เธอมาหาพี่ตรงนี้สิ” เหอรุ่ยเจ๋อผายมือออก ยื่นไปด้านหน้า ฝ่ามือที่มีรอยย่นพันกันเต็มไปหมด
หลินซินเหยียนจ้องมองมือของเขา ถ้าหากเธอยังต่อต้านต่อไป เหอรุ่ยเจ๋อจะต้องสงสัยแน่ว่าเธอไม่ได้สูญเสียความทรงจำ ถ้าอย่างนั้นเขาจะต้องให้เธอฉีดยาอีก
เธอจะฉีดยาไม่ได้เด็ดขาด เธอจะให้ความทรงจำหายไปไม่ได้
เธอบีบมือทั้งสองข้างไปมา ระงับความกลัวในใจ ค่อยๆแบมือออก แล้ววางลงบนมือของเขา
เหอรุ่ยเจ๋อจับมือเบาๆ พร้อมทั้งกุมมือของเธอไว้ ยิ้มกริ่ม“เชื่อฟังแบบนี้สิ แบบนี้ถึงจะเป็นน้องสาวที่ดีของพี่ชาย”
หลินซินเหยียนรู้สึกสะอิดสะเอียน แต่จะแสดงออกมาก็ไม่ได้ ได้แต่ฝืนทำตามเขาไป
“ที่นี่ คือบ้านของเราหรอ?” เธอหลุบตาต่ำลง พูดเสียงแผ่วเบา
“ไม่ใช่”
ที่นี่ห่างจากเมืองBใกล้มาก เพื่อไม่ให้จงจิ่งห้าวหาเธอเจอ ที่นี่ไม่ใช่ที่พักระยะยาวแน่นอน
เอาตัวเธอมาจากห้องเช่า บนร่างของเธอได้รับบาดเจ็บ จำเป็นต้องรักษา อีกอย่างจะให้เธอเอาความทรงจำเกี่ยวกับที่นี่ไปด้วยไม่ได้เด็ดขาด
ดังนั้นที่นี่เป็นเพียงแค่ที่พักชั่วคราวเท่านั้น รอเธอรักษาบาดแผลหายดีแล้ว ฉีดยาแล้ว เขาก็จะพาเธอออกไปจากที่นี่ และไม่กลับมาอีกตลอดไป
“ถ้างั้น บ้านของเราอยู่ที่ไหน?” หลินซินเหยียนลองถามหยั่งเชิง
“อยู่ไกลมาก” เหอรุ่ยเจ๋อยังไม่เชื่อสนิทใจว่าเธอสูญเสียความทรงจำไปแล้วจริงๆ เลยไม่บอกเธอว่าหลังจากนี้จะไปที่ไหน
ที่ไม่ได้บังคับให้เธอฉีดยา เพราะเขามั่นใจว่า เธอหนีออกไปไม่พ้นหรอก
เขากุมมือหลินซินเหยียนไว้แน่น นำเข้ามาใกล้ริมฝีปากแล้วประทับจูบลงไป “บ้านของเรา อยู่ไกลมาก ไม่กี่วันนี้รอแผลเธอหายดี ฉันจะพาเธอไปจากที่นี่ กลับบ้านของเรา ”
หลินซินเหยียนอยากจะดึงมือกลับมา แต่กลับถูกเหอรุ่ยเจ๋อจับไว้แน่นกว่าเดิม “เหยียนเหยียน เธอไม่พอใจจูบของพี่ชายหรอ?”
หลินซินเหยียนก้มหน้าลง เพื่อไม่ให้เขาเห็นความรู้สึกของตน “คุณเป็นพี่ชายของฉันไม่ใช่หรอ แบบนี้มันดูจะสนิทสนมกันเกินไป ไม่ค่อยดี”
เหอรุ่ยเจ๋อลูบผมของเธอ “เด็กโง่ เราไม่ใช่พี่น้องแท้ๆกัน เราเป็น…คนรักกัน ฉันรักเธอ เธอก็…รักฉัน พวกเรารักกันมาก เธอลืมไปแล้วหรือ? ”
หลินซินเหยียนส่ายหัว
เหอรุ่ยเจ๋อโอบเธอเข้ามาในอ้อมแขน “ไม่เป็นไร ฉันไม่ลืม ต่อไปฉันจะค่อยๆเล่าให้เธอฟังนะ เรื่องราวความรักของเรา”