“ทำไมฉันไม่อยากพูดล่ะ?” ลูกชายของตัวเองแท้ๆ นะ?
เสียดายขาดไหน เสียใจขนาดไหน
เธอคาดหวังมากๆ ว่า ว่าเขาจะเรียกเธอว่าแม่
ตอนที่คลอดเขาออกมานั้น ก็ได้อยู่ในนามสามีภรรยาของจงฉีเฟิงและเหวินเสียน ทุกคนต่างรู้ว่าเขาเป็นผู้สืบทอดตระกูลจงเพียงคนเดียว หลานคนเดียวของตระกูลเหวิน
ถ้าเกิดเปลี่ยนคำพูด ว่าเธอเป็นคนคลอด งั้นจะอยู่ในฐานะอะไรล่ะ?
ตอนนั้นเหวินเสียนกับจงฉีเฟิงเป็นสามีภรรยาตามกฎหมาย เธอนับอะไร?
ลูกชายเธอนับอะไร?
ลูกลับๆ เหรอ?
ไม่ได้ เธอทำไม่ได้
เธอจะให้จงจิ่งห้าวมาแบกรับคำว่าลูกชู้ไม่ได้
ต่อไปถ้าเขาได้สืบทอดธุรกิจของตระกูลจง แล้วมีชื่อเสียงแบบนี้ คนอื่นจะมองเขายังไง?
“อีกอย่างตระกูลจงกับตระกูลเหวินจะมีความขัดแย้งไม่ได้ ถ้าเกิดเป็นศัตรูกันขึ้นมาจริง มีแต่ทำให้ทั้งสองฝ่ายเสียหาย” เธอมองหลินซินเหยียน พูดอย่างไร้หนทางว่า “เราคิดว่าฉันสามารถที่จะแต่งงานกับจงฉีเฟิงได้ไงล่ะ?”
เธอได้ทำข้อตกลงกับเหวินชิง ถึงได้แต่งเข้าตระกูลจงได้
“เพราะว่าเกี่ยวกับเหวินเสียน เขาก็ได้ไม่ชอบฉันเอามากๆ มักรู้สึกว่าเป็นเพราะฉัน น้องสาวของเขากับจงฉีเฟิงถึงได้ไม่ได้อยู่ด้วยกันสักที สุดท้ายก็ได้เสียไปตั้งแต่อายุยังน้อย การจากไปของเหวินเสียนกระทบจิตใจเขามากเกินไป เขารู้ว่าฉันแคร์พวกธุรกิจของตระกูลเฉิงก็ได้ใช่สิ่งนี้มาข่มขู่ฉัน”
เหวินชิงข่มขู่เธอ ถ้าเกิดอยากจะแต่งงานกับจงฉีเฟิง ก็ต้องให้ผ้าไหมกวางตุ้งของตระกูลเฉิงหายไปจากโลกนี้ ไม่ปรากฏอยู่ในโลกนี้
หลินซินเหยียนเข้าใจแล้ว ว่าทำไมผ้าไหมกวางตุ้งน้อยขนาดนี้ ในตลาดก็ได้มีในปริมาณที่น้อยมากๆ
“เมื่อก่อนตระกูลเหวินจะดูถูกไม่ได้ ตอนนี้ก็เหมือนกัน ถ้าเกิดเธอเรียนรู้แล้ว ไม่ใช้ก็ยังดี แต่ถ้าถูกจับได้ ฉันกลัว……” สองมือของเธอก็ได้สั่นอย่างควบคุมไม่ได้ เรื่องที่เกิดในอดีต ก็เหมือนว่าเป็นเรื่องของเมื่อวาน แค่นึกๆ ดูก็ยังทำให้หวาดกลัว ช่วงเวลานั้นทำให้ชีวิตเธอมีกรงแห่งความหวาดหวั่นขนาดใหญ่ครอบอยู่ เธอรู้ถึงฝีมือของเหวินชิง เธอเคยเจอมา เธอไม่อยากให้หลินซินเหยียนตกเป็นเป้าหมายของเหวินชิง
ยิ่งไม่อยากให้เธอเจอกับอันตราย
“ตอนนี้ยังทัน เรียนรู้แล้วก็ไม่เป็นไร แต่ว่าห้ามแสดงออกมาต่อหน้าผู้คน”
หลินซินเหยียนก็ได้ก้มตัว เอาหัวไปซบที่น่องของเธอ ก็ได้จับมือทั้งสองของเธอ “ท่านต้องเชื่อใจจิ่งห้าว เชื่อใจหนู ถึงแม้ว่าอาจจะมีอันตราย แต่ว่าพวกเราต้องฝ่ามันไปได้แน่ค่ะ ท่านเพื่อที่จะอยู่ข้างๆ จิ่งห้าวแล้ว ก็ได้เอาธุรกิจที่สืบทอดกันมาของตระกูลเฉิงมาแลก ความรักนี้เขาไม่รู้ แต่ว่า หนูรู้ พวกเรานั้นสามารถที่จะ ปกป้องธุรกิจที่สืบทอดกันมาของตระกูลเฉิงเพื่อท่าน ให้มันอยู่บนโลกนี้ตลอดไป ไม่ให้สูบหาย”
“เด็กโง่” เฉิงยู่ซิ่วก็ได้ลูบหัวของเธอ “มีชีวิตถึงตรงนี้ ฉันก็หวังว่าหนูกับจิ่งห้าว แล้วก็เด็กน้อยอีกสองคนมีชีวิตกันดีๆ”
อย่างอื่นเธอไม่ได้เห็นว่าสำคัญแล้ว ไม่มีอะไรที่สำคัญไปกว่าคนในครอบครัวอยู่อย่างปลอดภัยแล้ว
หลินซินเหยียนไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่ว่าในใจกลับตัดสินใจแล้ว จะให้ธุรกิจที่สืบทอดกันมาของตระกูลเฉิงหายไปไม่ได้ ตอนนี้เธอเข้าใจในสิ่งที่เฉิงยู่เวินทำแล้ว และก็ไม่ค่อยที่จะพอใจถ้าจะให้มันสูญหายไปแบบนี้ ถึงได้ตัดสินใจแบบนี้
“เวลาก็ดึกขนาดนี้แล้ว จะไปพักผ่อนด้วยกันกับฉันไหม?” เฉิงยู่ซิ่วถามเบาๆ
หลินซินเหยียนพยักหน้า บอกว่าดี
เธอพูดจบก็ได้ถอดเสื้อกันหนาวกับรองเท้าขึ้นบนเตียง นอนกับเฉิงยู่ซิ่ว
เฉิงยู่ซิ่วก็ได้ห่มผ้าให้เธอ หลินซินเหยียนก็ได้หันหน้าไปมองเธอ “ครั้งแรกที่เห็นท่าน หนูก็รู้สึกว่าท่านไม่เหมือนกัน”
ไม่เหมือนกับชู้ที่เธอเคยเจอมาก่อน เป็นไปอย่างที่คิด ไม่เหมือนจริงด้วย
เฉิงยู่ซิ่วก็ได้ยื่นมือไปจับหัวของเธอ จัดผมที่ได้บังตาเธอไปทัดหู “ฉันอยากมีลูกสาวมาตลอด”
ตอนนี้ ลูกชายได้มีภรรยาที่ดีแบบนี้ ก็ถือว่าทำให้ฝันเธอเป็นจริงแล้ว
หลินซินเหยียนยิ้ม ตาที่โค้งสวยเอามากๆ เธอก็ได้ออดอ้อนใส่เฉิงยู่ซิ่ว “งั้นท่านก็คิดว่าหนูเป็นลูกสาวเถอะค่ะ เอาความรักทั้งหมดมาให้หนู”
“ให้หนู ให้หนูหมดเลย ฉันได้เอาจิ่งห้าวให้หนูแล้ว” เฉิงยู่ซิ่วก็ได้ยิ้ม แต่ว่านัยน์ตานั้นก็ได้มีน้ำบางๆ ปกคลุมอยู่
“ทำไมหนูถึงได้หมั่นกับจิ่งห้าวตอนเด็กคะ?” อยู่ๆ หลินซินเหยียนถาม เธอถามจวงจื่อจิ่นไปครั้งหนึ่งแล้ว แต่ว่าจวงจื่อจิ่นไม่พูด เมื่อกี้ได้ยินที่เฉิงยู่ซิ่วเล่า ก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้ ว่าทำไมตอนนั้นถึงได้ตกลงเรื่องงานแต่งนี้
“ฉันก็ไม่รู้ ฉันก็ได้รู้จากจงฉีเฟิงมาน่ะจ้ะ ฉันเคยถามเขา ว่าทำไมถึงเลือกเธอ แต่ว่าเขาไม่บอก ฉันคิดว่ามันน่าจะเป็นเพราะหนูเกี่ยวข้องเหวินเสียนก็เป็นไปไปได้ พ่อแม่ของหนูรู้จักกันเธอหรือว่าเป็นญาติอะไรพวกนี้หรือเปล่า”
หลินซินเหยียนก็ได้ตกอยู่ในความคิด ตอนนั้นจวงจื่อจิ่นก็ได้เอามรดกทั้งหมดแต่งงานกับหลินกั๋วอัน คิดๆ ก็รู้แล้วว่าไม่มีคนในครอบครัวคนอื่นแล้ว ยิ่งไม่เคยได้ยินจวงจื่อจิ่นพูดถึงเรื่องตระกูลเหวิน
ถ้าเกิดตระกูลเหวินที่เก่งจขนาดนี้ แล้วยังเกี่ยวข้องกับตระกูลจวง ตอนนั้นหลินกั๋วอันทำไมไม่คิดให้รอบคอบ แล้วทอดทิ้งส่งพวกเขาไปที่ต่างประเทศ?
หลินซินเหยียนส่ายหน้า “ก่อนหน้านี้หนูไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีญาติเป็นตระกูลเหวิน ตระกูลแม่ของหนูก็มีแค่แม่หนูคนเดียว”
“อาจเป็นเพราะว่าพวกเรามาชะตากรรมร่วมกัน ไม่ต้องคิดแล้ว หลับให้สบายเถอะ”
หลินซินเหยียนพยักหน้า
คืนนี้ก็เหมือนปกติทุกวัน เงียบสงบมากๆ ก็แค่หลินซินเหยียนไม่ได้นอน
เธอนอนไม่หลับทั้งคืน เฉิงยู่ซิ่วก็เหมือนกัน แต่ก็ได้แกล้งว่าหลับสบายมาก
ตอนเช้า เฉิงยู่เวินก็ได้ไปเตรียมอาหารเช้าที่ล็อบบี้ แล้วก็ได้ส่งพวกของใช้มาให้พวกเธอ พวกเธอล้างหน้าล้างตาเสร็จ ถึงได้ไปที่ล็อบบี้
เฉิงยู่เวินมองพวกเธอเดินเข้ามาแบบนั้น ก็ได้รู้ว่าการพูดคุยกันทั้งวันทั้งคืนนั้นไม่ได้สูญเปล่า “เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นว่า แม่เขยกับลูกสะใภ้มีความสัมพันธ์ที่ดีขนาดนี้”
เฉิงยู่ซิ่วก็ได้ทำสีหน้าดุใส่เขา “อย่าคิดว่าเรื่องจะผ่านไปแบบนี้ ถ้าเกิดว่าเหยียนเหยียนมีอันตรายขึ้นมาจริงๆ ล่ะก็ อย่าหาว่าฉันเห็นแก่ผลประโยชน์มากกว่าสายเลือด”
เฉิงยู่เวินรู้จักน้องสาวของตัวเองดี ครั้งนี้ก็ไม่ได้เถียงเธอ “เอาหน่า นั่งลงทานข้าวเถอะ ถ้าเย็นก็ไม่อร่อยแล้ว”
เขาได้ทักทายหลินซินเหยียน “นี่เป็นของขึ้นชื่อของพวกเรา ขังเธอมาตลอด ก็ไม่ได้มีโอกาสให้ชิม วันนี้ อาศัยโอกาสนี้ทานเยอะหน่อย”
“ค่ะ” หลินซินเหยียนยิ้ม แล้วก็ได้ดันแก้วน้ำเต้าหู้ไปตรงหน้าเขา “อาจารย์ก็ทานเยอะหน่อยนะคะ”
ตอนแรกเธอก็แค่คิดว่าเขาเป็นอาจารย์ ตอนนี้รับรู้ถึงตัวตนของเขา หลินซินเหยียนก็ได้เคารพเขามากกว่าเดิม
“ทานข้าวเสร็จ พวกเราก็กลับไป” เฉิงยู่เวินพูดกับหลินซินเหยียน เขามองไปทางน้องสาว “เธอจะกลับไปตอนไหน?”
เฉิงยู่ซิ่วลำบากใจเล็กน้อย เธอค่อยๆ เคี้ยวอาหารที่ปากช้าๆ ความคิดของเธอ เฉิงยู่เวินมองแวบเดียวก็รู้ “เธออยากจะเจอเด็กน้อยสองคนไม่ใช่เหรอ มีอะไรที่คุยกันไม่ได้ แม่ของเด็กก็อยู่ที่นี่แล้ว ก็แค่คำพูดเธอประโยชน์เดียว”
เฉิงยู่ซิ่วมองเฉิงยู่เวิน ขมวดคิ้ว “จิ่งห้าวรู้แล้วเหรอ? ความสัมพันธ์ของฉันกับเขาพี่ไม่ใช่ไม่รู้สักหน่อย”
“เดี๋ยว ให้อาจารย์ไปรับลูก บอกว่าฉันคิดถึงพวกเขาแล้ว รับพวกเขามาที่นี่ ท่านก็สามารถที่จะเจอพวกเขาแล้ว”
“เป็นความคิดที่ดี ก็ยังเป็นหลานสะใภ้ที่ฉลาด” เฉิงยู่เวินยิ้ม ส่งสายตาให้เฉิงยู่ซิ่ว “คราวนี้ ทานข้าวลงแล้วใช่ไหม?”
เฉิงยู่ซิ่วเม้มปากแล้วขำ ในใจรอคอยเล็กน้อย และก็ได้ดีใจเล็กน้อย แป๊บๆ เธอก็ได้เป็นคุณย่าแล้ว
บางครั้งก็เหมือนกับว่าเป็นความฝัน
แต่ว่า ‘ช่วงเวลาที่ดี’ แบบนี้ในตอนนี้ มันจริงมาก
ช่วงชีวิตครึ่งแรก ชีวิตของเธอก็ได้เต็มไปด้วยความน่าเสียดาย ก็แค่หวังว่าชีวิตต่อจากนี้ จะเงียบสงบ ไม่มีอุปสรรคอะไร
ทานข้าวเช้าเสร็จ ตอนที่เฉิงยู่เวินเตรียมที่จะไปรับเด็กนั้น หลินซินเหยียนก็ได้เดินออกมา “หนูไปกับอาจารย์ดีกว่าค่ะ”
“ไม่ไว้ใจฉัน?” เฉิงยู่เวินหันไปถาม
หลินซินเหยียนส่ายหน้า “เปล่าค่ะ ฉันไม่ไป กลัวว่าอาจารย์จะรับคนมาไม่ได้”
จงจิ่งห้าวต้องไม่ยอม ที่จะส่งเด็กให้เขาแน่ๆ
ผู้ชายคนนั้น เธอเข้าใจเขาอยู่ไม่มากก็น้อย
เฉิงยู่เวินเปิดประตูรถ “ขึ้นรถ”
หลินซินเหยียนก้มตัวเข้าไปนั่ง
รถก็ได้ขับผ่านหมอกยามเช้าในภูเขา ค่อยๆ ขับไปข้างหน้า
เพราะไอหมอก รถก็ได้ขับช้ามากๆ เพราะงั้นตอนที่ถึงนั้นก็ได้สายเล็กน้อย พวกเขาได้ลงจากรถ ก็ยังเข้าไปยังทางประตูหลังที่เคยออกมาเหมือนเดิม