“รถคันนั้นไม่ใช่ของบ้านคุณเหรอ?”เสิ่นเผยซวนมองไปที่จงจิ่งห้าว เขาสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ จงจิ่งห้าวก็สังเกตเห็นเหมือนกันแน่
“พ่อคุณก็มา……ด้วยเหรอ?”เสิ่นเผยซวนไม่พูดถึงยู่ซิ่วแน่ ที่จริงเขาก็รู้ว่ารถนี้เป็นของยู่ซิ่ว
แต่ว่าเขาไม่กล้าพูดถึงคนนี้ต่อหน้าจงจิ่งห้าว
“คุณว่า ผู้หญิงคนนั้นคิดจะทำอะไร?”จู่ๆจงจิ่งห้าวก็พูด
จากคนที่ไม่พูดถึงยู่ซิ่วก่อน วันนี้พูดถึงเธอเองอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
เพราะว่าเขารู้ว่า เป็นไปได้ว่าคนที่หลินซินเหยียนจะไปเจอก็คือยู่ซิ่ว ครั้งที่แล้วร้านเสื้อผ้าของหลินซินเหยียนเปิด ยู่ซิ่วก็ไป แล้วยังให้กำไรหลินซินเหยียน ตอนนี้เธอยังสวมไว้ที่มือด้วย
เห็นได้ชัดว่า หลินซินเหยียนกลับมาพาลูกออกไป ก็เป็นไปได้ที่จะไปพบเธอ
จงจิ่งห้าวหรี่ตาลง ยู่ซิ่วมาเข้าใกล้หลินซินเหยียนนั้นอยากจะทำอะไรกันแน่?มีจุดประสงค์อะไร?
“หรือว่า อยากจะตีสนิทกับคุณจากเธอ?”เสิ่นเผยซวนเดา ยังไงหลายปีมานี้จงจิ่งห้าวก็เย็นชาต่อยู่ซิ่วมาก“คุณดูสิ ตอนนี้คุณหลินมีลูกให้คุณสองคน ไม่ว่าคุณจะรักเธอหรือไม่ เนื่องมาจากหน้าที่แล้ว คุณต้องรับผิดชอบเธอ เด็กสองคนนั้นล้วนแต่เป็นคนของตระกูลจง แค่คิดก็รู้แล้วว่า พ่อคุณจะต้องชอบมาก ยู่ซิ่วรู้ว่าคุณไม่ชอบเธอ จึงอยากตีสนิทจากตัวคุณหลินกับลูก?”
ที่จริงที่เสิ่นเผยซวนวิเคราะห์ก็พอมีเหตุผล แต่ว่าเขาก็คิดว่าจากไอคิวของหลินซินเหยียน ถ้ายู่ซิ่วมีจุดประสงค์นี้จริงๆ เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะไม่สังเกตเห็นเลย แล้วยังพาลูกไปพบเธออีก
อีกทั้ง ครั้งนี้หลินซินเหยียนกลับมาก็มีท่าทีเปลี่ยนไปต่อเขา ถ้าหากว่า ที่เธอเปลี่ยนไปต่อเขานั้น เป็นเพราะว่ายู่ซิ่ว งั้นก็น่ากลัวไปแล้ว
ยู่ซิ่วพูดอะไรกับเธอ?ทำอะไรไป?ถึงได้เปลี่ยนเธอได้?
“พูดถึงแล้วแม่เลี้ยงคุณก็มีความอดทนดีนะ แต่งกับพ่อคุณก็นานแล้ว ตอนนั้นไม่ถือว่าแก่เท่าไหร่ แต่ว่าไม่มีลูกให้ ปฏิบัติต่อคุณ ……”
จงจิ่งห้าวหันไปมองเขา
เสิ่นเผยซวนอยากจะพูด แต่ติดอยู่ที่ลำคอ สมองก็คิด แล้วจึงเปลี่ยนรูปแบบคำพูด“ผมได้ยินว่าพวกแม่เลี้ยงอย่างนี้ หลายๆคนจะไม่ใส่ใจลูกของสามี หลายคนยังทําทารุณกรรมด้วย ยิ่งไปกว่านั้นตอนที่เธอแต่แต่งกับพ่อคุณก็ไม่แก่ น่าจะมีลูกให้ได้ แต่ก็ไม่คลอดลูก และก็ไม่ได้ทำร้ายคุณ ที่ทำผิดที่สุดก็คือแม่คุณเสียไปไม่นาน ก็แต่งงานกับพ่อคุณ”
เขาต้องยอมรับว่า ยู่ซิ่วไม่เคยทำร้ายเขาจริงๆ ที่เสิ่นเผยซวนวิเคราะห์ก็มีเหตุผล แต่ว่าเขาไม่สามารถยอมรับได้
ถ้าเขาก็ยอมรับไปแบบนี้ แล้วจะไม่ละอายใจ ต่อแม่ที่เสียไปของเขาได้ไง?
“คุณไปหาคนสืบมาหน่อยว่า รอบๆนี้มีหมู่บ้านอื่นอีกไหม”เขาจะต้องรู้ให้ได้ว่าหลินซินเหยียนไปหาเธอหรือไม่ แล้วทำไมถึงไปเจอเธอ
เสิ่นเผยซวนพยักหน้า“ผมจะหาคนไปสืบดู”
ส่วนอีกด้าน หลินซินเหยียนนั่งอยู่ข้างในรถ มองไปด้านหลังอยู่ตลอดเวลา เธอกลัวจะถูกคนเห็นแล้วสะกดรอยตาม
ดีที่ถนนเส้นนี้นั้นเงียบมาก บนถนนไม่มีรถสักคันผ่าน
ไม่นานนัก รถก็จอดที่หน้าประตูตระกูลเฉิง
เฉิงยู่ซิ่วยืนรออยู่หน้าประตู เห็นพวกเขามาถึง กลับไม่ได้เข้าไปต้อนรับทันที และยืนอยู่ตรงนั้น ไม่รู้ว่าจะมีปฏิกิริยาอย่างไรดี เมื่อก่อนเห็นเด็กสองคนนี้ อยู่ในสถานการณ์ที่หลินซินเหยียนที่ไม่รู้ตัวตนเธอ
แต่ว่า ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว
“เอ๋ คุณย่าคนนั้นก็อยู่ที่นี่”หลินลุ่ยซีจูงมือของหลินซินเหยียน ตอนที่มองเห็นเฉิงยู่ซิ่วก็พูด
หลินซินเหยียนจูงลูกทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอนั่งยองๆไปตรงหน้าพวกเขาสองคน สบตาในระดับเดียวกับพวกเขา“เสี่ยวเฉิน เสี่ยวลุ่ย ลูกๆต้องรับปากหม่ามี๊หนึ่งเรื่องโอเคไหม?”
“เรื่องอะไรครับ?”หลินซีเฉินถาม
หลินซินเหยียนให้พวกเขาสองคนมองเฉิงยู่ซิ่ว แนะนำอย่างจริงจัง“ท่านนั้น คือคุณย่าของพวกลูก”
“ผมรู้แล้ว พวกเราเคยเห็น”หลินซีเฉินกะพริบตาโตๆสีขาวดำนั้น ไม่รู้ว่าทำไมหม่ามี๊ยังต้องบอกเขาอีกรอบ
หลินซินเหยียนลูบหัวพวกเขาสองคน“เธอคือคุณย่าแท้ๆของพวกลูก”
แม่ของจงจิ่งห้าว คุณย่าของพวกเขา
เธอให้ลูกทั้งสองคนไปหาเฉิงยู่ซิ่ว“ไปเถอะ”
หลินซีเฉินเคยได้ยินป้าหยูกับจวงจื่อจิ่นพูดคุย ถึงรู้ว่าคุณย่าคนนี้คือแม่เลี้ยงของจงจิ่งห้าว ไม่ใช่ย่าแท้ๆอะไร แต่ว่า หม่ามี๊บอกแบบนี้ จะต้องมีเหตุผลของเธอแน่ ดังนั้นเขาจึงจูงมือเล็กๆของน้องสาว เดินไปทางเฉิงยู่ซิ่ว
เฉิงยู่ซิ่วมองดูร่างของพวกเขา สายตาที่อบอุ่นก็เปียกชื้นทันที ลูกชายของเธอ ก่อนหกขวบนั้นเธอไม่เคยเจอ ต่อมาสุขภาพจิตไม่ดี ก็จำสภาพของเขาตอนหกขวบไม่ได้ พอต่อมาเธอเริ่มดีขึ้น จงจิ่งห้าวก็ค่อยๆเติบโตขึ้น
เธอพลาดการเติบโตของเขาไปแล้ว พลาด ช่วงเวลาในวัยเด็กที่สวยงามที่สุด เธอไม่รู้ว่าเขาเดินได้เมื่อไหร่ ไม่รู้ว่าเขามีฟันขึ้นเมื่อไหร่ ไม่รู้ว่าเขาเริ่มพูดเมื่อไหร่ คำแรกที่พูดคืออะไร
เธอไม่รู้อะไรเลย ชีวิตนี้ มีความเสียใจมากมายสุดๆ
เวลานี้ ทองเด็กสองคนวิ่งมาทางเธอ ก็มึนงงและปวดใจหน่อยๆ
“คุณย่า”คนที่เรียกก่อนคือหลินลุ่ยซี เธอไม่มีความคิดอย่างพี่ชาย รู้แค่ว่าหม่ามี๊บอกว่านี่คือคุณย่า งั้นก็ต้องเป็นคุณย่าแน่นอน
เสียงของเธอนั้นนุ่มนวล ชัดเจนมาก พูดแบบนี้ น้ำตาของเฉิงยู่ซิ่วที่อยู่ในดวงตาก็อัดอั้นไม่ไหว ไหลลงมา เธอรีบเช็ดหน้า ร้องไห้ต่อหน้าเด็กๆไม่ดีเท่าไหร่
เอย่อตัวลง เอาเด็กทั้งสองเข้ามากอดในอ้อมแขน“เสี่ยวเฉิน เสี่ยวลุ่ย พวกเราไม่เจอกันนานเลยนะ”
คางของหลินซีเฉินวางไว้ที่ไหล่ของเธอ คิดในใจว่า ที่จริงก็ไม่นานเท่าไหร่ แต่ว่าดูคุณย่าคนนี้ดีจัง ก็เลยโอบกอดเธอก่อน “ต่อไปพวกเราก็สามารถเจอกันบ่อยๆได้แล้ว”
เฉิงยู่ซิ่วรู้สึกอบอุ่น จงจิ่งห้าวไม่เคยให้เธอเข้าใกล้ ตั้งแต่เธอแต่งเข้าตระกูลจง เขาก็เย็นชาต่อเธอ
ตอนนี้ เธอสามารถกอดลูกของเขาได้ก็เป็นความสุข
“ไป ย่าจะพาพวกหลานไปที่ลานบ้าน”เฉิงยู่ซิ่วยืนขึ้น มือข้างหนึ่งจูงเด็กคนหนึ่ง หลินลุ่ยซีเงยหน้ามองเฉิงยู่ซิ่ว“คุณย่า ในบ้านมีของอร่อยไหมคะ?”
“เสี่ยวลุ่ย ทำตัวดีๆหน่อยเคไหม?”ทำไมทั้งวันยังค่ำเอาแต่คิดถึงเรื่องกิน?
เป็นเด็กชอบกินจริงๆด้วย
เฉิงยู่ซิ่วหัวเราะ พูดว่า“มีสิ”
“วันนี้พ่อพาหนูกับพี่ขึ้นเขา บนเขามีลูกพลับเยอะมาก พวกเราเด็ดมาได้เยอะมาก และก็หวานมากด้วย พวกเรายังเอามาด้วยนิดหนึ่ง”หลินลุ่ยซีพูดอย่างภูมิใจ เธอขึ้นเขาครั้งแรก แล้วเด็ดผลเอง
รู้สึกว่าสนุก รู้สึกว่าตัวเองทำได้
“เหรอ ใช่ลูกพลับบนเขาฝั่งตะวันตกไหม?”เฉิงยู่ซิ่วกลับแปลกใจหน่อยๆ หลายปีมานี้ เธอรู้จักนิสัยของจงจิ่งห้าวเป็นอย่างดี เย็นชา ในใจมีแต่เรื่องงาน คิดไม่ถึงว่าพอเป็นพ่อแล้ว ดันเปลี่ยนไป
พาลูกไปขึ้นเขาได้
เธอคิดว่าแบบนี้ถึงจะมีน้ำใจ
เขาในแบบนี้ ถึงจะเป็นคนที่มีเลือดเนื้อ
เธอลูบผมของหลินลุ่ยซี“ลูกพลับสุกแล้วถึงจะหวานมาก แต่ว่าจะกินตะกละไม่ได้ อย่างมากก็กินแค่สองอันพอ”
“นั่งอยู่ในรถหม่ามี๊บอกแล้ว ว่าลูกพลับเป็นผลไม้เย็น กินมากไม่ดีต่อร่างกาย ดังนั้นหนูเลยอยากกินมาก แต่ว่ากินไปแค่สามอัน ก็ยังอยากกินอีก แต่ว่าหม่ามี๊ไม่ให้หนู แล้วก็ ลูกพลับนี้เล็กมาก”
เธอใช้มือทำท่า “เหมือนกับไข่ไก่ บางอันก็ไม่ใหญ่เท่าไข่”
ในมือหลินซินเหยียนถือถุงพลาสติก ข้างในใส่ลูกพลับสองสามลูก ค่อยๆเดินตามหลังพวกเขาไป
เธอมองดูแผ่นหลังของพวกเขา ก็ยิ้มที่มุมปากออกมาอย่างไม่รู้ตัว
ใกล้เที่ยงแล้ว หมอกก็จางหายไป แสงแดดอ่อนๆก็สาดลงมา
เฉิงยู่ซิ่วกับลูกสองคนพูดไปหัวเราะไป จูงพวกเขาเข้าไปในลานบ้าน