ซูจ้านดึงมือกลับพร้อมพูดอย่างเรียบเฉย “เรารู้จักกัน”
หลิวเฟยเฟยจับมือของเขาพร้อมกุมเอาไว้แน่น “ไม่ คุณกำลังเป็นห่วงฉัน เมื่อก่อนคุณรักฉันมาก……”
“นั่นมันเมื่อก่อน” ซูจ้านพูดเน้น
หลิวเฟยเฟยปล่อยมือของเขา ยกริมฝีปากแห้งกร้านขึ้นเล็กน้อย “ในเมื่อไม่รักฉันแล้ว ทำไมยังต้องเฝ้าฉันด้วย?”
“คุณได้รับบาดเจ็บ……”
“นี่ไม่ใช่ข้ออ้าง!” หลิวเฟยเฟยจ้องมองเขาด้วยความรู้สึกที่ลึกซึ้ง “ซูจ้าน ยังจำครั้งแรกที่คุณจูบฉันได้มั้ยคะ?” เธอไม่สนว่าซูจ้านจะฟังหรือเปล่า ได้พูดเองเออเอง “วันนั้นเป็นวันที่ท้องฟ้าสดใส คืนก่อนจบมหาลัย คุณมาหาฉัน ตอนนั้นกำลังออนแอร์หนังเรื่อง【My Ex.】อยู่พอดี คุณได้ซื้อตั๋วหนังแล้วเราเข้าไปดูกัน เนื้อเรื่องย่อมเกี่ยวข้องกับความรักความแค้นของกันและกันอยู่แล้ว คู่รักที่รักกันมากคู่นึงเลิกรากันเพราะเรื่องบางเรื่อง ตอนนั้นคุณก็กอดฉันไว้และพูดว่า ทั้งชีวิตนี้ก็จะไม่เลิกกับฉัน”
ซูจ้านก้มหน้าไม่พูดจา
เขาจำได้ เขาเคยพูดคำนี้
หลิวเฟยเฟยมองนอกหน้าต่างแล้วพูดต่อ “แสงไฟในโรงหนังมืดสลัวมาก เรานั่งอยู่ตรงตำแหน่งที่ใกล้ด้านในมาก คุณ—ได้จูบฉัน นั่นเป็นครั้งแรกของคุณ และเป็นจูบแรกของฉันเหมือนกัน” เธอหันไปมองซูจ้าน “คุณยังจำได้มั้ยคะ?”
ลูกกระเดือกของซูจ้านเคลื่อนไหวขึ้นลง “บอกผม ทำไมตอนนั้นต้องจากไป”
หน้าตาของหลิวเฟยเฟยเหมือนปล่อยวางได้แล้ว เธอยิ้มอย่างขมขื่น “คุณก็แต่งงานไปแล้ว ฉันพูดออกมายังมีความหมายอะไรอีก?”
เธอหลับตาลง เหมือนเหนื่อยแล้ว และเหมือนตายใจแล้ว “คุณไปเถอะค่ะ”
ซูจ้านกุมมือทั้งสองข้างไว้แน่น “ผมส่งคุณกลับไป”
“ไม่ต้องค่ะ ฉันกลับเองได้” หลิวเฟยเฟยปฏิเสธ
“เฟยเฟย……”
“อย่าเรียกฉันแบบนี้ คุณจะทำให้ฉันนึกว่าในใจคุณยังมีฉันอยู่” เธอค่อยๆลืมตาขึ้นมามองหน้าเขา น้ำตาไหลลงมาจากหางตา “ฉันนึกว่า คุณจะรอฉันตลอดเสียอีก……ฉันผิดไปแล้ว ฉันมโนไปเองว่าความรักของเราจะสามารถก้าวข้ามช่วงเวลาที่ยาวนาน ที่จริงก็แค่รักคุณข้างเดียวเฉยๆ”
“ตอนนั้นถ้าคุณบอกสาเหตุกับผม ผมรอคุณได้” ซูจ้านเพ่งมองเธอ
หลิวเฟยเฟยหัวเราะทีนึง ไม่ได้อธิบายว่าทำไมตอนนั้นต้องจากไป และไม่ได้อธิบายด้วยทำไมได้กลับมาอีก เธอได้ทำเหมือนเขาเป็นอากาศ เปิดผ้าห่มลงจากเตียง ใส่เสื้อคลุม แล้วชี้ยาบนโต๊ะ “ใช่ยาของฉันหรือเปล่า?”
ซูจ้านตอบว่าอืม
หลิวเฟยเฟยหยิบขึ้นมาแล้วเดินไปทางประตู ประตูห้องเปิดออก เธอกุมหน้าผากไว้และเดินเซไปมา
ซูจ้านก้าวมาประคองเธอไว้ “คุณเป็นอะไรไป?”
หลิวเฟยเฟยปัดมือของเขาออก “ฉันจะเป็นตายร้ายดีก็ไม่เกี่ยวกับคุณ”
“ในเมื่อไม่อยากมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับผมอีก ทำไมคุณยังต้องโผล่มาให้ผมเห็นหน้าอีก?” ซูจ้านก็อารมณ์ขึ้นแล้วเหมือนกัน คนที่จากไปคือเธอ คนที่ไม่อธิบายก็คือเธอเหมือนกัน ตอนนี้กลับมากล่าวโทษว่าเขาไม่รอเธอ
“ฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่ควรมาหาคุณ ต่อไปฉันจะไม่โผล่มาให้คุณเห็นหน้าอีกค่ะ” หลิวเฟยเฟยพูดจบก็ได้เดินออกไป
หน้าตาเธอเหมือนอ่อนแอมาก เดินได้ช้ามาก
ซูจ้านยืนอยู่ที่เดิมไปหลายนาที จากนั้นได้วิ่งตามมา เขาจับข้อมือของหลิวเฟยเฟยไว้ “คุณบอกจะไปก็ไปงั้นเหรอ? ครั้งนี้คุณไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจเอง!”
“ซี๊ด~”
หลิวเฟยเฟยสูดหายใจเข้าทางปาก
ซูจ้านรีบปล่อยมือ “ทำคุณเจ็บเหรอ?”
หลิวเฟยเฟยส่ายหัว
“คุณพักอยู่ที่ไหน ผมไปส่งคุณ” ซูจ้านพูด
ตอนนี้เขาไม่รู้ใจตัวเอง รู้แค่ว่าเธอได้รับบาดเจ็บ กลับบ้านคนเดียวไม่ปลอดภัย
“ถนนตงถ่า หมายเลข118ค่ะ” หลิวเฟยเฟยพูดอย่างเรียบเฉย
ซูจ้านอึ้งกับสถานที่ที่ใกล้จะหายไปจากความทรงจำของเขา
“ทำ…ทำไม ต้องเลือกที่นั่น?”
“เพราะที่นั่นมีความทรงจำของฉัน ความทรงจำที่สวยงามและไม่กล้าลืมเลือน” หลิวเฟยเฟยมองหน้าซูจ้าน “คุณลืมไปแล้วแน่ๆเลย?”
ซูจ้านดึงสติกลับ หลบหลีกสายตาของเธอที่เพ่งมองมาหาเขา พร้อมแสร้งเป็นสงบนิ่ง “ผมส่งคุณกลับไป”
เขาหยิบถุงยาในมือของหลิวเฟยเฟยมา และคอยประคองแขนของเธอไว้
หลิวเฟยเฟยไม่ได้พูดอะไรต่อ เธอรู้ว่าสิ่งที่เธอทำเพียงพอที่จะทำให้ซูจ้านหวั่นไหวแล้ว
มาถึงหน้าโรงพยาบาล ซูจ้านโบกรถคันนึง และประคองหลิวเฟยเฟยขึ้นรถ จากนั้นเขาได้ไปนั่งด้านหน้า
ตลอดทาง ทั้งคู่ต่างก็พูดอะไรไม่ออก
ซูจ้านเงียบ มาถึงจุดหมายปลายทางยังเป็นคนขับที่เป็นคอยเตือนเขา เขาถึงดึงสติกลับมาจากความคิดที่ล่องลอย
เขาจ่ายตังค์แล้วลงจากรถ จากนั้นได้ไปช่วยหลิวเฟยเฟยเปิดประตูรถ หลิวเฟยเฟยโน้มตัวลงมาจากรถ
เดินเข้าโถงทางเดินที่คุ้นเคย กล้ามเนื้อของซูจ้านเกร็งไปทั้งตัว
ที่นี่เป็นหมู่บ้านคอนโดที่เก่าโทรม ไม่มีลิฟต์ ดีที่นิติบุคคลที่ดูแลหมู่บ้านคอนโดนี้ไว้ใจได้ เก็บกวาดได้สะอาดมาก ผนังก็ได้ทาสีใหม่
มาถึงห้อง หลิวเฟยเฟยล้วงกุญแจออกมาเปิดประตู นี่เป็นคอนโดแบบ1ห้องนอน1ห้องน้ำ เพราะหมู่บ้านคอนโดเก่าโทรม ค่าเช่าก็เลยถูก สมัยเรียนมหาลัยหลิวเฟยเฟยถึงสามารถเช่าห้องนี้โดยที่อาศัยเงินที่หามาได้จากการทำงานพาร์ทไทม์
ตอนนั้นซูจ้านก็ไม่มีเงินเลย พอจบมหาลัย หลังจากที่หลิวเฟยเฟยจากไปและเขาหดหู่อยู่ช่วงนึง ถึงฮึดสู้และเจริญรุ่งเรืองขึ้นมา หลายปีนั้น เขานอกจากสู้คดีก็ยังคือสู้คดี ไม่ว่าคดีอะไรก็รับหมด ต่อมาพอมีชื่อเสียงแล้วเขาได้เปิดสำนักงานทนายความ พอมีชื่อเสียงเรียงนามของเขาแล้ว คนที่ไปสำนักงานของเขาก็เยอะเลย
หลังจากผ่านการพัฒนา อยู่ในวางการเป็นที่รู้จักไปทั่ว แถมชื่อเสียงดีด้วย
ในห้องยังเหมือนเมื่อก่อน ตอนที่คบกับหลิวเฟยเฟย เขามาที่นี่บ่อยมาก มุมที่ใกล้หน้าต่างมีโซฟาขนาดสองที่นั่งตัวนึง ผ้ากำมะหยี่สีครีม ไม่ใช่วัสดุที่แพงมาก แต่นั่งแล้วสบายมาก ผ้าม่านสีขาว มุมที่ใกล้ผนังมีชั้นวางหนังสือสีไม้วางอยู่ เธอยังชอบอ่านหนังสือเหมือนเมื่อก่อนอีกเช่นเคย
“ขอโทษด้วยค่ะ ที่นี่ค่อนข้างยุ่งไปหน่อย วันนี้ฉันไปร้านขายเฟอร์นิเจอร์ เดิมทีคืออยากซื้อเฟอร์นิเจอร์มาเปลี่ยนของเก่าพวกนี้ทิ้งค่ะ” หลิวเฟยเฟยเดินเข้ามาพร้อมกับได้รินน้ำให้เขาแก้วนึง
ซูจ้านถามด้วยเสียงแหบแห้ง “ทำไมต้องเปลี่ยน”
หลิวเฟยเฟยกุมแก้วน้ำไว้ สายตามองโซฟาตัวนั้นไว้ “ฉันเห็นทีไร ก็จะนึกถึงเรื่องที่ไม่ควรนึกถึงค่ะ”
มือของซูจ้านกุมแน่นขึ้นมากะทันหัน
หลิวเฟยเฟยยื่นแก้วน้ำให้กับเขา “ดื่มน้ำเสร็จก็กลับไปเถอะค่ะ ฉันถึงบ้านแล้ว”
ซูจ้านไม่ได้รับแก้วน้ำในมือเธอ แต่ได้มองหน้าเธอ และถามทีละถ้อยคำ “บอกผมมา ว่าเพราะอะไร?”
หลิวเฟยเฟยสบตากับเขาแล้วพูดทีละถ้อยคำ “ถ้าฉันบอกว่าเพื่อคุณ คุณเชื่อมั้ยคะ?”
เสียงของซูจ้านทุ้มต่ำ “ผมไม่เชื่อ”
ถ้ารักเขาจริง แคร์เขาจริง ตอนนั้นก็ไม่จากไปอย่างไร้เยื่อใยขนาดนั้น แม้แต่สาเหตุที่จากไปก็ไม่บอกเขา
หลิวเฟยเฟยเอาแก้ววางลงบนโต๊ะและหันหลังให้ซูจ้าน “ไม่เชื่อก็ไม่เชื่อเถอะ ที่จริงพอคิดๆแล้ว ฉันเป็นคนวู่วามเอง ถ้าฉันเป็นคุณฉันก็ไม่เชื่อเหมือนกันค่ะ นี่ก็ดึกมากแล้ว คุณควรกลับไปแล้ว”
ซูจ้านยืนอยู่ไม่ขยับ
หลิวเฟยเฟยมองซูจ้านผ่านกระจกแล้วยกมุมปากขึ้น “ภรรยาคุณ น่าจะยังรอคุณอยู่ที่บ้านนะ?”
นึกถึงฉินยา หัวใจซูจ้านหวั่นไหว “คุณดูแลตัวเองดีๆ”
พูดจบเขาได้หันหลังเดินไปที่ประตู เพิ่งถึงหน้าห้อง
ปึ้ง!
ซูจ้านหันมาก็เห็นหลิวเฟยเฟยล้ม แก้วน้ำตกหล่นอยู่บนพื้น เขาเดินกลับไปประคองเธอ “คุณเป็นอะไรไป?”
หลิวเฟยเฟยส่ายหัวบอกไม่เป็นไร “เมื่อกี๊หน้ามืด ยืนทรงตัวไม่ได้เลยล้มค่ะ”
“คุณหมอบอกว่าสมองคุณได้รับแรงกระทบกระแทกนิดหน่อย” ซูจ้านประคองเธอไปนั่งที่โซฟา
“ฉันหิวข้าวค่ะ” หลิวเฟยเฟยมองหน้าซูจ้าน “คุณต้มบะหมี่ให้ฉันชามนึงแล้วค่อยไปได้มั้ย?”
ซูจ้านชักจะลังเลแล้ว
“เอาเถอะ ฉันละลาบละล้วงเกินไปเอง ฉันไปต้มเองค่ะ คุณกลับไปก่อนเลย” ระหว่างที่พูดเธอก็จะลุกขึ้น
ซูจ้านกดเธอไว้ “ผมไปเอง”
เขาถอดเสื้อคลุมออกแล้วเดินเข้าไปในห้องครัว ห้องครัวเป็นแบบเปิด ไม่ใหญ่ แต่กลับมีครบทุกอย่าง
ตื๊ดๆๆ—
จู่ๆมือถือที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อบนโซฟาของซูจ้านสั่น
หลิวเฟยเฟยมองซูจ้านแว๊บนึง เห็นเขากำลังยุ่งอยู่ในห้องครัว ไม่ได้ยินเเสียงมือถือสั่น เธอหยิบมาใส่ในกระเป๋าเสื้อตัวเอง “ฉันไปเข้าห้องน้ำนะคะ”
ซูจ้านไม่ได้หันหน้ามา แค่ตอบว่าอืม
หลิวเฟยเฟยเดินมาถึงห้องน้ำแล้วปิดประตู พอหยิบมือถือออกมาเห็นฉินยาเป็นคนโทรมา
แววตาเธอมืดมนลง ที่แท้ภรรยาของเขาชื่อฉินยา
เธอกดปุ่มรับสาย
ฉินยายืนอยู่หน้าร้าน มือข้างนึงดึงเสื้อคลุมให้มิดชิดไว้ มืออีกข้างกุมมือถือไว้ พออีกฝ่ายรับสาย เธอพูดทันทีว่า “ซูจ้านคุณอยู่ไหนคะ มารับฉันหน่อยค่ะ ฉันรอคุณอยู่ที่หน้าร้านค่ะ”
“สวัสดีค่ะ คุณคงเป็นภรรยาของซูจ้านสินะ เขากำลังต้มบะหมี่ให้ฉันอยู่ค่ะ”