ซางหยูวิ่งกลับหอพัก เพื่อนร่วมห้องหลายคนในหอพัก ไม่มีเรียนวันนี้ ช่วงบ่ายต่างก็อยู่ในหอพัก เห็นเธอกลับมา ถามว่า “ซางหยู เธอทำงานพิเศษเหรอ? ทำอะไร?”
เพราะว่าขอแค่ไม่มีเรียนเธอก็จะออกไป ดูท่าแล้วยุ่งมาก น่าจะทำงานพิเศษ เพราะฉะนั้นถึงได้ถามแบบนี้
ซางหยูส่ายหน้า เธอหยิบกระเป๋าเดินทางออกมาจากใต้เตียง เธอเก็บทะเบียนสมรสไว้กับเสื้อผ้า
เพื่อนถามว่า “ซางหยูเธอหาอะไรอยู่?”
ซางหยูชะงักไปทีหนึ่ง พูดว่า “ทะเบียนสมรส”
เธอไม่อยากปิดบังแล้ว มิเช่นนั้นจะมีคนเข้าใจเธอกับเสิ่นเผยซวนว่าความสัมพันธ์ไม่ปกติอีกแล้ว
เพื่อนตกใจจนอ้าปากค้าง “เธอ เธอแต่งงานแล้ว?”
รู้สึกว่าน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว
“เธอยังเป็นนักศึกษาอยู่เลย”
ซางหยูหาหนังสือเล่มสีแดงนั้นเจออย่างรวดเร็ว เธอถือมันไว้แล้วมองไปทางเพื่อน “มีกฎหมายกำหนด ว่านักศึกษาแต่งงานไม่ได้เหรอ?”
ซางหยูถามกลับ
เพื่อนนักเรียนพูดไม่ออก ไม่มีกฎหมายกำหนดจริงว่านักศึกษาแต่งงานไม่ได้ ขอแค่อายุถึงแล้วก็พอ
“เธอยังเรียนไม่จบ ก็แต่งงาน ไม่รู้สึกว่ามันเร่งรีบเกินไปเหรอ?”
ซางหยูรีบออกไป ไม่ได้พูด วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
เพื่อนนักเรียนตะโกนอยู่ข้างหลัง “วันหลังเลี้ยงลูกอมมงคลพวกเราด้วยนะ”
ซางหยูวิ่งไปด้วย หันกลับมาพูดไปประโยคหนึ่ง
ออกจากประตูมหาลัยแล้ว เธอก็สับสนอย่างฉับพลัน เธอควรไปไหนดี หาใครเพื่ออธิบายสถานการณ์?
ตอนนี้มีหลักฐานอธิบายว่าระหว่างเธอกับเสิ่นเผยซวน ไม่ได้มีความสัมพันธ์ไม่ปกติ พวกเขาถูกต้องตามกฎหมาย แต่ว่าเธอต้องอธิบายกับใคร?
เธอยืนอยู่ข้างถนน บอกตัวเองในใจว่า ต้องใจเย็น ต้องใจเย็น ใจเย็นถึงจะสามารถคิดวิธีออกได้
เธอบอกตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า
ทันใดนั้น เธอมีความคิดประกายขึ้นมา ซูจ้านเป็นทนาย ต้องรู้ทุกอย่างแน่นอน
เธอรีบโบกรถไปหาซูจ้าน
หลายวันนี้ซูจ้านสภาพจิตใจไม่ค่อยดี เพราะว่าไม่เสร็จงานของท่านย่า
ออกจากประตูของสำนักงานทนาย เขาเดินไปที่หน้ารถ เปิดประตูรถออกกำลังเตรียมจะไปโรงพยาบาล เวลานี้ซางหยูถึงแล้ว
เธอเรียกซูจ้าน
ซูจ้านหันกลับมา ซางหยูจ่ายเงินให้คนขับรถ แล้ววิ่งมา
“คุณมาได้ยังไง?” ซูจ้านยังตกใจมาก คิดไม่ถึงว่าเธอจะมาหาเขา
“มีปัญหากับเสิ่นเผยซวนเหรอ? มีปัญหามาหาผมก็ไม่มีประโยชน์ ผมเองก็วุ่นวายไปหมด”
ซางหยูส่ายหัว “ไม่ใช่ ไม่ใช่ เขาเกิดเรื่องแล้ว ถูกคนไม่แจ้งชื่อร้องเรียน บ่ายวันนี้มีคนสองคนไปที่บ้าน บอกว่าจะพาเขาไปตรวจสอบ”
“ถูกคนร้องเรียน?” ซูจ้านเบิกตากว้าง
ซางหยูพยักหน้า
“ร้องเรียนเขาอะไร?” ซูจ้านถาม
“ร้องเรียนว่าเขารับเลี้ยงเมียบำเรอ” ซางหยูรีบร้อน ไม่ห่วงอะไรทั้งนั้นแล้ว แค่อยากรีบช่วยเสิ่นเผยซวนออกมา
ซูจ้าน “…….”
“หมายถึงคุณเหรอ?” เขาถาม
ซางหยูพยักหน้า หยิบทะเบียนสมรสออกมาให้ซูจ้านดู “แต่ว่าพวกเราถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ฉันต้องไปอธิบายสถานการณ์ที่หน่วยงานไหน?”
ถ้าพูดว่า เสิ่นเผยซวนถูกคนร้องเรียน ทำให้ซูจ้านแปลกใจ ถ้าอย่างนั้นขณะนี้เห็นทะเบียนสมรสในมือของซางหยู นั่นก็คือตกตะลึง
เสิ่นเผยซวนไม่พูดอะไรสักคำ ก็จดทะเบียนกับซางหยูแล้ว?
ยังเห็นเขาเป็นเพื่อนรักอยู่ไหม? ไม่บอกอะไรสักคำ?
“คุณรีบพูดซิ ฉันต้องไปสถานที่อะไร ไปอธิบายสถานการณ์?” ซางหยูรีบร้อนกระวนกระวาย
ซูจ้านเงยหน้าขึ้น “ขึ้นรถเถอะ ผมพาคุณไป”
ซางหยูเปิดประตูขึ้นรถ ซูจ้านขึ้นไปที่นั่งคนขับ สตาร์ทรถถามว่า “พวกคุณจดทะเบียนตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ซางหยูพูด “วันจันทร์”
ซูจ้านทำเสียงเย็นชา “เชื่อพวกคุณจริงๆ แม้แต่ผมก็ไม่พูดสักคำ”
ซางหยูรีบอธิบาย “ไม่ใช่ พวกเราไม่ได้ตั้งใจจะปิดบัง แค่ยังหาโอกาสที่เหมาะสมไม่ได้ ที่จะบอกกับทุกคน”
ซูจ้านพูด “ไม่ต้องกังวล พวกคุณถูกต้องตามกฎหมาย เผยซวนไม่มีเรื่องหรอก”
ซางหยูพยักหน้า
แต่ก็ควบคุมความกังวลในใจไม่ได้
รู้สึกว่าเป็นเพราะตัวเอง เสิ่นเผยซวนถึงได้ถูกตรวจสอบซ้ำแล้วซ้ำเล่า ครั้งที่แล้วก็เป็นเพราะเธอ
ในใจเธอรู้สึกผิดต่อเสิ่นเผยซวน
ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง รถจอดอยู่หน้าอาคารศาลอัยการ ซูจ้านลงรถ ซางหยูก็ลงตามไปด้วย
“ตามผมมา” ซูจ้านพูด
ซางหยูพยักหน้า เดินตามฝีเท้าของเขา
ขณะนี้เสิ่นเผยซวนนั่งอยู่ในห้องสอบสวน ในมือหัวหน้าของศาลอัยการถือทะเบียนสมรสที่เสิ่นเผยซวนยื่นมา ดูแล้วดูอีก
รู้สึกเหมือนอย่างกับละคร
วันที่บนทะเบียนสมรสห่างจากวันนี้แค่สามวัน ส่วนพวกเขาได้รับการร้องเรียน ก็เป็นเวลาของวันจันทร์
เขาวางทะเบียนสมรสลง ถามว่า “คุณไปสร้างความขุ่นเคืองให้คนอื่นเหรอ?”
ไม่อย่างนั้นทำไมถึงถูกร้องเรียนไม่ลงนาม?
เสิ่นเผยซวนพูด “ไม่มี”
ในใจกลับมีการคาดเดา แต่ว่าเขาไม่มีหลักฐาน เพราะฉะนั้นก็ไม่กล้าพูดไปเรื่อย
ซ่งหย่าซินเป็นคนแรกที่เขาสงสัย
ผู้หญิงคนนี้ จิตใจลึกซึ้ง อีกอย่างไม่ซื่อตรง
หัวหน้ายิ้ม “ดูแล้วเป็นเรื่องเข้าใจผิด แต่ว่า พวกเราเป็นหน่วยงานการควบคุมดูแล ขั้นตอนพวกนี้ก็ต้องทำ หวังว่าคุณจะเข้าใจ”
เสิ่นเผยซวนพูด “เข้าใจ ถ้าไม่มีอะไร ผมไปได้แล้วใช่ไหม?”
หัวหน้ากำลังอยากพูดว่าได้ อย่างไรเสียทะเบียนสมรสก็พิสูจน์แล้วว่าไม่ปลอม เป็นของจริง
เพราะฉะนั้นเรื่องเขารับเลี้ยงเมียบำเรอไม่ใช่เรื่องจริง
เวลานี้กลับมีคนเดินเข้ามา พูดอยู่ข้างหูเขา “ข้างนอกมีคนอยากพบท่าน บอกว่ารู้สถานการณ์ของรองผู้บัญชาการเสิ่น”
“ออ?” หัวหน้าพูด “งั้นก็ให้คนเข้ามา”
คนนั้นพยักหน้าออกไปเรียกคน ไม่นานก็พาคนเข้ามา