ได้ยินเสียงคุ้นเคย ฉินยาขยี้ตา เหล่มองดูเวลา กลางดึกตีสาม
“พี่หลิน…”
“อืม ปลุกเธอตื่นใช่มั้ย?” หลินซินเหยียนพูดอย่างอ่อนโยน
ฉินยาอืมทีหนึ่ง “ดึกขนาดนี้โทรมาหาฉัน มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
หลินซินเหยียนคิดอยู่สักพัก เปิดปากพูด “ตอนเย็นซูจ้านอยู่กินข้าวกับฉันที่นี่ เสิ่นเผยซวนกับซางหยูรับทะเบียนสมรสแล้ว พวกเราต่างดีใจกันมาก เลยดื่มเหล้ากันนิดหน่อย ใครจะไปรู้ว่าเขาไม่เรียกบริการขับแทน…”
“รถชนใช่มั้ยล่ะ?” ฉินยาเพียงพริบตาเดียวก็หายง่วงไปหมด “เขาเป็นยังไงบ้าง?”
“ฉันก็ไม่รู้แน่ชัด เหมือนว่าจะร้ายแรงอยู่ จิ่งห้าวกับเผยซวนไปหาเรียบร้อยแล้ว ร่างกายฉันไม่สะดวกไป เธอกลับมาดูหน่อยเถอะ ข้างกายเขาไม่มีญาติ มีแค่ท่านย่าเป็นญาติเพียงคนเดียว อีกอย่างอายุก็มากแล้ว”
“ได้” ฉินยาแทบจะไม่ลังเล
“งั้นเธอก็ไม่ต้องรีบนะ ที่นี่มีพวกเราดูอยู่” หลินซินเหยียนบอก กลัวเธอรีบร้อนจนเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก
ฉินยาบอกว่ารู้แล้ว
สายโทรศัพท์วางลง หลินซินเหยียนนอนไม่หลับ
ในใจกระวนกระวาย กลัวว่าซูจ้านจะเป็นอันตรายถึงชีวิต
ต่อมาจวงจื่อจิ่นมาแล้ว หลินซินเหยียนให้เธอนอน เธอพูด “ตื่นแล้วก็นอนไม่หลับแล้ว ฉันอยู่เป็นเพื่อนเธอเอง”
จวงจื่อจิ่นตั้งใจพูดคุยกับเธอ เพื่อไม่ให้เธอคิดมาก คิดเลอะเทอะ
“เหยียนซีเด็กคนนั้น ตอนนี้รู้เรื่องขึ้นมากเลย แถมยังรักเรียน คะแนนเพิ่มขึ้นไม่น้อย”
หลินซินเหยียนพูด “เธอโตขึ้นแล้วค่ะ”
“ใช่สิ คิดถึงตอนที่พวกเขาเกิดนะ ตัวเล็กมากเลย แค่พริบตาเดียวก็โตขนาดนี้ เธอก็มีลูกคนที่สามแล้วด้วย” จวงจื่อจิ่นถอนหายใจเวลาผ่านไปไวเหลือเกิน
หลินซินเหยียนยิ้ม เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว หายวับไปเพียงพริบตา เมื่อก่อนเธอเคยคิดบ้างไหมว่าจะมีวันนี้
ลูกชายลูกสาวอยู่ข้างกาย สามีหน้าตาดี แถมมีเงิน?
พูดไปพูดมาเวลาก็ดึกมากแล้ว จวงจื่อจิ่นฟุบหลับไปข้างเตียง หลินซินเหยียนเอาผ้าห่มบางๆผืนหนึ่งห่มตัวเธอ ในห้องเปิดแอร์อยู่ตลอดจะหนาวเอา
ฉินยาจองไฟลท์บินที่เช้าที่สุด ช่าวหยุนมาส่งเธอ “เรื่องอะไรทำไมรีบขนาดนี้? เช้าตรู่แบบนี้ ข้าวก็ไม่กินรีบจะออกไป”
ฉินยาไม่ได้พกอะไรมาด้วย มีเพียงแค่กระเป๋าใบเดียว “ซูจ้านรถชนค่ะ”
ช่าวหยุนอ้อทีนึง “เป็นแบบนี้นี่เอง คงไม่ใช่คิดจะหลอกเอาความสงสารจากเธอ ให้เธอใจอ่อนหรอกนะ?”
ฉินยาส่ายหน้า “ไม่น่าจะใช่ พี่หลินโทรมา แถมยังเป็นกลางดึก ฉันรู้สึกได้ เธอกังวลมาก ไม่เหมือนคนโกหก”
ช่าวหยุนโบกมือ “ฉันก็พูดไปอย่างนั้น เธอคิดจริงไปได้ กลับไปดูแลดีๆล่ะ ที่นี่ฉันดูเอง ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังนะ”
เฉิงยู่เวินมาเมืองC ดูแลโรงงานทอผ้า ร้านเสื้อผ้าได้เข้าสู่สภาพที่มั่นคงแล้ว ผู้เชี่ยวชาญ นักออกแบบก็มีแล้ว น้อยลงไปหนึ่งคนชั่วคราวไม่มีผลกระทบอะไรมาก
ฉินยาพูด “ขอบคุณค่ะอารอง”
เวลาที่อยู่กับช่าวหยุนช่วงนี้ เธอมีความสุขมาก อยู่กับเขารู้สึกผ่อนคลายมาก
ช่าวหยุนโบกมือ “จะถึงเวลาเช็คอินแล้ว เธอรีบเข้าไปเถอะ”
ฉินยาโบกมือให้กับเขา
ใกล้จะตอนบ่าย ฉินยามาถึงเมืองB
เธอรีบไปที่โรงพยาบาล ซูจ้านถูกนำตัวไปห้องผู้ป่วยแล้ว บนศีรษะพันผ้าพันแผล สีหน้าขาวซีด ยังคงสลบอยู่
ฉินยายืนอยู่หน้าเตียงผู้ป่วย กำลังคิดอยู่ว่าเขาตั้งใจหรือเปล่า ยังไงเขาก็ทำเรื่องอะไรได้ทุกอย่างจริงๆ
ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่
“คุณหมอว่ายังไงบ้าง?” ฉินยาถาม
เสิ่นเผยซวนพูด “ไม่แน่ใจ หมอบอกว่าต้องรอดูสถานการณ์หลังจากเขาฟื้น”
ฉินยาพยักหน้า
“งั้นคุณเฝ้านะ ผมจะออกไปหน้าประตู” เสิ่นเผยซวนพูด
“พี่เสิ่น คุณไม่ได้นอนมาทั้งคืนใช่มั้ย คุณกลับไปพักผ่อนซะหน่อยเถอะ ที่นี่ฉันดูเอง” ฉินยาพูด
เสิ่นเผยซวนพูด “งั้นก็ได้ สายๆหน่อยผมจะมาเปลี่ยนกับคุณละกัน”
ฉินยาตอบกลับ “ได้ค่ะ งั้นเรื่องที่เหลือ อาจจะต้องรบกวนคุณด้วย”
รถชนซูจ้านต้องรับผิดชอบทั้งหมด อีกอย่างประกันมีการหักลดหย่อนค่าใช้จ่ายสำหรับฝ่ายเรา ตอนนี้จำเป็นต้องเจรจากับอีกฝ่าย
เสิ่นเผยซวนพูด “อันนี้คุณไม่ต้องสนหรอก ผมจะจัดการตามสมควร งานของเขาส่วนใหญ่เป็นทนายความ อีกฝ่ายก็ไม่กล้ากล่าวเท็จหรอก”
ฉินยาพยักหน้า
เสิ่นเผยซวนออกไปแล้วก็ปิดประตู
ฉินยานั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้างเตียง ไม่ได้เจอกันไม่นาน ซูจ้านผอมลงไปไม่น้อย
ช่วงหลายวันนี้พวกเขาต่างฝ่ายต่างก็ไม่ติดต่อหากัน
เธอรู้ ซูจ้านยังคงพูดโน้มน้าวใจท่านย่าไม่ได้
ตัวเขาเองไม่สนใจ แต่ว่าท่านย่าแคร์มาก
เขาอยู่ตรงกลางจะต้องอึดอัดมากแน่ๆ
ฉินยาถอนหายใจเล็กน้อยแล้วลุกขึ้นเทน้ำแก้วหนึ่ง เช็ดให้ซูจ้านเพราะว่าเวลานานทำให้ริมฝีปากแห้งและแตก ผมยกขึ้นเล็กน้อย ยังมีคราบเลือดที่ยังเช็ดไม่สะอาดอยู่
เธอเอื้อมมือไปกุมมือของเขา พูดเสียงเบาๆว่า “ซูจ้าน คุณฟื้นขึ้นมาเถอะ”
เพื่อท่านย่า เพื่อเธอ จะเป็นอะไรไปไม่ได้
คนบนเตียงไม่ขยับ
และก็ไม่มีร่องรอยของการฟื้นขึ้นมา
เสิ่นเผยซวนไม่ได้นอนทั้งคืน ใต้เปลือกตามีสีทึบ สีหน้าดูอ่อนล้าเล็กน้อย
เขากลับมายังที่พักและเปิดประตู เคยชินแล้วกับการไม่มีใครอยู่ในบ้าน
ซางหยูได้ยินเสียงและยืนอยู่ตรงห้องโถง
เสิ่นเผยซวนเดินเข้ามา เห็นเธอยืนอยู่ตรงนั้น “วันนี้ไม่ไปเข้าเรียนหรอ”
“วันนี้ไม่มีเรียน” ซางหยูแต่งตัวเรียบร้อย “ฉันกำลังคิดว่าจะไปหาคุณ”
เสิ่นเผยซวนพูด “ไม่ต้องไปแล้ว ฉินยากำลังเฝ้าอยู่”
“คุณกินข้าวรึยัง?” ซางหยูถาม
เสิ่นเผยซวนตอบว่ายัง
“ฉันไปทำมาให้คุณสักหน่อย คุณนอนก่อนสักพักนะ?” ซางหยูดูออกถึงสีหน้าเหนื่อยล้าของเขา
เสิ่นเผยซวนพูด “ยังต้องไปสถานีตำรวจ คุณทำอาหารสักหน่อย ผมไปอาบน้ำให้สดชื่นสักพัก”
ซางหยูรู้สึกว่าเขาเหนื่อยเกินไปแล้ว รู้สึกปวดใจเล็กน้อย
“วันนี้ลาหยุดอยู่บ้านไม่ได้หรอ?” ซางหยูพูด
เสิ่นเผยซวนพูด “ไม่ได้ ตอนบ่ายยังมีประชุมอยู่” เขาดึงคอเสื้อเดินเข้ามาถอดเสื้อผ้าและเดินเข้าห้องอาบน้ำ
ซางหยูมองเขาครู่หนึ่ง เดินไปในครัวทำอาหารให้เขา
ไม่รู้ว่าเขาเดินมั่นคงหรือเปล่า ซางหยูใส่เกี๊ยวลงไป ครั้งก่อนเธอห่อเอาไว้ แช่แข็งไว้ในตู้เย็น
เธอปอกกระเทียมเพื่อทำกระเทียมบด เทซอสเปรี้ยวถ้วยเล็ก เสิ่นเผยซวนอาบน้ำเสร็จ สวมชุดในเครื่องแบบรูปร่างสูงโปร่ง มีสง่าราศี เขาสวมชุดในเครื่องแบบน่าหลงใหลมาก ซางหยูมองจนใจลอย จนกระทั่งเสิ่นเผยซวนเดินเข้ามาเธอถึงจะได้สติกลับมา รีบพูดขึ้นว่า “คุณรออยู่ด้านนอกนะ เสร็จแล้วล่ะ”
เธอวางกระเทียมและซอสเปรี้ยวลงบนโต๊ะ จากนั้นตักเกี๊ยว วางลงบนจานแล้วยกเข้ามา
เสิ่นเผยซวนลากเก้าอี้หน้าโต๊ะออก “คุณก็กินสักหน่อยสิ”
ซางหยูนั่งฝั่งตรงข้าม พูดว่า “คุณกินก่อนเลย ฉันยังไม่หิว”
เสิ่นเผยซวนข้าวเช้าก็ไม่ได้กิน เวลานี้ตอนบ่ายแล้ว หิวแล้วจริงๆ เขาหยิบตะเกียบคีบชิ้นหนึ่งจิ้มซอสเปรี้ยวแล้วเอาเข้าปาก
ร้อนนิดหน่อย เขาไม่ได้เคี้ยวให้ละเอียดก็กลืนลงไป
ซางหยูเทน้ำให้เขา “คุณกินช้าๆหน่อย”
เสิ่นเผยซวนพูด “อร่อยมาก”
ซางหยูนั่งเท้าคางมองดูเขา ถามว่า “ซูจ้านบาดเจ็บเป็นยังไงบ้าง?”
“ไม่อันตรายถึงชีวิตแล้ว” เสิ่นเผยซวนตอบ
ซางหยูดีใจ “งั้นก็ดีแล้วล่ะ บนร่างกายก็ไม่ได้บาดเจ็บใช่มั้ย?”
อุบัติเหตุทางรถยนต์หลายเคส ทำให้ร่างกายพิการไปก็มีไม่น้อย
เสิ่นเผยซวนตอบ “ไม่มี”
ซางหยูพยักหน้า
กินข้าวเสร็จเสิ่นเผยซวนดื่มน้ำอึกหนึ่ง ลุกขึ้น และพูดว่า “ผมไปล่ะ”
ซางหยูเดินเข้ามา “รอแปปนึง”
เสิ่นเผยซวนยืนอยู่ที่เดิม มองดูเธอ
ซางหยูเดินมาตรงหน้าเขา เอื้อมมือจัดปกคอเสื้อของเขาให้เรียบตรง “คุณสวมชุดนี้ดูดีมาก”
เสิ่นเผยซวนถาม “แค่เสื้อผ้าดูดีงั้นหรอ?”
ซางหยูยิ้ม “คุณก็ดูดี”
เสิ่นเผยซวนเอื้อมมือใช้แขนโอบเธอไว้ ลูบผมของเธอ “ผมต้องไปละนะ”
ซางหยูพยักหน้า
เสิ่นเผยซวนมาถึงสถานีตำรวจ ก็ถูกคนข้างกายของผู้บัญชาการซ่งเรียกไว้
เขาเดินเข้ามาที่ห้องทำงานของผู้บัญชาการซ่ง เห็นบนโต๊ะทำงานของผู้บัญชาการซ่งถูกจัดเก็บจนสะอาดเรียบร้อย
เสิ่นเผยซวนถาม “ผู้บัญชาการซ่ง นี่มัน…”