เสิ่นเผยซวนทานซุปหมดไปหนึ่งถ้วยแล้วกล่าว “ท่านย่าครับ ผมส่งท่านกลับนะครับ”
ให้พูดอย่างไรท่านย่าก็ไม่ยอม ต้องการที่จะเฝ้าอยู่ที่นี่ท่าเดียว บอกว่าถ้าซูจ้านไม่ฟื้น เธอก็จะเฝ้าอยู่อย่างนี้
เสิ่นเผยซวนพูดเกลี้ยกล่อม “ท่านอยู่ที่นี่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ และก็ไม่มีที่ให้นอนพักผ่อนด้วย ฉินยาต้องดูแลซูจ้าน ขาของท่านเองก็เดินเหินไม่สะดวก เธอยังต้องมาดูแลท่านอีก แบบนี้เธอจะยิ่งเหนื่อยนะครับ ให้ผมส่งท่านกลับโรงพยาบาลเถอะ”
ท่านย่ากล่าว “ฉันไม่กลับไปที่โรงพยาบาล ฉันหายดีแล้ว ไม่จำเป็นต้องรักษาอีก”
“อย่างนั้นผมจะไปทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลให้นะครับ วันนี้ท่านกลับไปพักอีกสักคืนก่อน ที่นี่ไม่มีที่ให้นอนพักนะครับ” เสิ่นเผยซวนกล่าว
ท่านย่าไม่อยากไป หลานชายนอนสลบไม่ฟื้น เธอกลับไปก็นอนไม่หลับ
“ฉันอยากจะเฝ้าอยู่ที่นี่ เมื่อเขาฟื้น ฉันก็จะสามารถรู้ได้ในทันที” ท่านย่ามองหลานชาย ทอดถอนใจด้วยความกลัดกลุ้ม จิตใจดูเศร้าสลดหดหู่ไม่น้อย
ฉินยากล่าว “หากเขาฟื้น หนูจะแจ้งให้คุณย่าทราบทันทีค่ะ”
ท่านย่ามองฉินยา สุดท้ายจึงต้องจำยอม ขาของเธอไม่สะดวกจริง ๆ อยู่ที่นี่ต้องลำบากฉินยาดูแล และเธอก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ด้วย
เธอจึงกำชับย้ำ “ถ้าเขาฟื้นขึ้นมา จะต้องบอกให้ฉันรู้ทันทีเลยนะ”
ฉินยากล่าว “ค่ะ”
เสิ่นเผยซวนเข็นท่านย่า ซางหยูเก็บกวาดกล่องข้าว
แล้วก็ไม่ลืมที่จะเหลือบมองไปยังบนเตียงแวบหนึ่ง
คิดในใจ สมาธิของซูจ้านช่างดีจริง ๆ ขนาดนี้แล้วยังแสดงต่อได้อีก
“อย่างนั้นพวกเราขอตัวก่อนนะ” ซางหยูกล่าวกับฉินยา
ฉินยาส่งพวกเขาถึงหน้าประตู
เสิ่นเผยซวนพาท่านย่าขึ้นรถ ส่งเธอกลับไปที่โรงพยาบาล
ท่านย่ากล่าว “เผยซวนจ๊ะ ฉันคงต้องรบกวนเธอสักเรื่องหน่อย”
เสิ่นเผยซวนช่วยเธอรัดเข็มขัดให้แน่นเสร็จสรรพ แล้วให้คอยซางหยูดูแล จากนั้นกล่าว “มีอะไรเชิญพูดมาได้เลยครับ”
“พรุ่งนี้ฉันทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลแล้ว ช่วยฉันหาคนรับใช้คนใหม่หน่อยนะ”
คนรับใช้คนก่อนที่อยู่ในบ้านได้ออกไปแล้ว พยาบาลของโรงพยาบาลคนนี้เธอไม่ค่อยชอบ ขาของเธอไม่สะดวก ไม่สามารถจะดูแลซูจ้านได้ แต่จะให้เพิ่มภาระให้กับฉินยาก็ไม่ได้
เสิ่นเผยซวนตอบกลับว่าครับ “รอทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลแล้ว ผมจะพาท่านไปหานะครับ ไปเลือกด้วยตัวเอง”
ท่านย่ากล่าว “ขอบใจเธอมากนะ”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับซูจ้าน ท่านก็คือคุณย่าของผม” เสิ่นเผยซวนขึ้นไปนั่งในฝั่งที่นั่งคนขับแล้วสตาร์ทรถ จากนั้นก็ขับออกจากโรงพยาบาลไปยังอีกโรงพยาบาลหนึ่ง
เพื่อนำท่านย่าไปส่ง เสิ่นเผยซวนกล่าว “ท่านพักผ่อนให้ดี ๆนะครับ คุณหมอบอกว่าโอกาสที่ซูจ้านจะฟื้นขึ้นมานั้นมีโอกาสสูงมาก ท่านอย่าได้เป็นห่วงเกินไปนะครับ”
ท่านย่าพยักหน้า “ตอนนี้สิ่งเดียวที่ฉันหวังก็คือขอให้เขาฟื้นขึ้นมาเร็วๆ”
เสิ่นเผยซวนพูดปลอบ “ฟื้นแน่นอนครับ”
เมื่อจัดแจงท่านย่าเสร็จสรรพแล้ว เขาจึงได้จากไปพร้อมกับซางหยู
ซางหยูที่อัดอั้นมาโดยตลอด ตอนนี้รอบข้างไม่มีคนอื่น และก็ไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครมาได้ยินแล้ว จึงกล่าวขึ้น “ซูจ้านทำไมต้องแสร้งสลบด้วย”
เสิ่นเผยซวนไม่ได้ปิดบังเธอ จึงพูดสถานการณ์ของซูจ้านว่าคั่นอยู่ตรงกลางระหว่างผู้หญิงสองคนเลยจนปัญหา จึงได้คิดแผนการนี้
“ทำไมท่านย่าถึงไม่ยอมรับฉินยา” ทั้งที่เธอก็เห็นว่าท่านย่าจริง ๆ แล้วก็ชอบฉินยาเหมือนกัน
เสิ่นเผยซวนเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง เม้นปากแล้วขึ้นรถ ซางหยูนั่งลงไปยังที่นั่งข้างคนขับ หันหน้ามามองเขา “บอกไม่ได้เหรอ”
“เปล่า”
เสิ่นเผยซวนครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วก็คิดว่าซางหยูก็ไม่ใช่คนอื่นใด จึงได้พูดเรื่องราวที่ฉินยาไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ออกมา
ซางหยูเบิกตากว้างแทบไม่อยากจะเชื่อ “ตอนนี้เทคโนโลยีทางการแพทย์ก้าวหน้า เห็นสามารถรักษาผู้หญิงมากมายที่ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ตั้งเยอะแยะ”
เสิ่นเผยซวนเคลื่อนรถออกไปแล้วกล่าว “เรื่องราวไม่ได้ง่ายเหมือนอย่างที่คุณคิด”
“อย่างนั้นคุณบอกกับฉันสิว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร คุณไม่พูดแน่นอนว่าฉันย่อมไม่รู้ ตอนนี้ฉันเป็นภรรยาของคุณแล้วนะ ห้ามปิดบังฉันสิ” ซางหยูยื่นศีรษะมาอิงที่ไหล่ของเขา
เสิ่นเผยซวนครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วกล่าวขึ้น “เมื่อก่อนเธอเคยได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสครั้งหนึ่ง ตอนนั้นเธอกำลังตั้งครรภ์ เป็นลูกของซูจ้าน เพราะการได้รับบาดเจ็บจึงทำให้แท้งลูก และก็เป็นสาเหตุให้ไม่สามารถมีลูกได้อีก นี่ไม่ใช่เรื่องที่คุณหมอจะสามารถรักษาได้”
“เธอได้รับบาดเจ็บเพราะซูจ้านเหรอ” ซางหยูพอจะเดาออก
เพราะท่านย่าบอกว่าซูจ้านเลอะเลือน จึงทำผิดพลาด เธอก็เลยเดาว่าคงจะเกี่ยวข้องกับซูจ้าน
เสิ่นเผยซวนตอบอืม
“อย่างนั้นท่านย่าควรจะยอมรับฉินยาถึงจะถูก ที่เธอเป็นแบบนี้ ก็เพราะซูจ้านไม่ใช่เหรอ” ซางหยูรู้สึกว่าท่านย่าปฏิบัติต่อฉินยาแบบนี้ไม่ยุติธรรม
ทำไม!เห็นได้ชัดเจนว่าคนที่ได้รับบาดเจ็บคือฉินยา ทำไมยังต้องให้เธอแบกรับไว้ทั้งหมดอีก
“ท่านย่าความคิดหัวโบราณ ยิ่งซูจ้านเป็นลูกคนเดียวของตระกูลซูอีก เธอยอมรับไม่ได้ที่จะขาดทายาทสืบสกุล……”
ดังนั้นสามารถทำร้ายใครก็ได้แบบนี้เหรอ
ซางหยูรู้สึกว่าท่านย่าได้ทำร้ายฉินยา ผู้หญิงคนหนึ่งไม่สามารถมีลูกได้ ตัวเธอเองก็ต้องเจ็บปวดมากพอแล้ว ท่านย่ายังมาเป็นแบบนี้อีก จิตใจเธอจะทุกข์มากแค่ไหน
ซางหยูนั่งตัวตรง ถามขึ้น “คุณจะเป็นแบบนี้ไหม”
เสิ่นเผยซวนที่ไม่ทันรู้สึกตัวได้ถามขึ้น “อะไรนะ”
“คุณอยากมีลูกหรือเปล่า” ซางหยูถาม
เสิ่นเผยซวนจึงได้เข้าใจ ยื่นมือไปโอบเธอเข้ามาในอ้อมกอด “อายุก็ยังน้อยยังชอบคิดมากอีก”
ซางหยูถูไถอยู่ที่อ้อมกอดของเขา “อย่างนั้นคุณบอกมาว่าถ้าหากฉันไม่สามารถมีลูกได้ คุณจะทิ้งฉันไหม”
“นั่นเป็นความคิดโบราณของคนเฒ่าคนแก่ ซูจ้านยอมรับได้หากไม่มีลูก ผมก็ยอมรับได้ หากไม่ได้จริง ๆ ก็รับมาเลี้ยง หากคุณไม่ชอบ ผมก็สามารถใช้ชีวิตสองคนกับคุณตลอดไปได้
“แล้วถ้าฉันชอบเด็กล่ะ” ซางหยูเงยหน้าขึ้น เธอชอบเด็ก ถ้าหากว่าเธอมีลูก ก็จะเลี้ยงลูกไว้ข้างๆ ใช้ความรักทั้งชีวิตเพื่อรักเขา ไม่ยอมให้เขาถูกทำร้ายเป็นเด็ดขาด
เสิ่นเผยซวนกล่าว “ชอบก็มีเลย”
ซางหยูยิ้มแล้วถาม “แล้วจะมีกันเมื่อไร”