เอาเถอะถึงจะเป็นอาหารหมา แต่เขาก็ยอมกินด้วยความเต็มใจล่ะนะ
การที่หลินซินเหยียนมีความสุขก็เป็นสิ่งที่เขาอยากเห็น
ตอนนี้จงจิ่งห้าวก็ตกลงแล้ว เขาจึงบอกว่า ” ถ้างั้นชื่อของเด็กคนนั้น ฉันตั้งก็แล้วกันนะ ”
หลินซินเหยียนยิ้มและพูดว่า” ตั้งเลยค่ะ ”
พูดจบเธอก็เงยหน้าขึ้นมองจงจิ่งห้าว ก็ยิ้มในน้อยๆ ตรงมุมปาก ขณะนี้จงจิ่งห้าวก็มองมาที่เธอพอดี เขายกมือขึ้น ดูหน้าผากของเธอเบาๆ แล้วพูดว่า ” ใช้นามสกุลจวงเถอะ ”
ตอนแรกช่าวหยุนกำลังคิดว่าจะใช้ชื่อจงอะไรดี แต่พอได้ยินคำที่จงจิ่งห้าวพูดออกมาแล้ว เขาก็ลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ แล้วประจันหน้ากับเขา
” แต่นี่เป็นลูกของนายนะ….. ”
” ก็เป็นลูกของเหยียนเหยียนเช่นเดียวกัน ” จงจิ่งห้าวพูด
ในแววตาของช่าวหยุนเปร่งประกายแสงของความชื่นชมออกมาอีกครั้ง รู้สึกว่าเป็นไปตามที่เหวินเสียนวางไว้ไม่มีผิด ผู้ชายคนนี้เป็นคนที่พึ่งพาได้จริงๆ
ความสามารถของเขา การมีใจที่รับผิดชอบ และที่สำคัญที่สุดคือเข้าใจคนรักของตัวเอง
ช่าวหยุนพูดไปก็ยิ้มไป ” ฉันก็ไม่ได้มีความรู้อะไรมากมายหรอกนะ ถ้าตั้งชื่อออกมาแล้วไม่น่าฟัง อย่าโทษฉันก็แล้วกัน ”
” ไม่โทษหรอกค่ะ ” หลินซินเหยียนหัวเราะพลางพูด ” แต่ความหมายชื่อน่าเกลียดเกินไปนะ ฉันกลัวว่าลูกชายฉันจะไม่ยอมน่ะสิ ”
ช่าวหยุนเลียปากยียวน ” ดีเท่าไหร่แล้วที่ฉันไม่ตั้งชื่อลูกหมาตัวที่สามน่ะ เธอต้องขอบคุณฉันสิ
หลินซินเหยียน” …… ”
จริงๆ แล้วพอรู้ว่าหลินซินเหยียนคลอดลูกชายอีกคนหนึ่ง เขาก็คิดถึงเรื่องชื่อของลูกให้เธอแล้ว ก็หวังอยู่ลึกว่าให้ลูกชายของหลินซินเหยียนใช้นามสกุลจวง หลินซินเหยียนก็ไม่ได้เปลี่ยนนามสกุล จึงไม่ได้ทำให้พี่ใหญ่ของเขาไร้ผู้สืบทอด
แน่นอนว่าหากหลินซินเหยียนไม่เกริ่นขึ้นมาก่อน เขาคงไม่พูดออกไปว่าจะจัดการเรื่องตั้งชื่อเอง
เขาถึงกับจ่ายเงินหาคนมาตั้งชื่อให้โดยเฉพาะ
ที่พูดออกไปก็เป็นเพราะตั้งใจทั้งนั้น
ตอนนี้เขายังแกล้งหยอกหลินซินเหยียนแกมหัวเราะ” ถ้างั้นก็ชื่อ พี่สามไหม หรือไม่ก็ชื่อว่าจวงสาม? ”
หลินซินเหยียน” ….. ”
” ก็ได้ ก็ได้ ไม่แกล้งแล้ว ” ช่าวหยุนเก็บสีหน้าล้อเล่นเมื่อกี้ แล้วกลับมาพูดอย่างสุขุมอีกครั้ง ” ชื่อจวงเจียเหวินสิ “เพราะในนั้นมีชื่อแซ่ของจวงจื่อยี่กับเหวินเสียนปนกัน “เพราะเขาเป็นคนคิดอยากให้มีชื่อแซ่ของจวงจื่อยี่กับเหวินเสียนสองคนอยู่ในนั้น จึงให้คนมาตั้งให้
ถึงแม้จะมีความหมายโดยในมาก แต่ก็ไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร ขืนให้หลินซินเหยียนรู้ว่าเขาจ่ายเงินเพื่อตั้งชื่อนี้ขึ้นมา ก็คงจะบอกว่า เขาถูกหลอกเอาเงินไปฟรีๆ แล้วล่ะมั้ง
เมื่อเห็นว่าหลินซินเหยียนกับจงจิ่งห้าวไม่ได้พูดอะไร ช่าวหยุนก็อยู่ไม่สุข นึกว่าพวกเขาเป็นอะไรไปก็เลยถามด้วยความไม่สบายใจ ” พวกเธอไม่ชอบเหรอ? ”
หลินซินเหยียนบอกว่าชอบ
เด็กคนนี้ เมื่อเธอรับความเห็นของช่าวหยุนมาแล้ว ความหมายของชื่อแกกับเหยียนเฉินเหยียนซีนั้นไม่เหมือนกัน
หากในอนาคตแกจะต้องสืบทอดกิจการที่จวงจื่อจิ่นกับเหวินเสียนทิ้งไว้ให้ เมื่อมองในมุมนี้ก็คิดว่าชื่อนี้คุณเหมาะสมแล้ว
เพื่อเป็นการระลึกถึงพวกเขาสองคน
” ขอบคุณนะคะอารอง ” หลินซินเหยียนพูดพลางยิ้ม
” พวกเธอชอบก็โอเคแล้ว ” ช่าวหยุนปัดมือไปมาแล้วหัวเราะ
” ถ้างั้นฉันขอไปดูเด็กก่อนนะ ” ช่าวหยุนตบไปที่มือของหลินซินเหยียนเบาๆ ” พักผ่อนดีๆ ล่ะ ”
เด็กยังอายุไม่ถึงเดือน เพราะว่าอยู่ในท้องเป็นเวลานานเกินไป ถึงแม้สีผิวบนร่างกายจะเป็นเขียวม่วงน้อยลงแล้ว แต่ก็ยังต้องอยู่ในตู้อบอีกเป็นเวลาหนึ่งเดือนถึงจะออกมาได้ ถ้าอยากจะดูก็ทำได้แค่มองผ่านกระจกใสที่กั้นไว้เท่านั้น
พวกคนที่อยู่ข้างนอกเมื่อได้ยินว่าจะไปดูทารก พวกเขาที่ไม่เคยเจอเด็กมาก่อน ก็พากันไปดูทารกที่เพิ่งคลอดด้วยกัน
ภายในห้องก็เงียบลง
จวงจื่อจิ่นก็ยกน้ำซุปที่ช่วยเรื่องเลือดลมมาหนึ่งถ้วย ครั้งนี้ที่แม่และเด็กปลอดภัยทั้งคู่ ถือว่าเป็นเคราะห์ดีโดยแท้
ร่างกายหลินซินเหยียนยังลงเหลืออาการเจ็บป่วยอยู่ หลังจากนี้คงไม่สามารถมีบุตรได้แล้วเพราะมดลูกถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง
” ตอนนี้ฉันยังไม่อยากกินเท่าไหร่ ” หลายวันมานี้จวงจื่อจิ่นต้มน้ำซุปแบบนี้มาให้เธอกินทุกวัน วันหนึ่งก็ปาเข้าไปสามสี่ครั้ง ครั้งนี้เธอก็ไม่อยากกินอีกแล้ว
จงจิ่งห้าวพูดขึ้นมาว่า” วางไว้ก่อนก็ได้ครับ ”
จวงจื่อจิ่นจึงวางถ้วยลงบนโต๊ะ แล้วพูดว่า ” ฉันรู้ว่าเธอคงจะเย็นแล้ว แต่มันดีต่อร่างกายนะ อดทนเอาหน่อย ”
หลินซินเหยียนตอบ ” หนูรู้ค่ะ ”
จวงจื่อจิ่นถามต่อ ” ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า? ”
หลินซินเหยียนพยักหน้า ร่างกายของแม่ที่เพิ่งคลอดลูกจะผลิตน้ำนมออกมาโดยอัตโนมัติ ตอนนี้เด็กยังอยู่ในตู้อบไม่สามารถกินได้ ทำให้ทรวงอกขยายมากขึ้น เป็นเพราะมีน้ำนมมากจึงทำให้ช่วงอกขยายจนเจ็บ
” ถ้าปวดมาก ก็ใช้เครื่องสูบนม…. ”
” ไม่ต้องหรอกค่ะ “หลินซินเหยียนพูด
หมอไม่แนะนำเธอให้นมบุตรในตอนนี้ ปัจจัยแรกเพราะร่างกายของเธออ่อนแอเกินไป อย่างที่สองคือหลังจากที่ผ่านการผ่าตัดมาแล้วยังคงมียาหลงเหลืออยู่ในตัว ยาพวกน้ำอาจจะดูดซึมกลายเป็นน้ำนม ทารกจึงไม่สามารถดื่มได้
จึงทำให้เพียงแค่อดทนกับอาการเจ็บคัดหน้าอก รอให้ถึงในระยะที่แน่นอนน้ำนมก็จะค่อยๆ กลับมาเป็นปกติ
จวงจื่อจิ่นถอนหายใจ ” งั้นเธอพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวพวกเขาไปดูเด็กแล้วก็กลับมา ยังต้องมาเยี่ยมเธออีกสักรอบ ”
หลินซินเหยียนพยักหน้า
จวงจื่อจิ่นออกไปจากห้องก็ปิดประตู
จงจิ่งห้าวก็นั่งลงข้างเตียง ก่อนจะหยิบน้ำซุปขึ้นมาป้อนเธอ ” เดี๋ยวก็เย็นหมดหรอก ”
ผู้หญิงหลังคลอด พยายามไม่ให้ป่วย ในห้องจึงไม่ได้เปิดแอร์ จึงทำให้รู้สึกร้อน พอกินน้ำซุปที่ร้อนนี้เข้าไปอีก ร่างกายก็มีเหงื่อผุดออกมา
หลายวันมานี้จวงจื่อจิ่นก็ไม่ยอมให้เธออาบน้ำ ก็เลยรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว เธอก็ไม่อยากให้เหงื่อออก
” รอเดี๋ยว ” หลินซินเหยียนนอนลงไปไม่ขยับตัว
จงจิ่งห้าวจึงวางชามลงเราถามเธอ ” ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า? ”
หลินซินเหยียนมองเขาแล้วพูดต่อ ” คุณคิดว่าไงล่ะ? ”
” แต่ยังไงก็ต้องอดทนนะ ” จงจิ่งห้าวปลอบเธอ ” กินน้ำซุปนี้เสร็จแล้ว ผมจะเอาน้ำอุ่นมาเช็ดตัวให้แล้วก็เปลี่ยนไปใส่ชุดใหม่จะได้รู้สึกสะอาดไง ”
หลินซินเหยียนโดนหลอกล่อเข้าให้ อาบน้ำไม่ได้ แต่เช็ดตัวก็ยังดี เธอจึงยอมลุกขึ้นมานั่ง
จงจิ่งห้าวก็ป้อนเธอ หลินซินเหยียนยื่นมือไปยกถ้วยนั้นมา ” ฉันกินเอง ” ตักทีละคำๆ ดูเหมือนจะช้าเกินไป เธอจึงกระดกขึ้นทั้งชาม
เมื่อดื่มซุปอุ่นๆเข้าไปแล้ว เลือดในร่างกายก็เหมือนจะอุ่นขึ้นมาด้วย เหงื่อจึงไหลออกมาเปียกทั่วหน้าผาก เธอจึงส่งชามให้จงจิ่งห้าวจากนั้นก็ดึงกระดาษออกมาเช็ดเหงื่อ
จงจิ่งห้าวจึงเอาชามออกไป แล้วเข้าใหม่อีกครั้ง จากนั้นเขาก็ปิดม่านในห้อง แล้วเข้าไปในห้องน้ำเพื่อยกกะละมังที่ใส่น้ำอุ่นออกมา เขาวางกะละมังบนเก้าอี้ แล้วเอาผ้าขนหนูชุบน้ำ จากนั้นก็บอกกับเธอว่า” ถอดเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ออกสิ “