พนักงานขายหญิงหัวเราะแล้วพูด “ฉันไม่ได้พูดอะไรเลย”
“ฉันได้ยินสิ่งที่คุณพูดอยู่อย่างชัดเจน พูดว่าฉันซื้อไม่ไหว” หวางทิงเสว่ใบหน้าดูไม่ได้ รับไม่ได้อย่างมากที่ถูกคนพูดแบบนี้
พนักงานขายหญิงยังคงยิ้ม “คุณฟังผิดแล้ว ฉันไม่ได้พูดอะไรเลย”
“ฉันไม่ใช่คนหูหนวก คุณพูดแล้วชัดๆ” หวางทิงเสว่ดวงตาแดงก่ำ ดึงซางหยูมา “คุณได้ยินที่เธอพูดใช่ไหม?”
ซางหยูเม้มปากปิดสนิทไม่พูด ดึงหวางทิงเสว่ “พวกเราไปกันเถอะ”
พนักงานขายหญิงพูดออกมาจริงๆ เธอเองก็ได้ยินเหมือนกัน แต่ว่าถ้าเธอพูดออกไปหวางทิงเสว่จะต้องทะเลาะกันคนนั้นแน่ๆ เธอไม่อยากให้หวางทิงเสว่ไปทะเลาะกับคนประเภทนั้น
ชัดเจนว่าเป็นพวกดูถูกคนอื่น แต่ว่าเธอนั้นมีสติเต็มที่ จะไม่หุนหันพลันแล่นไปกับสมมุติฐานของคนอื่นเด็ดขาด เธอกับหวางทิงเสว่ไม่เหมือนกัน สถานะความเป็นอยู่ภายในครอบครัวของเธอนั้นไม่ถึงกับพูดได้ว่าดีมาก แต่ว่าก็ถือได้ความเป็นครอบครัวที่กินดีอยู่ดี และเธอก็เลี้ยงดูตัวเองได้มานานมากแล้ว พบเจอกับการดูถูกมาเยอะมาก
รู้ว่าเจอคนประเภทนี้ วิธีที่ดีที่สุดคือปล่อยเธอไป ไม่สนใจเป็นการกระทำที่ดีที่สุด
แต่ว่าหวางทิงเสว่นั้นรับไม่ได้ที่ถูกคนแบบนั้นพูดใส่แบบนี้
“คุณพูดออกมาชัดๆ อย่าคิดนะว่าฉันจะไม่ได้ยิน ฉันจะบอกคุณให้นะ ถ้าไม่ขอโทษฉัน เรื่องนี้ไม่จบง่ายๆแน่!” หวางทิงเสว่ตะโกน “เจ้าของร้านของพวกคุณล่ะ? ผู้จัดการล่ะ? ฉันต้องการร้องเรียน!”
พนักงานคนอื่นเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ย “เธอไม่ได้พูดอะไรจริงๆค่ะ คุณเองก็ไม่ได้ซื้ออะไร รีบออกไปดีกว่านะคะ”
“ฉันไม่ได้ซื้อแล้วยังไง? ไม่ได้ซื้อก็เพราะว่าฉันไม่ชอบ กล้าดียังไงมาพูดกับฉันแบบนี้?” หวางทิงเสว่โกรธจนหน้าดำหน้าแดง
พนักงานขายหญิงที่ยืนอยู่ตรงเคาน์เตอร์ที่หยิบสร้อยคนมาให้หวางทิงเสว่ดู จ้องหวางทิงเสว่ “หรือว่าฉันพูดอะไรผิดไป? คุณซื้อไหวเหรอ? ถ้าคุณซื้อตอนนี้ ฉันจะรีบขอโทษคุณทันที!” พนักงานขายหญิงมั่นใจว่าหวางทิงเสว่ซื้อไม่ได้เลยกล้ากำเริบเสิบสานแบบนี้
หวางทิงเสว่ฟังจนลนลาน สีหน้าแดงก่ำขึ้นเรื่อยๆ
“ทำไมไม่พูดแล้วล่ะ?”พนักงานหญิงมองแล้วก็รู้ว่าตัวเองนั้นเดาถูกแล้ว ยิ่งกำเริบเสิบสานเข้าไปอีก “ซื้อไม่ไหวก็ซื้อไม่ไหว จะพูดทำไมว่าไม่ชอบ? สมัยนี้หญิงสาวหยิ่งยโสนี่มันเยอะขึ้นเรื่อยๆจริงๆ”
สีหน้าของหวางทิงเสว่คล้ำจนกลายเป็นสีเลือดหมูไปแล้ว น้ำตาลก็ไหลออกมาอย่างรวดเร็ว
“ซางหยู?”หลินซินเหยียนยืนอยู่หน้าประตู เธอเดินผ่านที่ประตูร้านนี้ เห็นคนที่ยืนอยู่ด้านในคล้ายซางหยู เลยเดินเข้ามาดู เหมือนจะใช่เธอจริงๆด้วย
ไม่ใช่ว่าเสิ่นเผยซวนบอกว่าเธอมีเรียนหนักอย่างนั้นเหรอ?ทำไมตอนนี้มาเจอในห้างสรรพสินค้าได้ล่ะ?
ซางหยูหันกลับไปพบกับหลินซินเหยียนที่กำลังเดินเข้ามาหา “พี่สะใภ้”
หลินซินเหยียนพยักหน้าเบาๆ มองไปตรงเข้าไปด้านในส่งสายตาถาม “คุณมาซื้อของเหรอ?”
ซางหยูส่ายศีรษะ “มาเป็นเพื่อนเฉยๆ”
“โอ้ คุณไม่มีเรียนเหรอ?”หลินซินเหยียนหยั่งเชิง
ซางหยูพูด “ไม่มีค่ะ”
ในใจของหลินซินเหยียนถอนหายใจออกมา นี่คงแกล้งงอนกันกับเสิ่นเผยซวน?เลยหลอกเขาว่ายุ่ง?
“ฉันเองก็มาเดินเล่นซื้อของเหมือนกัน ตอนเย็นมาทานข้าวที่บ้านฉันไหม?”หลินซินเหยียนวางแผนจะให้เสิ่นเผยซวนรู้ว่าซางหยูโกรธเขาอยู่ นี่ออกไปเกือบเดือนไม่ง่ายเลยที่จะกลับมาได้สักรอบ ถ้าสองคนยังงอนกันไปมาแบบนี้เสียเวลาดีๆไปหมดแน่ๆ
ซางหยูเม้มปากแน่น “เพื่อนของฉัน……”
หลินซินเหยียนเดินตรงเข้าไปถาม “เกิดอะไรขึ้น?”
คนขับรถเองก็เดินเข้ามาด้วย เขาไม่ได้เป็นแค่คนขับรถยังเป็นบอดี้การ์ดอีกด้วย
ซางหยูจับมือของหวางทิงเสว่ พูด “พวกเราไปกันเถอะ อย่าไปทะเลาะกับคนไม่มีการศึกษาอย่างเธอเลย”
หวางทิงเสว่เช็ดหน้าก้มศีรษะลงโดยไม่พูดจาอะไร
สายตาของหลินซินเหยียนหยุดที่พนักงานขายหญิงที่กำลังถลึงตาใส่ด้วยความโมโหอยู่สองวินาที แล้วหันไปมองทางเพื่อนของซางหยู ก็พอจะเข้าใจอยู่บ้างว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
เธอยิ้มและหันไปพูดกับซางหยู “งานแต่งงานของคุณกับเสิ่นเผยซวน ฉันยังไม่ได้ให้ของขวัญสำหรับคู่แต่งงานใหม่กับคุณเลย วันนี้ดีเลย คุณเลือกของที่ชอบสักอย่างสิฉันอยากจะซื้อให้ ถือว่าเป็นของขวัญสำหรับคู่แต่งงานใหม่”
ซางหยูรีบร้อนส่ายหัวปฏิเสธ “ไม่ ไม่ต้องหรอก”
ของที่นี่นั้นราคาแพงมาก เธอไม่สามารถรับได้
“ไม่เป็นไรหรอก ความสัมพันธ์ของจิ่งห้าวกับเผยซวน คุณยังไม่รู้ชัดเจนอย่างนั้นเหรอ? เลือกสักชิ้นเถอะ”
ขณะที่พูดไปเธอมาหยุดอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์ คนนี้เป็นคนมีเงินถึงมีความมั่นใจไปโดยปริยาย ยืนอยู่ตรงไหนก็มีออร่า
เธอชี้ไปที่สร้อยคอเส้นหนึ่งภายในตู้โชว์ “เส้นนี้เอาออกมาให้ฉันดูหน่อย”
พนักงานขายหญิงที่เพิ่งจะมีปากเสียงกับหวางทิงเสว่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้รีบยิ้มรับ นำสร้อยคอที่หลินซินเหยียนชี้เส้นนั้นออกมา
“ซางหยู คุณมาลองหน่อยสิ”หลินซินเหยียนหันกลับมามองเธอ
ซางหยูดึงหวางทิงเสว่เดินเข้ามา
หลินซินเหยียนหยิบขึ้นมาให้เธอสวมและดูผลลัพธ์
สายตาของเธอไม่เลวเลย เป็นสร้อยเส้นบางที่ด้านบนห้อยด้วยจี้ใบโคลเวอร์สี่แฉกที่แสนจะคลาสสิค ตัวจี้นั้นทำจากอัญมณีคาร์เนเลี่ยนกระเบื้องโมเสค ดูกระจุ๋มกระจิ๋ม งดงามละเอียดอ่อน เหมาะสมกับวัยของซางหยูเป็นอย่างมาก ผิวขาวของเธอสวมด้วยใบโคลเวอร์สี่แฉกสีแดงยิ่งทำให้ดูมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น
ซางหยูเห็นว่าสายตาของหลินซินเหยียนนั้นดีมาก เธอชอบสินค้าแบบนี้จริงๆ เมื่อก่อนนั้นไม่เคยสังเกตมาก่อน ไม่คิดเลยว่าหลินซินเหยียนนั้นจะเลือกสินค้าแบบนี้มาให้เธอลองสวม
“ชอบหรือเปล่า?”หลินซินเหยียนให้เธอมองที่กระจก
วันนี้ซางหยูสวมเสื้อทีเชิร์ตคอตื้นสีขาว เผยให้เห็นกระดูกไหปลาร้า ด้านนอกสวมเสื้อสูทตัวเล็กสีอ่อนแขนเสื้อยาวเจ็ดส่วนหนึ่งตัว จับคู่กับสร้อยแบบนี้ดูดีเป็นอย่างมาก
หวางทิงเสว่เช็ดที่ขอบตาแล้วพูด “คุณสวมแล้วดูดีมาก”
ซางหยูคิดแล้วชี้ไปที่สร้อยเส้นที่หวางทิงเสว่เพิ่งจะสวมเมื่อกี้ “เส้นนี้ฉันก็อยากจะลองสักหน่อยได้หรือเปล่า?”