แกร๊ก เวลานี้ประตูห้องเปิดออก จงฉีเฟิงพาเด็กสองคนกลับมา ในมือจงเหยียนซีถือลูกโป่งเป่าลมเป็นรูปผีเสื้อ ขณะที่เธอวิ่งเข้ามานั้น ผีเสื้อในมือของเธอแกว่งไปมาเหมือนกับกำลังกระพือปีกบิน
เข้ามาพร้อมกับถาม “น้องชายล่ะ?”
เธออยากจะเอาลูกโป่งส่งให้น้องชาย
มือทั้งสองข้างของจงเหยียนเฉินโอบกอดไว้ที่อก ในใจก็คิดว่าน้องชายเป็นผู้ชาย คงจะไม่ชอบของแบบนี้
จวงจื่อจิ่นออกมาจากในห้องแล้วพูดว่า “ทารกน้อยกำลังหลับอยู่ คุณอย่าไปรบกวนเขาเลย”
จงเหยียนซีเบะปาก โถมตัวเข้าหาจงจิ่งห้าว ตะโกนออกมาอย่างสนิทสนม “คุณพ่อ”
จงจิ่งห้าวอุ้มเธอมานั่งบนตักของตัวเอง เอาผมพวกนั้นของเธอที่วิ่งเล่นข้างนอกจนยุ่งเหยิงไปหมดมัดไว้หลังหู ถามเสียงเบา “วันนี้ทำอะไรมาบ้าง?”
จากนั้นจงเหยียนซีก็พูดสถานที่ที่ได้ไปมาแล้วอีกหนึ่งรอบ
จงฉีเฟิงกับเสิ่นเผยซวนทักทายกันแล้วเดินเข้าไปในห้อง เขาอายุมากแล้ว พาเด็กทั้งสองไปเที่ยวทั้งวันจึงค่อนข้างเหนื่อย
จงเหยียนเฉินนั่งลงด้านข้าง นั่งหลังตรงเหมือนผู้ใหญ่ตัวน้อย มองน้องสาวที่กำลังนั่งอยู่ในอ้อมกอดของพ่อ
เสิ่นเผยซวนตีจงเหยียนเฉินไปทีหนึ่ง “ฉันรู้สึกว่าเธอเงียบขึ้นเรื่อยๆ”
จงเหยียนเฉินตอบอย่างสงบเสงี่ยม “หรือว่าฉันจะต้องทำแบบนั้นเหมือนน้องสาว ให้พ่ออุ้มเอาไว้? ฉันโตขนาดนี้แล้ว น่าอายหรือเปล่า?”
เสิ่นเผยซวนหัวเราะ
จากนั้นจงเหยียนซีถลึงตาใส่เขา พูดว่า “พี่ชายคุณอิจฉาที่ฉันถูกพ่ออุ้มอย่างนั้นเหรอ?”
“เหอะๆ! อ่อนหัด!” พูดจบก็ไถลตัวลงจากโซฟาเข้าไปในห้อง
เสิ่นเผยซวนหัวเราะกับจงจิ่งห้าว “ เหยียนเฉินเด็กคนนี้ตอนนี้เหมือนคุณเข้าไปทุกวัน”
“ฉันเองก็เหมือนคุณพ่อเหมือนกัน”จงเหยียนซีโอบคอของจงจิ่งห้าว ถามเขา “คุณพ่อค่ะ ฉันเหมือนคุณใช่หรือเปล่า?”
จงจิ่งห้าวหยิกแก้มรูปไข่ของเธอแล้วตอบว่าใช่
ทั้งจงเหยียนซีและจงเหยียนเฉินเหมือนเขา ตอนนี้ใบหน้าที่เติบโตมีความคล้ายกับเขาถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์
ตอนเด็กนั้นยังเหมือนหลินซินเหยียนมากกว่านี้อยู่นิดหน่อย
“ฉันจะไปดูน้องชาย”จงเหยียนซีดิ้นลงมาจากจงจิ่งห้าว
“เบาหน่อยอย่างทำเขาตื่น”จงจิ่งห้าวอธิบาย
“ฉันทำได้”พูดจบหยิบผีเสื้อตรงเข้าไปในห้อง
ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมงก็เริ่มทานอาหาร
ซางหยูช่วยป้าหยูเสิร์ฟอาหารที่ทำ หลินซินเหยียนเองก็ช่วยอยู่ในห้องครัว ตอนนี้ทารกน้อยยังหลับอยู่จวงจื่อจิ่นเองก็มาแล้วลูกมือเพียงพอ เธอล้างมือเดินออกมาจากห้องครัวไปยังประตูห้องของจงฉีเฟิง ขณะที่ยกมือขึ้นมาเคาะประตูนั้นเองก็พบว่าประตูไม่ได้ปิด มีแสงกะพริบไปมาบริเวณช่องว่างขนาดใหญ่ คลับคล้ายเหมือนกับว่าเห็นจงฉีเฟิงยืนไออยู่ที่ระเบียง
ระเบียงที่ดึงประตูและหน้าต่างออกจากกัน เหมือนกับว่ากลัวคนจะได้ยิน
หลินซินเหยียนเคาะประตู จงฉีเฟิงพบว่าเธอนั้นดึงเปิดประตูระเบียงเดินเข้ามาแล้ว
“พ่อค่ะ คุณไม่สบายหรือเปล่า?” หลินซินเหยียนถามอย่างเป็นห่วง สีหน้าของเขามองแล้วไม่ค่อยดีเลย
จงฉีเฟิงตะลึงไปสักพัก โบกมือแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร แค่เป็นหวัดนิดหน่อย”
หลินซินเหยียนพยักหน้า “ที่บ้านมียา รอสักครู่ฉันจะไปหยิบมาให้คุณ”
“ฉันซื้อแล้ว”จงฉีเฟิงพูด
หลินซินเหยียนยังไม่วางใจ “ไปโรงพยาบาลตรวจหน่อยดีกว่าไหม?” เขาอายุมากแล้ว ช่วงนี้เธอเพิ่งจะสังเกตว่าจงฉีเฟิงไม่อุ้มทารกน้อยแล้ว เมื่อก่อนเขานั้นชอบอุ้มทารกน้อยเป็นที่สุด
“เป็นหวัดนิดหน่อย ไม่ต้องกังวลไป”
หลินซินเหยียนเม้มปากแน่น พูด “งั้นยกอาหารออกมาเลยละกัน”
จงฉีเฟิงพยักหน้า
ในห้องอาหาร อาหารนั้นได้วางเสิร์ฟไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว อุปกรณ์ทานอาหารก็วางไว้เรียบร้อย จงฉีเฟิงล้างมือเดินเข้ามานั่งที่ตำแหน่งประธาน
ตามด้วยซางหยูและเสิ่นเผยซวนนั่งเป็นลำดับที่หนึ่ง
อาหารเย็นวันนี้หลากหลายเป็นอย่างมาก อาหารทะเลสดตามฤดูกาลนี้ค่อนข้างมันอร่อย ค่อนข้างสดใหม่
หลินซินเหยียนปอกเปลือกกุ้งให้ลูกสองคน จงเหยียนเฉินพูด “หม่ามี๊คุณทานข้าวเถอะ ฉันปอกเปลือกเอง”
จงเหยียนซีพูด “ฉันก็อยากปอกเปลือกเองเหมือนกัน”
ดังนั้นหลินซินเหยียนนำกุ้งที่ปอกเปลือกแล้วในมือไปวางในชามอาหารของจงจิ่งห้าว ส่วนลูกสองคนปอกเปลือกด้วยตัวเอง
จงเหยียนซีปอกเปลือกแล้วกินไปก่อนหนึ่งตัว รู้สึกว่าราติไม่เลวก็เลยปอกเปลือกต่อไป จากนั้นก็ลงจากเก้าอี้วิ่งมายกมือขึ้นเอาให้จงฉีเฟิงกิน
จงฉีเฟิงหัวเราะ สายตามีความเมตตาและอ่อนโยน “ฉันไม่เจ็บหรอกเสี่ยวลุ่ย”
จงเหยียนซีหัวเราะฮิฮิ พูดออกมา “คุณยายคุณไม่ต้องอิจฉา ฉันจะรีบปอกเปลือกให้คุณนะ”
จวงจื่อจิ่นเองก็หัวเราะเหมือนกัน “ฉันอยากจะพูดอยู่ว่าคุณลืมฉันไปแล้วหรือเปล่า? หลานสาวของฉันเป็นเด็กกตัญญูจริงๆ ไม่มีลืมฉัน”
จงเหยียนเฉินไม่ส่งเสียง น้ำกุ้งที่ปอกเปลือกแล้ววางไว้ในจานใส่อาหารของหลินซินเหยียนตัวที่สองวางไว้ในจานใส่อาหารของจวงจื่อจิ่น
หลินซินเหยียนยื่นมือไปลูบศีรษะของลูกชาย เอากุ้งวางกลับเข้าไปในชามของเขา “กำลังโต คุณต้องกินเยอะๆ”
“เหยียนเฉินจะตัวสูงขึ้น” ซางหยูพูด “ฉันเห็นเด็กหลายคนที่อายุเท่านี้ไม่มีใครสูงเท่าเขาเลย”
หลินซินเหยียนเองก็รู้สึกว่าลูกชายนั้นสูงขึ้นอย่างชัดเจนตามจงจิ่งห้าว
เธอมองออกไป แอบมองเสิ่นเผยซวนและซางหยู ถึงแม้ว่าทั้งสองคนจะนั่งข้างกันอย่างสงบนิ่ง แต่ว่าก็ทำให้คนอื่นรู้สึกได้ถึงความอึดอัด
หลินซินเหยียนนั้นเข้าใจนิสัยของเสิ่นเผยซวนอยู่ไม่น้อย จงใจเปิดปากถามซางหยู “ซางหยู ผู้ชายที่โรงเรียนของพวกคุณเยอะหรือเปล่า?”
เสิ่นเผยซวนหันไปมองซางหยูด้วยจิตใต้สำนึกทันที
ซางหยูพยักหน้า “เยอะมากทีเดียว”
“มีคนหน้าตาดีไหม?”หลินซินเหยียนยังถามต่อ
ครั้งนี้จงจิ่งห้าวหันศีรษะมามองหลินซินเหยียน
เหมือนกับว่ามีสามีแบบฉันคนนี้แล้วยังไม่พอ ยังจะไปถามซางหยูว่าที่ผู้ชายหล่อไหม นี่คุณจะทำอะไรกันแน่?
“มีคนหล่อหน้าตาดี เป็นผู้ชายที่ดีและประวัติดีตามจีบคุณบ้างไหม?”หลินซินเหยียนขยิบตาส่งไปให้ซางหยู
ตอนแรกซางหยูไม่เข้าใจความหมายของหลินซินเหยียน พอเข้าใจแล้วก็เลยพูดออกมาว่า “มี”
พูดจบก็ยื่นมือออกมาลูบสร้อยคอที่อยู่บนคอ พูดว่า “นี่ก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่เป็นผู้ชายที่หล่อและประวัติดีมากซื้อให้กับฉัน”
พูดพร้อมกับจงใจแสดงให้เสิ่นเผยซวนได้เห็น “เผยซวน คุณคิดว่าสวยหรือเปล่า?”
เสิ่นเผยซวน “……”