ช่วงนี้ซูจ้านไม่ได้กลับบ้านเลย ท่านย่าจึงว่าจ้างคนแอบตามเขา ถึงได้รู้ว่าเขาพักอยู่ที่ไหน ที่มาในครั้งนี้เพราะเธอรู้ว่าฉินยาทำเด็กในหลอดครั้งที่สองไม่สำเร็จ
หลินซินเหยียนยืนอยู่ที่หน้าประตูไม่ขยับ ในใจรู้ทันทีว่าท่านย่ามาที่นี่ด้วยจุดประสงค์อะไร สีหน้าของเธอดูเคร่งเครียดมาก
ซูจ้านเดินออกจากตัวอาคาร พอเห็นหลินซินเหยียนที่ยืนอยู่หน้าประตูก็ตะโกนทักทาย “พี่สะใภ้ครับ”
หลินซินเหยียนหันกลับไปมอง ท่านย่ากับเฉินเสว่ก็มองตามเสียงเรียกเช่นกัน
“ซูจ้าน!” ท่านย่าเรียกชื่อเขาอย่างไม่พอใจ
ซูจ้านเพิ่งสังเกตเห็นว่ายังมีคนอยู่ข้างถนน สีหน้าของเขาเกร็งค้าง เขาหันไปมองหลินซินเหยียนเพราะคิดว่าอีกฝ่ายตามหลินซินเหยียนมา
หลินซินเหยียนจึงพูดว่า “ฉันเจอพวกท่านที่หน้าประตู”
ซูจ้านพูด “พวกเราอยู่ตึกหมายเลขสาม ชั้นหก ห้อง603 คุณเข้าไปข้างในก่อนได้เลยครับ ผมจะจัดการเรื่องนี้เอง”
หลินซินเหยียนพยักหน้าเข้าใจ “จัดการให้เรียบร้อย”
ซูจ้านพยักหน้าแล้วเดินออกไป ก่อนจะพูด “คุณย่า…”
“ทำไมถึงไม่ให้ย่าเข้าไป” ซูจ้านถูกท่านย่าพูดขัดก่อนที่เขาจะพูดจบ เธอพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “ถ้าวันนี้หลานไม่ให้ย่าเข้าไป ย่าจะโทรแจ้งตำรวจ บอกว่าหลานไม่เลี้ยงดูย่า”
ซูจ้านกำหมัดแน่น แล้วคำรามเสียงต่ำ “คุณย่าต้องการจะทำอะไรครับ!”
“หลานละทิ้งยายแก่อย่างย่าไว้ไม่ดูแล ย่ามาหาก็ไม่ยอมให้ย่าเข้าไป หลานคิดจะทำอะไร” ท่านย่าเห็นว่าตรงหน้าประตูมีคนเดินผ่านไปผ่านมา เธอจึงจงใจร้องไห้ออกมา “ย่าอุตส่าห์เลี้ยงดูหลานมาจนโต ตอนนี้ย่าแก่แล้ว หลานกลับรังเกียจย่า แล้วทิ้งให้ย่าเป็นยายแก่เดินเหินไม่สะดวกอยู่ที่บ้านโดยไม่ไปดูดำดูดี”
ธรรมชาติของคนส่วนใหญ่จะชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้าน สักพัก ยามเฝ้าประตูก็โผล่ศีรษะออกมาดู และเริ่มมีคนหยุดมอง
หลินซินเหยียนที่อยู่ไม่ไกล ก็หันกลับมาพูดกับซูจ้าน “ให้คุณย่าเข้ามาเถอะค่ะ”
ซูจ้านไม่ขยับ
หลินซินเหยียนมองมาที่เขา “เรื่องนี้ต้องได้รับการแก้ไข ซ่อนตัวอยู่แบบนี้จะมีประโยชน์อะไร คุณคิดจะใช้ชีวิตแบบหลบๆ ซ่อนๆ แบบนี้กับฉินยาอยู่แบบนี้ จะอยู่ได้นานแค่ไหนกันคะ?”
ซูจ้านรู้ว่านี่ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาในระยะยาว แต่ตอนนี้ยังไม่มีวิธีแก้ปัญหาที่สมบูรณ์แบบ ต่างสองฝ่ายต่างก็เป็นคนที่เขาไม่อยากทำร้ายทั้งนั้น
เขามองหน้าท่านย่า “ให้เข้าไปข้างในก็ได้ครับ ไม่พอใจอะไรก็มาลงที่ผม ที่ย้ายออกมาจากบ้านเป็นความคิดของผมเอง ห้ามดึงคนอื่นเข้ามาด้วย”
ท่านย่ามองไปที่ซูจ้าน สักพักก็พูดขึ้นว่า “…ได้”
ซูจ้านหันหลังไม่มองหน้าท่านย่า แล้วพูดว่า “ไปกันเถอะ เข้าไปข้างใน”
“หนูมาที่นี่เพื่อมาหาเสี่ยวยาเหรอ” ท่านย่าหันไปถามหลินซินเหยียน
หลินซินเหยียนพยักหน้าให้ “หนูได้ข่าวว่าเธอไม่สบาย ก็เลยมาเยี่ยมเธอค่ะ”
ท่านย่าพูด “ดีแล้วล่ะ เดี๋ยวหนูช่วยย่าเกลี้ยกล่อมด้วยนะ ตระกูลซูเหลือซูจ้านเป็นทายาทแค่คนเดียว จะขาดผู้สืบทอดตระกูลไปไม่ได้นะ”
หลินซินเหยียนไม่พูดอะไร พอขึ้นลิฟต์ก็ไม่มีใครพูดอะไร ซูจ้านเดินนำหน้า แล้วเปิดประตูเข้าไปในห้อง
ฉินยารู้ว่าหลินซินเหยียนจะมาจึงลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินไปนั่งรอที่โซฟาในห้องนั่งเล่น พอได้ยินเสียงเปิดประตูฉินยาก็หันไปมองทันที พอเห็นหลินซินเหยียนก็กำลังจะทักทาย แต่กลับเห็นคนที่ตามเข้ามาข้างหลังเธอซะก่อน
เธอลุกขึ้นจากโซฟา สีหน้าของเธอซีดเผือด
หลินซินเหยียนเดินไปหาเธอแล้วจับแขนเธอเพื่อพยุงเธอไว้ “ตอนนี้ร่างกายของเธอยังอ่อนแอเกินไป นั่งลงก่อนนะ” ฉินยาคว้าแขนของหลินซินเหยียนไว้อย่างกังวลใจ
หลินซินเหยียนส่งยิ้มให้เธอ แล้วตบหลังเธอเป็นการปลอบใจ “ซูจ้านกับฉันอยู่ที่นี่ด้วย ไม่มีอะไรหรอก ถือโอกาสนี้พูดให้ชัดเจนก็ดีเหมือนกัน”
ฉินยามองไปที่ดวงตาของเธอแล้วพยักหน้าเข้าใจ
บรรยากาศในห้องเงียบไปสักพัก ท่านย่าก็เปิดปากพูดขึ้นมาก่อน แต่กลายเป็นว่าถามหลินซินเหยียนแทน “เป็นยังไงบ้าง ได้ยินว่าคุณได้ให้กำเนิดลูกชายอีกคนแล้วโชคดีจริงๆ เลยนะ”
เห็นได้ชัดว่าคำพูดนี้มีความหมายบางอย่างแฝงอยู่ เหมือนกำลังจะบอกกับฉินยา ดูสิคนอื่นเขามีลูกสามคนแล้ว โชคดีขนาดไหน?
หลินซินเหยียนยกยิ้มอย่างมีมารยาทแล้วพูดตอบ “ไม่ถึงขั้นว่าโชคดีอะไรหรอกค่ะ ในช่วงก่อนหน้านี้ฉันเลี้ยงลูกสองคนด้วยตัวคนเดียว มีคนชี้หน้าว่าดิฉัน บอกว่าดิฉันท้องทั้งที่ยังไม่แต่งงาน การใช้ชีวิตค่อนข้างจะลำบากเหมือนกัน”
“แต่เรื่องพวกนั้นก็ผ่านไปแล้ว” ท่านย่าพูด
หลินซินเหยียนพูดต่อ “ใช่ค่ะ เรื่องมันผ่านมาตั้งนานแล้ว แต่ก็เป็นเรื่องที่ลืมไม่ลง”
“เสี่ยวยา” ท่านย่าหันไปมองที่ฉินยา ความกังวลของฉินยามากขึ้น ก่อนจะเรียกคุณย่าออกมาอย่างแข็งทื่อ
“ทำไมถึงไม่บอกย่าว่าจะไปโรงพยาบาลอีกครั้ง” ท่านย่ากล่าวโทษ “หนูผอมลงอีกแล้ว”
ฉินยาก้มหน้าลง
ซูจ้านหยิบเสื้อคลุมออกมาคลุมให้ฉินยา แล้วมองไปที่ท่านย่า ก่อนจะพูดว่า “เสี่ยวยาต้องลำบากเพราะผมมามากแล้ว ดังนั้นต่อจากนี้ไปผมจะไม่คิดถึงเรื่องการมีลูกอีก”
“ไม่คิด หรือเพราะรังไข่ของฉินยาใช้งานไม่ได้กันแน่?” ท่านย่ารู้สภาพร่างกายของฉินยาถึงได้มาที่นี่ เธอไม่สามารถยอมรับความจริงนี้ได้ พอได้ยินซูจ้านบอกว่าจะยอมแพ้ เธอก็พูดโพล่งออกมาทันที “ถึงหลานไม่คิด แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องของหลานคนเดียวหรือไง?”
เธอรีบคัดค้านทันที “เรื่องนี้ฉันไม่ยอมเด็ดขาด”
“แล้วคุณย่าต้องการจะทำยังไงคะ” หลินซินเหยียนกุมมือฉินยาไว้ ในเวลานี้เธอหวังว่าตัวเองจะเป็นที่พึ่งพิงของเพื่อนได้ ให้เธอมีความรู้สึกปลอดภัย
สักพักท่านย่าก็พูดขึ้นมา “รังไข่ของเธอใช้งานไม่ได้ ก็หาคนบริจาค ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็หาคนมาอุ้มท้องแทน สมัยนี้ขอแค่มีเงิน ผู้หญิงตั้งเยอะแยะเต็มใจจะขายมดลูกให้”