หลังจากอ่านข้อความจากซูจ้านแล้ว ฉินยาก็วางโทรศัพท์ลงและนั่งอยู่บนเตียงสักพัก อารมณ์ของเธอจะหดหู่แบบนี้ไม่ได้ เธอจึงรีบปรับมัน เธอจึงรีบจัดของแล้วเดินออกจากห้องไป
ในห้องนั่งเล่นจวงจื่อจิ่นกำลังป้อนนมให้ลูกน้อยอยู่
พอเห็นเธอเดินเข้ามา จึงเห็นลูกน้อยมีเหงื่อไหลออกมาที่หน้าผากของเธอเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหนื่อยจากการกินนมหรือเปล่า พอมองดูใบหน้าเล็กที่กำลังดูดจุกนมอยู่ ฉินยาก็ยกยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว แล้วเอื้อมมือออกไปสัมผัสใบหน้าเด็กน้อยอย่างอ่อนโยน “ลูกน้อยเหมือนแม่มากเลยนะคะ”
จวงจื่อจิ่นเอ่ยพูด “เหมือนเหยียนเหยียนจริงๆ นั่นแหละจ้ะ”
“นี่คือลูกชายของเธอ แน่นอนว่าต้องเหมือนเธออยู่แล้ว”
ในเวลานี้เองลูกน้อยดื่มนมเสร็จพอดี จวงจื่อจิ่นจึงดึงขวดนมออก ฉินยายื่นมือออกมา “ขออุ้มหน่อยได้ไหมคะ”
จวงจื่อจิ่นยื่นลูกน้อยให้กับเธอ “เด็กที่เพิ่งกินนมเสร็จ หนูต้องอุ้มเขาให้ตั้งตรงแล้วตบหลังเขาเบาๆ นะจ๊ะ”
ฉินยาอุ้มลูกน้อยแล้วทำตามที่จ้วงจื่อจินบอก เจ้าตัวเล็กตัวอ่อนมากฉินยาลูบหลังให้เบาๆ
กลิ่นนมบนร่างกายของลูกน้อย ฉินยารู้สึกว่ามันกลิ่นหอมมาก เธอจึงก้มลงไปหอมแก้มนั้นเบาๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันเป็นแม่ทูนหัวของหนูนะจ๊ะ”
จวงจื่อจิ่นทำความสะอาดขวดนมแล้วเอาไปวางไว้ในตู้ฆ่าเชื้อ เธอยืนอยู่ข้างตู้แล้วมองไปที่ฉินยา หลินซินเหยียนเดินเข้าไปยืนอยู่ข้างๆ จวงจื่อจิ่น แล้วมองไปที่ฉินยา
“น่าเสียดายจริงๆ” จวงจื่อจิ่นพูดอย่างสงสาร
ถ้าฉินยาสามารถมีลูกได้ ตอนนี้คง…
หลินซินเหยียนตบไหล่ของจวงจื่อจิ่น แล้วเดินออกไป ก่อนจะเอื้อมมือไปสัมผัสแก้มของลูกชาย
“ฉันจะกลับไปอยู่ที่เมือง Cนะ” ฉินยาพูด
หลินซินเหยียนรู้สึกว่ามันกะทันหันเกินไป
“ใบหย่าของเรายังไม่ได้เซ็นอย่างเป็นทางการ ฉันไม่อยากเจอเขาในตอนนี้ รอฉันสามารถเผชิญหน้ากับเขาได้ แล้วฉันจะกลับมา” เธอหยุดชะงักไป “อีกอย่างเธอเองก็อยู่ที่นี่ ฉันต้องมาหาเธออยู่แล้ว รวมถึงลูกน้อยด้วย”
ฉินยามองดูลูกน้อยด้วยดวงตาที่อ่อนโยน “ลูกน้อยน่ารักขนาดนี้ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เขาจะเรียกแม่กับพ่อได้”
หลินซินเหยียนเอ่ยพูด “ยังอีกนานเลยล่ะ”
อย่างน้อยต้องอายุถึงหนึ่งขวบครึ่งถึงจะพูดได้
“ถ้าเธอคิดรอบคอบแล้ว ฉันจะไม่เกลี้ยกล่อมเธอแล้ว เธอจะไปเมื่อไหร่ ฉันจะไปส่ง” หลินซินเหยียนพูด
ฉินยาจองเที่ยวบินสุดท้ายไปเมือง c ของวันนี้ หลินซินเหยียนไปส่งเธอ ตอนที่เธอกลับมาก็สี่ทุ่มกว่าแล้ว จงจิ่งห้าวก็ไม่ยังกลับมาหลังจากกวนจิ้งลาพักร้อน จงจิ่งห้าวก็งานยุ่งมาก ออกไปทำงานตั้งแต่เช้าและกลับดึกมาก
หลินซินเหยียนก็คุ้นเคยกับการกลับมาดึกของเขาแล้ว
วันนี้ซางหยูเองก็เดินทางออกจากเมือง Bเหมือนกัน เธอนั่งรถไฟความเร็วสูงไปยังเมืองที่เสิ่นเผยซวนทำงานอยู่
เธอไม่ได้บอกเสิ่นเผยซวนล่วงหน้า เพราะเธอต้องการจะเซอร์ไพรส์เขา
ตั้งแต่ครั้งที่แล้วที่ทำซางหยูโกรธ ตอนนี้เสิ่นเผยซวนส่งข้อความหาซางหยูทุกครั้งที่เขาว่าง ส่วนใหญ่จะถามว่า คุณกินข้าวหรือยัง กินกับอะไร? คุณกำลังทำอะไรอยู่? มีคาบเรียนเยอะไหม? เป็นคำทักทายที่น่าเบื่อและแข็งกระด้างมาก
แต่นั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับซางหยู เพราะเธอรู้ว่าเขาไม่ใช่คนประเภทที่พูดเก่ง เป็นไปไม่ได้ที่จะได้ยินคำว่ารักออกจากปากของเขาง่ายๆ แค่คำทักทายธรรมดาๆ แบบนี้ ซางหยูก็รู้สึกอบอุ่นมากแล้ว
เธอสัมภาษณ์สำเร็จและกำลังจะไปฝึกงานในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า เธอกลัวว่าจะไม่มีเวลาจึงรีบไปหาเขาตอนที่เธอยังพอจะมีเวลา
เธอเหลือบมองดูเวลา ยังเหลืออีกหนึ่งชั่วโมงกว่าก็ถึงแล้ว เธอเริ่มตั้งหน้าตั้งตารอคอย เขาจะแปลกใจไหมตอนที่เห็นเธอ? เขาจะดีใจมากไหม?
แค่คิดเธอก็ยิ้มออกมาแล้ว
เธอมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยอารมณ์เบิกบานใจ หวังว่าจะไปถึงที่หมายอย่างรวดเร็ว และได้เจอกับเสินเผยซวนให้เร็วที่สุด
ฉันอยากจะรู้ว่าถ้าเขาเห็นเธอจะมีสีหน้ายังไง
ข้อความปรากฏขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์เป็นเสิ่นเผยซวนที่ส่งข้อความมา [คุณกำลังทำอะไรอยู่?]
พออ่านข้อความที่เหมือนกับเมื่อวาน ซางหยูก็ยกยิ้มแล้วตอบว่า [จะนอนแล้วค่ะ]
[ทำไมนอนเร็วจัง?]
[ฉันยังไม่นอน กำลังคิดถึงคุณอยู่] ซางหยูตอบกลับข้อความอย่างรวดเร็ว
พอเห็นข้อความนี้ รอยยิ้มที่มีความสุขก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเสิ่นเผยซวนที่ยืนอยู่ตรงระเบียงทางเดิน เขาแอบอู้งานมาส่งข้อความหาซางหยู หลังจากเสร็จสิ้นการประชุม เขาถึงได้อ่านข้อความที่ซางหยูส่งมา ซึ่งทำให้เขารู้สึกกระฉับกระเฉงขึ้นมาทันที
ก่อนจะตอบกลับไปว่า “ผมก็คิดถึงคุณเหมือนกัน”
ซางหยูกะพริบตา [แล้วฉันไปหาคุณได้ไหมคะ?]
[ตอนนี้ไม่มีรถแล้ว อีกอย่างคุณก็เป็นผู้หญิงจะตกอยู่ในอันตรายเอาได้]
ซางหยูยกยิ้ม [งั้นฉันจะไปนอนแล้วนะคะ]
[อืม]
ซางหยูกลัวว่าจะจำที่อยู่ของเขาไม่ถูกต้อง ดังนั้นเธอจึงถามให้แน่ใจอีกครั้ง [คุณบอกว่าที่อยู่ของคุณอยู่ที่ไหนนะคะ? ฉันลืมไปแล้ว คุณช่วยส่งมาให้ฉันอีกทีได้ไหม ถ้ามีเวลาฉันจะได้ไปหาคุณถูก]
เสิ่นเผยซวนไม่ได้คิดมากเรื่องนี้ เขาจึงส่งที่อยู่ของเขาไปให้เธออีกครั้ง เขาเป็นคนตรงแบบนี้แหละ
ซางหยูเห็นที่อยู่ที่เขาส่งมาเหมือนกับครั้งล่าสุดที่เขาให้จนเธอจำมันได้ จึงรู้สึกโล่งใจ [ฉันนอนแล้วนะคะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ]
เธอวางโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าของเธอ เตรียมจะนอนพักสายตาสักหน่อย
หนึ่งชั่วโมงต่อมารถก็มาจอดเทียบท่า พอรถมาถึงสถานี ซางหยูก็ลงจากรถ พร้อมกระเป๋า ในเวลานี้มีคนอยู่ที่สถานีค่อนข้างเยอะแล้วยังมีแท็กซี่จอดเรียงรายเยอะมากเช่นกัน
พอเธอออกจากสถานี จึงพบว่าฝนกำลังตกลงมา และฝนตกหนักมาก เธอเห็นว่ามีรถแท็กซี่ขับผ่านมาจึงกวักมือเรียกไว้ เธอรีบเข้าไปนั่งแล้วรีบปิดประตูรถ ก่อนจะบอกที่อยู่ของเสิ่นเผยซวนให้คนขับได้รู้
ไม่นานรถก็ขับออกไป
ซางหยูมองออกไปนอกหน้าต่าง กำลังคิดว่าใกล้จะได้เจอเสิ่นเผยซวนแล้ว ในใจของเธอรู้สึกตื่นเต้นและตั้งตารอ ไม่รู้ว่าเขาจะตกใจไหมตอนที่เห็นเธอ
ไม่นานรถก็ถึงที่หมาย แต่พอซางหยูความหากระเป๋าตังค์มาก็พบว่ากระเป๋าตังค์หาย เธอความหาอย่างร้อนใจแต่ก็ไม่เจอทั้งโทรศัพท์มือถือและกระเป๋าตังค์ แล้วเห็นว่ากระเป๋าของเธอถูกกรีดเป็นรูตั้งแต่เมื่อไหร่
เธอถูกขโมยของอย่างนั้นเหรอ?