กระเป๋าตังค์ไม่มีแล้ว โทรศัพท์ก็ไม่มีแล้ว เธอจะทำยังไงดี?
ซางหยูมองไปทางคนขับรถที่อยู่ข้างหน้า “เอ่อคุณลุงคนขับคะ ฉัน…”
“คุณหนูคงไม่ได้คิดจะนั่งรถแล้วชิ่งหรอกนะใช่มั้ย?” คนขับรถใบหน้ามืดครึ้มออกมา เขาออกมาทำมาหากินกลางดึกกลางดื่นมันง่ายหรือไง?
“เปล่านะคะ กระเป๋าตังค์ฉันหาย โทรศัพท์ก็หายไปด้วย…”
ซางหยูอยากจะอธิบายออกไป แต่คนขับแท็กซี่ก็ไม่สน “เรื่องที่คุณพูดมามันไม่เกี่ยวกับฉันทั้งนั้น เอาเงินมาให้ฉัน ฉันก็แค่ทำมาหากิน ไม่ได้เป็นพระโพธิสัตว์เสียหน่อย ยิ่งไปกว่านั้นเงินก็ไม่ได้เยอะมาก แค่ห้าสิบกว่าหยวนเอง คุณยังคิดจะเบี้ยวอีก?”
“ฉันไม่ได้คิดจะเบี้ยว แต่ฉันถูกขโมย” ซางหยูเอ่ยออกไปอย่างร้อนรน เธอไม่ได้อยากจะเบี้ยวเงินเสียหน่อย
ในใจเธอร้อนใจกว่าใครเสียอีก
ไม่มีเงิน โทรศัพท์ก็ไม่มี
“ของของคุณหายไปยังไงก็คงจะมีเพื่อนบ้างแหละมั้งใช่มั้ย? เงินต้องให้ฉัน จะเบี้ยวไม่ได้” คนขับรถไม่สบอารมณ์ขึ้นมา เงินนี้ไม่รู้ว่าจะเอามาได้หรือเปล่า ยังมาทำเขาเสียเวลาที่จะไปรับลูกค้าคนอื่นอีก “เจอคุณฉันนี่ซวยจริงๆเลย”
“ขอโทษ ต้องขอโทษจริงๆนะคะ” ซางหยูร้อนใจสุดๆ
“โทรหาเพื่อนของคุณ” คนขับรถยื่นโทรศัพท์มาให้ซางหยู ซางหยูฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ เพียงไม่นานเธอก็ได้ดวงตาได้หม่นลงอีกครั้ง เธอไม่เคยจำเบอร์ของเสิ่นเผยซวนมาก่อนเลย
“ฉัน…”
โทรหาเพื่อนสมัยเรียนที่เมืองBก็อยู่ไกลเกินไม่อาจจะช่วยอะไรได้ในตอนนี้ด้วย นี่จะทำยังไงดี?
เธอหัวเสียจนอยากจะตายไปให้รู้แล้วรู้รอด ทำไมถึงไม่จำเบอร์ของเสิ่นเผยซวนกันนะ?
ครั้งนั้นหลังจากที่เสิ่นเผยซวนเปลี่ยนเบอร์ไป เธอนั้นเป็นคนบันทึกเอาไว้เป็นคนแรก แล้วยังหมายเหตุชื่อเอาไว้ด้วย หลังจากนั้นจะส่งข้อความหรือโทรหาก็จะปรากฏชื่อออกมาทั้งนั้น ไม่ได้ตระหนักถึงเบอร์เลย
มาตอนนี้เยี่ยมไปเลย ต้องการจะใช้แต่กลับไม่รู้เบอร์
คนขับแท็กซี่หมดความอดทนขึ้นมาเป็นอย่างมาก “คุณโทรสิ?”
“ฉันอยู่ที่นี่มีเพื่อนแค่คนเดียว แต่ฉันลืมเบอร์ของเขาไปแล้ว…”
“ลงไปๆ!” คนขับรถไล่ออกไปด้วยใบหน้ามืดครึ้ม “เจอคนอย่างคุณฉันนี่มันซวยสุดๆไปเลย”
ซางหยูขอโทษออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า “ขอโทษ ขอโทษจริงๆนะคะ”
“รีบลงไปหน่อยเร็ว อย่าทำให้ฉันต้องเสียเวลาทำมาหากิน เจอคุณฉันก็ซวยพอแล้วก็อย่าให้ฉันต้องเสียเวลาไปเลย ขอโทษแล้วมันมีประโยชน์อะไร? ถ้าไม่เห็นว่าคุณเป็นเด็กสาวคนนึงนะ ฉันส่งคุณไปสถานีตำรวจไปแล้ว!”
“ขอโทษ ขอโทษค่ะ…”
ซางหยูเปิดประตูรถลงจากรถไป ฝนห่าใหญ่ก็ยังเทลงมาบนร่างทันที เธอปิดประตูรถลง รถก็ได้แล่นออกไปอย่างรวดเร็ว ซัดสาดน้ำให้ซางหยูเปียกน้ำไปทั้งร่าง
ที่ที่เสิ่นเผยซวนพักอยู่ไม่ใช่หมู่บ้านเล็กๆ แต่อยู่ในหมู่อาคารขนาดใหญ่ ประตูทางเข้าปิดอยู่ เข้าไปไม่ได้ด้วยเหมือนกัน รอบๆแม้แต่ที่สำหรับหลบฝนก็ยังไม่มีเลย
เห็นเสื้อผ้าบนร่างเปียกโชกไปหมดแล้ว ฝนหลังจากที่เข้าฤดูใบไม้ร่วงไปแล้วมันหนาวมาก เธอหนาวจนตัวสั่นออกมา
เธอตากฝนอยู่นาน กว่าจะเจอชายคาสำหรับหลบฝนที่แคบๆอันหนึ่ง แต่เห็นแนวโน้มจากฝนนี้แล้วดูไม่คิดจะหยุดลงในช่วงเวลาอันสั้นๆนี้แน่
ผ่านมาได้ประมาณยี่สิบนาที ก็มีรถขับเข้ามา จอดลงที่ลานจอดรถที่หน้าประตูทางเข้า
เสิ่นเผยซวนกางร่มลงมาจากรถ ด้วยความมืดซางหยูจึงมองเห็นได้ไม่ชัดเจน รอจนตอนที่เขาใกล้จะมาถึงหน้าประตูแล้วซางหยูจึงมองเห็นเสิ่นเผยซวนได้อย่างชัดเจน เธอจึงวิ่งเข้าไป “เสิ่นเผยซวน”
เสิ่นเผยซวนมองไปตามเสียง ก็เห็นเงาร่างเล็กน่ารักร่างหนึ่งวิ่งเข้ามาหาตน ฝ่าฝน ต้านลม มองไปแล้วดูทุลักทุเลเป็นอย่างมาก
“ซางหยู?” เสิ่นเผยซวนตะลึงงันไปชั่วขณะก็ได้สาวเท้าก้าวใหญ่ๆเดินเข้าไปทันที เอาร่มกันฝนไปกันอยู่ที่ข้างบนเธอ “คุณเป็นอะไรไป?”
ซางหยูกอดแขนไปพร้อมกับลำตัวที่สั่นเทา เหมือนกับคนที่น่าสงสารตัวเล็กๆคนหนึ่ง “ฉันมาหาคุณ อยากจะมาเซอร์ไพรซ์คุณ…แต่กระเป๋าถูกขโมยเอาไป กระเป๋าตังค์กับโทรศัพท์หายไปหมดเลย
เสิ่นเผยซวนเอาร่มยัดใส่มือเธอ ถอดเสื้อคลุมออกไปห่อหุ้มร่างของเธอเอาไว้ ไม่ได้พูดอะไร โอบเธอเดินเข้าตึกไป
“ที่ที่คุณพักอยู่ตอนนี้มันที่ไหน?” ซางหยูเอ่ยถามออกไปด้วยริมฝีปากที่สั่นเทา
“ที่พักชั่วคราว” เสิ่นเผยซวนกอดเธอแน่น อยากจะใช้อุณหภูมิจากร่างมอบความอบอุ่นให้กับเธอสักนิด บนร่างเธอเย็นเกินไปแล้ว รู้สึกได้ผ่านผ้าที่กั้นอยู่
ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอตากฝนอยู่นานแค่ไหน จะป่วยหรือเปล่า
“ฮัดชิ่ว—“ ซางหยูจามออกมา
ในตอนนี้มาถึงประตูหน้าบ้านแล้ว เสิ่นเผยซวนเปิดประตูออก เข้ามาถึงภายในห้องเขาก็เข้าไปหยิบผ้าขนหนูแห้งจากในห้องอาบน้ำมาให้เธอเช็ดหน้า “รีบถอดชุดเปียกออก”
ห้องไม่ได้ใหญ่ มีแค่ห้องนอนกับห้องน้ำ ภายในห้องมีแค่ตู้หนึ่งหลังกับโต๊ะหนึ่งตัวเรียบง่ายอย่างมาก
ซางหยูปลดกระดุมเสื้อออก มือของเธอแข็งไปเล็กน้อย เสิ่นเผยซวนเห็นการเคลื่อนไหวของเธอช้าไป จึงยื่นมือเข้าไปช่วยเธอถอด เพียงไม่นานเสื้อผ้าบนร่างของซางหยูก็ถูกดึงออกมา เหลือเพียงแค่เสื้อผ้าน้อยชิ้นด้านใน เสิ่นเผยซวนไม่มีความคิดอะไรอื่น เพียงแค่กลัวว่าเธอจะป่วยขึ้นมา ถอดเสื้อผ้าที่เปียกชื้นบนร่างของเธอออกไปทั้งหมด
ใช้ผ้าขนหนูเช็ดไปเล็กน้อย แล้วอุ้มเธอขึ้นไปบนเตียง ใช้ผ้าห่มคลุมเอาไว้
ซางหยูขดตัวอยู่ในผ้าห่ม บนร่างรู้สึกถึงความอบอุ่นทำให้รู้สึกสบายขึ้นเยอะเลย
เสิ่นเผยซวนไปรินน้ำร้อนมา ประคองซางหยูขึ้นมา เอาน้ำจ่อไปที่ริมฝีปากของเธอ “ดื่มน้ำอุ่นๆสักหน่อย”
ซางหยูดื่มจากมือเขาไปสองคำ “พอแล้ว”
เสิ่นเผยซวนวางแก้วน้ำลงแล้วแตะหน้าผากเธอดู กลัวว่าเธอจะไข้ขึ้น
ซางหยูซุกตัวอยู่ เอ่ยออกไปเสียงเบา “ไม่เป็นไร อย่ากังวลไปเลย ไม่มีทางป่วยหรอกร่างกายฉันแข็งแรงดีนะ ตอนเด็กๆไม่ค่อยป่วยเลย”
เสิ่นเผยซวนกอดเธอเอาไว้ ควักโทรศัพท์ออกมาเพื่อที่จะทำซุปร้อนๆอะไรให้เธอดื่มสักหน่อย จะได้ขับไล่ความหนาวบนร่างออกไปสักหน่อย แต่อย่างไรก็ตามในเวลานี้ไม่มีร้านอาหารเปิดอยู่แล้ว
ที่นี่ไม่มีอะไรเลยสักอย่าง อยากจะต้มน้ำขิงสักถ้วยนึงก็ทำไม่ได้เลย
เสิ่นเผยซวนกอดร่างเล็กของเธอเอาไว้ รู้สึกปวดใจอย่างมาก “บอกผมมาก่อนสักหน่อย ผมไปรับคุณได้”
ขนตาของซางหยูสั่นไหวออกมา “ฉันไม่ใช่ว่าอยากจะเซอร์ไพรซ์คุณหรือไง?” เธอเงยหน้าขึ้นมา ผมถึงแม้ว่าจะเช็ดแล้วแต่ก็ยังเปียกอยู่ “ฉันมาเยี่ยมคุณ คุณดีใจหรือเปล่า? เจอฉันแล้วคุณดีใจหรือเปล่า?”