ซูจ้านมองโทรศัพท์มือถืออย่างอึ้งๆอยู่นานมาก ไม่ได้กดเปิดดูข้อความตั้งแต่แรก จินตนาการถึงข้อความที่เธอส่งให้ตนเอง คือเพราะเธอคิดถึงเขาแล้ว ไม่ใช่จะพูดเรื่องหย่า
ภายในใจของเขาทั้งคาดหวังและหวาดกลัว
เขารวบรวมความกล้าเลื่อนเปิดหน้าจอ แม้ว่าจะลังเลแต่ก็กดเปิดอ่านเนื้อความ
ตัวอักษรในเนื้อความมีไม่เยอะ【ฉันจะไปพรุ่งนี้ คุณร่างหนังสือหย่าไว้ได้เลย】
ซูจ้านมองดูข้อความสั้นๆแค่ไม่กี่คำนั้น ยากที่ปิดบังความผิดหวังภายในใจ ตอบกลับไปโดยไม่ต้องคิดเลยว่า【คุณคิดดีแล้วเหรอ】
ความจริงแล้วเขาอยากจะบอกว่า คิดได้เร็วขนาดนี้เลยเหรอ
รู้ว่าไม่ควรถาม แต่ก็ควบคุมไม่อยู่
ในใจเขาเจ็บปวด
โทรศัพท์มือถือไม่ได้ส่งเสียงอีกเลย ฉินยาไม่ได้ตอบกลับ
ตอนที่ฉินยาส่งข้อความนี้ก็ได้ตัดสินใจเอาไว้แล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ตอบกลับข้อความของซูจ้าน
ซูจ้านกดเปิดสมุดโทรศัพท์ อยากจะโทรศัพท์ไปหาเธอ ถามเธอว่าทำไมถึงทำใจได้เร็วขนาดนี้ เป็นเพราะมีใครบางคน คิดได้ว่าความน้อยเนื้อต่ำใจที่เธอได้รับ ต่อให้เจ็บปวดกว่านี้ก็ยังทนได้
เขาพิงพนักเก้าอี้ หลับตาทั้งสองข้าง
ผ่านไปสักพักจึงสะกดอารมณ์ที่พลุ่งพล่านได้ เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาใหม่ ตอบกลับไปว่า【ผมร่างเสร็จแล้ว】
หลังจากส่งข้อความนี้เสร็จแล้ว เขาโยนโทรศัพท์มือถือไปบนเบาะข้างคนขับ จากนั้นก็ขับรถ กลับไปที่บ้านก็ได้ยินเสียงสิ่งของตกภายในบ้าน เขารีบผลักประตูเปิด ก็มองเห็นกำลังด่าว่าป้าจี๋ “แกมีสิทธิ์อะไรไม่ให้ฉันออกจากบ้าน แกเป็นใคร สั่งฉันได้เหรอ”
ซูจ้านรีบเดินเข้ามา พูดกับป้าจี๋ว่า “อย่าเป็นเหมือนเธอ”
ป้าจี๋พูดว่า “ฉันรู้ค่ะ ฉันไม่ถือสาค่ะ”
“ป้าไปทำงานเถอะครับ” ซูจ้านพูด
ป้าจี๋หมุนตัวเดินจากไป
“ซูจ้าน เขาไม่ย่าออกจากบ้าน” ท่านย่าดึงซูจ้านมาฟ้อง “แกรีบไล่เขาไปเลยนะ”
ซูจ้านนั่งบนโซฟา พูดว่า “คุณจะออกไปทำอะไร”
“ย่า……” สีหน้าท่านย่าเปลี่ยนเป็นมึนงง เมื่อครู่เธอคิดจะออกไปทำอะไร
ทำไมคิดไม่ออกแล้ว
ซูจ้านปลอบเธอว่า “ที่ป้าจี๋ไม่ให้คุณย่าออกไปเพราะหวังดีต่อคุณย่า ข้างนอกมีคนไม่ดี กลัวว่าคุณย่าจะมีอันตราย ไม่ใช่ความผิดเธอหรอกครับ ผมให้เธอทำแบบนี้เอง”
“นี่มันกลางวันแสกๆพูดบ้าอะไรของแก มีคนร้ายที่ไหน” ท่านย่าถลึงตาใส่เขา “หลอกฉัน”
ซูจ้านพูดอย่างจนปัญญา “ผมไม่ได้หลอกครับ”
“จริงเหรอ”
“จริงครับ”
กลางคืนกล่อมท่านย่าจนหลับแล้ว ซูจ้านก็กลับมาที่ห้องของตัวเอง เปิดคอมพิวเตอร์ เริ่มร่างหนังสือหย่า เรื่องแบบนี้ทำมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ครั้งนี้กลับไม่รู้ว่าจะเขียนอย่างไร
ทั้งสองคนไม่มีข้อโต้แย้งหรือข้อขัดแย้งกัน การลงนามในสัญญาหย่านี้เป็นแค่ทำไปตามรูปแบบขั้นตอนเท่านั้น
จู่ๆเขาก็หัวเราะอย่างขมขื่น สิ่งที่เลวร้ายที่สุดในโลกนี้คงจะเป็นการที่ตนเองร่างหนังสือสัญญาการหย่าของตัวเอง
บอกกับในใจตัวเอง หย่ากันแล้วฉินยาก็สามารถไปตามหาความสุขของตนเอง มองดูเธอมีความสุขก็พอ
แต่ไม่ว่าจะเตรียมใจอย่างไร พอนึกถึงว่าที่กำลังเขียนอยู่นั้นเป็นสัญญาการหย่าของตนเอง ก็เขียนไม่ออก
สุดท้ายเขาก็ยอมแพ้ ไปหาทนายคนอื่นในสำนักงานบอกว่ามีลูกค้าจะเอา ให้เขาเขียนให้หน่อย
อาการของท่านย่ากินยาแล้วดูเหมือนจะไม่ดีขึ้น อาจจะต้องใช้เวลานานหน่อย เวลาที่ท่านย่าอาละวาดขึ้นมาป้าจี๋ก็เอาไม่อยู่ ซูจ้านไม่กล้าปล่อยเธอไว้ที่บ้าน จึงต้องพาเธอไปที่สำนักงานทนายความด้วย
ลูกความของเขามารอเขาอยู่ที่สำนักงานทนายความแต่เช้าแล้ว
“คนนี้” หญิงสาวเห็นซูจ้านประคองหญิงชราเข้ามา คิดว่าเขารับคดีอื่นมาอีกแล้ว
ซูจ้านพูดว่า “คุณย่าผมเองครับ คนใช้ที่บ้านเอาไม่อยู่ ผมไม่วางใจ”
“อ้อ” หญิงสาวตอบ “ คุณยื่นฟ้องเถอะค่ะ……” เป็นอย่างที่คาดไว้สามีเธอไม่ยอมหย่าโดยที่ไม่มีส่วนแบ่งในสินสมรส
“ได้ครับ……”
“เสี่ยวยา” ท่านย่ามองหญิงสาวด้วยดวงตาเป็นประกายทั้งสองข้าง “เธอตั้งท้องแล้วเหรอ”
หญิงสาวแปลกใจ
ซูจ้านขมวดคิ้วพูดเบาๆกับคุณย่าว่า “นี่ไม่ใช่เสี่ยวยาครับ”
“ขอโทษนะครับ เธอจำคนผิด”
“แกพูดเพ้อเจ้ออะไร นี่ไม่ใช่เสี่ยวยาแล้วจะเป็นใคร ที่อยู่ในท้องก็ลูกของแก รีบมาเร็ว” ท่านย่ายื่นมือไปทางหญิงสาว หญิงสาวเหลือบมองซูจ้าน ยื่นมือออกมา ท่านย่าจูงมือเธอ “เธอไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ต้องอยู่กับซูจ้านอย่างมีความสุข”
หญิงสาวดูเหมือนจะมองสถานการณ์ออกว่าอะไรเป็นอะไร พูดว่า “คุณย่าสบายใจเถอะค่ะ”
“ดี ดีมาก” ท่านย่ากุมมือหญิงสาวเอาไว้ไม่ปล่อย
ซูจ้านเอามือกุมหน้าผาก เสียใจที่พาเธอออกมา
“ขอโทษด้วยนะครับ”
หญิงสาวพูดอย่างไม่ถือสาหาความว่า “ไม่เป็นไรค่ะ คนแกก็แบบนี้ ฉันเข้าใจค่ะ”
ซูจ้านพูดว่า “เข้าไปเถอะครับ”
ท่านย่าก็จูงมือหญิงสาว ซูจ้านให้เธอไปรอที่ห้องรับแขกครู่หนึ่ง เขาจัดการเอกสารที่ห้องทำงานก่อน อีกเดี๋ยวจะออกไปศาลกับลูกความ
ซูจ้านคิดจะเอาคุณย่าออกไป แต่เธอไม่ยอม “ย่าจะอยู่คุยกับเสี่ยวยาที่นี่ แกจะไปทำอะไรก็ไป”
“คุณย่านี่ไม่ใช่เสี่ยวยาครับ……”
“แกตาบอดแล้วเหรอ นี่ไม่ใช่เสี่ยวยาแล้วใคร แกลืมไปแล้วเหรอว่าตอนที่เธอหายไป แกเสียใจมากขนาดไหน นี่ยังจะจำเธอไม่ได้อีก” ท่านย่าทำสีหน้าท่าทางจริงจังเป็นพิเศษ
ซูจ้าน “……”
หญิงสาวยิ้ม “เสี่ยวยาเป็นแฟนหรือเป็นภรรยาของทนายซูเหรอคะ”
ซูจ้านเขินเล็กน้อย “ภรรยาผมครับ”
“คุณต้องรักเธอมากแน่เลย คุณดูสิคะตอนคุณเสียใจ คุณย่าคุณยังจำได้แม่นขนาดนั้น” หญิงสาวไม่ได้แซว แต่ว่ารู้สึกว่าตอนนี้ผู้ชายไม่มีใครดีสักคน ตอนนี้ได้ยินคำพูดของท่านย่า กลับเปลี่ยนทัศนคติไปเล็กน้อย
ผู้ชายอย่างทนายซูคนนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นคนมั่นคงหนักแน่นในความรัก
ซูจ้านเรียกพนักงานต้อนรับมา ให้เธอดูคุณย่าไว้ไม่ให้ออกไป
“ค่ะทนายซู” พนักงานต้อนรับเทน้ำมาสองแก้ว
แก้วหนึ่งให้ท่านย่า อีกแก้วให้หญิงสาว
หญิงสาวรับแก้วน้ำมาดื่มจิบหนึ่ง ยิ้มพลางเอ่ยว่า “ท่านย่าคุณชอบหลานสะใภ้มั้ยคะ”
ท่านย่าเบิกตาโต “เธอก็คือหลานสะใภ้ฉันไม่ใช่หรือไง เธอยังโกรธซูจ้านอยู่เหรอ เขาไม่ได้เป็นอะไรกับหลิวเฟยเฟยจริงๆนะ เขาชอบเธอมาตลอด ช่วงที่เธอไม่อยู่ เขาก็อย่างไม่มีความสุข พวกเธอก็มีลูกแล้ว เธอต้องให้อภัยเขานะ”
หญิงสาว “……”
ตอนแรกเธอเธอก็มีความรู้สึกที่ดีกับซูจ้าน คิดว่าเขาเป็นคนที่มีความรับผิดชอบ ที่แท้ก็เป็น ……
ที่แท้ผู้ชายก็ไม่มีใครดีสักคน!
“ฉันไม่ทางดีกับเขา”
“ทำ ทำไมล่ะ” ท่านย่าไม่กล้าที่จะเชื่อ “เสี่ยวยา……”
“เขาก็นอกใจแล้ว ฉันยังจะอยู่กับเขา ฉันก็บ้าไปแล้วหรือไง” เธอคิดว่าในฐานะที่เป็นผู้หญิง ก็ต้องเห็นผู้ชายเลวเป็นศัตรูคู่อาฆาต
“เธอจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ” ท่านย่าบีบมือของหญิงสาว “ซูจ้านเขาสำนึกผิดแล้ว เธอต้องให้อภัยเขา”