“คุณอย่าเสียใจก็พอแล้ว”ฉินยาพูดขึ้น ในเวลานี้ในใจของเธอก็รู้สึกกลัวเหมือนกัน กลัวว่าท่านย่าจะฟื้นขึ้นมา แล้วกลับไปเป็นแบบเมื่อก่อน
ซูจ้านยื่นแขนออกมาโอบเธอเอาไว้“ผมจะไม่เสียใจแน่นอน”
เขาจะพิสูจน์ให้เธอเห็นเอง!
“คุณหลับในอ้อมกอดของผมเถอะ”ซูจ้านลูบหน้าของเธอ ฉินยาตีมือของเขา ไม่ชอบที่เขามาทำเรื่องที่ไม่รู้กาลเทศะแบบนี้
ซูจ้านแสร้งทำเป็นถูกเธอตีโดนแผลของตัวเอง ทำท่าทำทางเจ็บปวด ฉินยาใบหน้าเกร็งทันที“โดนแผลของคุณเหรอ?”
“อื้อ”ซูจ้านพยักหน้า
ฉินยารู้สึกโทษตัวเองไม่น้อย เขาได้รับบาดเจ็บเพราะเธอ เพิ่งจะเย็บไปสิบกว่าเข็มแค่สองวันจะหายได้ยังไง“ไหนให้ฉันดูหน่อย”
ฉินยาจะดูว่ามีเลือดออกไหม
ซูจ้านพูดขึ้น“ไม่เป็นไร คุณให้ผมซบสักพักนะ”
ไม่นานฉินยาก็ตระหนักขึ้นมาได้“คุณแสร้งทำสินะ?”
ซูจ้านส่ายหน้าปฏิเสธทันที“เปล่า แผลตรงนี้ไง ผมจะแสร้งทำทำไมล่ะ?”
“ฉันไปโดนคุณเหรอ?”ฉินยาเพียงแค่กดบาดแผลของเขา ตอนนี้ซูจ้านเจ็บจริงๆ ร้องคร่ำครวญออกมา
ฉินยาก็ไม่ได้โหดเหี้ยมแล้ว สบถหึใส่เขาหนึ่งที“ถ้าหลอกฉันอีก คุณเจ็บจนตายไปแน่”
ซูจ้านซบหัวลงที่ไหล่ของเขา“คุณทำลงเหรอ?”
“ทำไมจะทำไม่ลง? ฉันแทบอยากจะให้คุณตายไปซะให้รู้แล้วรู้รอด”ฉินยาแสร้งทำเป็นพูดขึ้นอย่างหยาบคายรุนแรง
ซูจ้านยิ้ม เข้าไปใกล้หูของเธอ“ตายในอ้อมกอดของคุณ ผมยอม”
ฉินยาจ้องเขม็งเขา“ทำไมคุณถึงยังไม่ทำตัวให้ดีสักทีนะ?”
ซูจ้านกระพริบตาปริบๆ พร้อมกับพูดขึ้น“ผมหลับได้ไหม?”
ที่เขาพูดเป็นความจริงทั้งนั้น จะไม่ดีไม่ควรได้ยังไง?
พูดไปแล้วเธอก็ไม่ชอบ ถ้าอย่างนั้นก็หลับซะเลย
ฉินยาพยักหน้า“นอนสิ”
ผ่านไปสามชั่วโมงพวกเขามาถึงเมืองC ช่าวหยุนได้รับโทรศัพท์จากฉินยารู้ว่าวันนี้เธอกลับมา ก็มารอรับที่สนามบินตั้งนานแล้ว
วันนี้บังเอิญไม่ได้สวมชุดลายดอก ไม่มีสีสัน เรียกได้ว่าเรียบง่ายสะอาดสะอ้านสุดๆ
พอเห็นฉินยากับซูจ้านเดินออกมาด้วยกัน เขาอึ้งตะลึงไป ตอนที่ฉินยาไปเธอบอกว่าหย่ากับซูจ้านแล้ว นี่เป็นครั้งที่สองที่ฉินยาหย่ากับซูจ้าน เขานึกว่าครั้งนี้จะตัดขาดกันแล้วจริงๆซะอีก คิดไม่ถึงว่าซูจ้านจะกลับมาด้วยกันกับเธอ
ถ้าไม่ใช่เพราะเธอบอกว่าหย่ากับซูจ้านแล้ว เขาก็จะไม่กล้าเปิดเผยความจริงที่ว่าตนเองมีความรู้สึกดีๆให้กับเธอออกมาแน่นอน
ถึงยังไงอายุของตัวเอง
ทำอะไรไม่ถูกขึ้นมาทันที
“อารอง”ฉินยาพอเห็นเขายืนอยู่ตรงประตูทางออก ก็โบกมือให้
ช่าวหยุนไอกระแอมหนึ่งทีก่อนจะพูดยิ้มๆ“เธอกลับมาแล้ว”
หรืออาจจะเพราะเป็นผู้ชายเหมือนกัน ซูจ้านรู้สึกได้ว่าช่าวหยุนกำลังร้อนตัวทำตัวไม่เป็นธรรมชาติ ส่วนร้อนตัวเรื่องอะไรนั้น น่าจะเป็นความรู้สึกที่เขามีต่อฉินยา
เมื่อก่อนเขาก็สงสัยว่าช่าวหยุนอาจจะมีความรู้สึกกับฉินยา ดูท่า ตอนนี้คงไม่ใช่แค่อาจจะแล้ว น่าจะใช่เลยแหละ
“อารอง”ซูจ้านยื่นมือออกไปหาช่าวหยุน“เสี่ยวยาอยู่ที่นี่ได้รับการดูแลจากคุณมาโดยตลอด ขอบคุณนะครับ”
ช่าวหยุนยื่นมือออกมาจับมือกับเขา“ฉันเป็นผู้ใหญ่ มันก็เป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณที่คุณดูแลเธอแทนผมก็แล้วกันครับ” ซูจ้านพูดเน้นคำว่า แทนผม สองคำนี้
“รถจอดอยู่ข้างนอก พวกเราไปกันเถอะ”ช่าวหยุนเดินนำไปข้างหน้าก่อน
ซูจ้านจูงมือฉินยาเดินตามมาข้างหลัง
“คุณกุมมือฉันแน่นขนาดนี้ทำไม?”ฉินยาคิดจะสลัดมือของซูจ้านออก
มันเป็นการกระทำโดยสัญชาตญาณของซูจ้าน เหมือนกลัวว่าเธอจะถูกคนอื่นแย่งไป เขาปล่อยมือของเธอออกเล็กน้อย“ผมไม่ได้ตั้งใจ”
พอเดินมาถึงรถ ซูจ้านก็เอากระเป๋าเดินทางใส่ไว้ที่ท้ายรถ จากนั้นก็ขึ้นรถไป ฉินยานั่งอยู่ข้างในเรียบร้อยแล้ว
ช่าวหยุนพูดขึ้น“เดี๋ยวฉันพาพวกเธอไปกินข้าวก่อนก็แล้วกัน”
“ได้สิ”ฉินยาพูดขึ้น“ที่ที่คุณจะพาพวกเราไปต้องไม่เลวแน่นอน”
เพราะว่าร้านอาหารที่ช่าวหยุนเคยพาเธอไปล้วนแต่ไม่เลวเลยทั้งนั้น
“เอ๋ อารอง วันนี้คุณไม่ได้ใส่เสื้อลายดอกเหรอ?”จู่ๆฉินยาก็สังเกตเห็นการแต่งตัวของเขา ปกติแล้วจะสวมเสื้อลายดอกมีสีสันตลอด ไม่คิดว่าจะเปลี่ยนเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวล้วน เสื้อสูทตัวนอกลำลองสีเทาง่ายๆแบบนี้
ช่าวหยุนกำพวงมาลัยไว้แน่น“ฉันลองเปลี่ยนสไตล์ดูบ้างไม่ได้เหรอ?”
ซูจ้านแสร้งทำเป็นไม่เห็นท่าทีกดดันตึงเครียดของช่าวหยุน บอกว่าเหนื่อยแล้ว เลยซบไหล่ของฉินยาพักผ่อน
ฉินยารับรู้ได้ถึงความคิดของผู้ชายทั้งสองคน พูดขึ้นต่อ“นั่นเป็นความชอบตลอดทั้งชีวิตของคุณไปแล้วนะ จู่ๆคิดจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนไปได้ง่ายๆเลยอย่างนั้นเหรอ? เมื่อก่อนฉันพูดแล้วพูดอีกคุณก็ไม่ยอมเปลี่ยนความชอบที่ว่าชอบสวมเสื้อลายดอกของคุณสักที แล้วทำไมตอนนี้บอกจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนซะอย่างนั้น?”