จู่ๆหลินซินเหยียนที่นอนอยู่บนเตียงก็เพ้อออกมา เสียงเบาจนจงจิ่งห้าวได้ยินไม่ชัดเจน จึงเอียงหูไปใกล้ริมฝีปากเธอ ครั้งนี้เขาได้ยินแล้ว เธอกำลังเรียกชื่อของตัวเอง
จงจิ่งห้าวจับมือเธอเอาไว้ เอ่ยเสียงเบาว่า “ผมอยู่นี่”
หลินซินเหยียนไม่ได้ยิน เอ่ยเรียกอีกครั้ง “จิ่งห้าว…”
จงจิ่งห้าวเอนตัวลงข้างเตียง โอบเธอมาไว้ในอ้อมกอด อ้อมกอดนี้คุ้นเคยเป็นอย่างมาก ร่วมเรียงเคียงหมอนทุกคืนวัน จึงคุ้นเคยกับทั้งสองฝ่ายไปนานแล้ว
นี่เป็นกลิ่นอายของเขา เธอรู้ จึงคลอเคลียอยู่ในอ้อมแขนของเขาอย่างสะลึมสะลือ “จิ่งห้าว คุณอย่าเสียใจเลยนะคะ ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนคุณ”
เธอไม่ได้ลืมตา เหมือนกับละเมออย่างไรอย่างนั้น
จงจิ่งห้าวเบิกตากว้าง แพขนตาหนาเป็นแพกระพริบอยู่หลายครั้ง สุดท้ายก็ปิดตาลง หลับไปได้ครู่หนึ่งก็ตื่นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
หลายวันมานี้เหนื่อยเกินไป อดทนมากเกินไป ไม่อย่างนั้นภายใต้สถานการณ์ที่ลูกน้อยหายไป กระทั่งครู่หนึ่งก็เกรงว่าเขาจะหลับไม่ลง
ฟ้าด้านนอกยังคงมืดอยู่ เขาห่มผ้าให้หลินซินเหยียนเรียบร้อยแล้ว แตะหน้าผากเธอ ไข้ลดลงไปแล้ว ไม่ร้อนแล้ว ตอนนี้เขาไม่สามารถอยู่เป็นเพื่อนข้างกายเธอได้ เขาต้องไปหาลูกน้อย
เขามองเธออย่างลึกซึ้งอยู่แวบหนึ่งแล้วลุกขึ้น เดินออกไปและปิดประตูลงอย่างแผ่วเบา
ซูจ้านรู้สึกว่าผิดปกติ “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”
เขาลุกขึ้นมานั่งบนเตียง
ในห้องไม่ได้เปิดไฟ จงจิ่งห้าวยืนอยู่หน้าประตู “ลูกน้อยหายไปแล้ว”
“อะไรนะ?!” ซูจ้านร้องออกมาตามสัญชาตญาณ
“เสียงเบาหน่อย” จงจิ่งห้าวไม่ได้อธิบายมากนัก “นายช่วยฉันดูแลที่นี่ให้ดี”
ซูจ้านพยักหน้า “นายวางใจเถอะ”
จงจิ่งห้าวเอ่ยว่าอืมแล้วเดินออกไป
ตอนเก้าโมงกว่า ทางด้านเสิ่นเผยซวนก็มีข่าวคราว เห็นจงหยุนเฉียงกับผู้หญิงคนนั้นเดินออกมาจากบ้านแล้วขึ้นรถ
เขาถามจงจิ่งห้าวว่าจะจับเอาไว้ไหม?
จงจิ่งห้าวเอ่ยว่า ตามต่อไป อย่าให้ถูกพบ
ตอนนี้สำหรับเขาแล้ว การหาลูกน้อยให้เจอก่อนนั้นสำคัญที่สุด
เสิ่นเผยซวนยุ่งตลอดเวลา เขาก็ไม่ได้อยู่ว่างๆ เขาตรวจสอบความเป็นมาของผู้หญิงที่อยู่ข้างกายจงหยุนเฉียงคนนั้น
สถานการณ์ยามปกติล้วนมีต้นสายปลายเหตุ จะต้องหาเบาะแสได้แน่ๆ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นผู้หญิงที่ชื่นชอบพูดจาเสียดสีคนหนึ่งด้วย
ไม่ได้เสียเวลาไปมากนัก จงจิ่งห้าวก็ตรวจสอบข้อมูลผู้หญิงข้างกายจงหยุนเฉียงคนนั้นจนหมด หญิงสาวจากสถานบันเทิง ก่อนที่จะมาอยู่กับจงหยุนเฉียงก็ถูกเสี่ยเลี้ยงมาก่อน จงหยุนเฉียงเป็นเสี่ยคนที่ N ของเธอ แผนการที่ผู้หญิงคนนี้ใช้กับผู้ชาย ก็ได้เงินจากเสี่ยคนก่อนหน้านี้มาไม่น้อย
ในวงการก็มีชื่อเสียงมาก แน่นอนว่าชื่อเสียงนี้เป็นเรื่องแผนการที่เธอใช้กับผู้ชาย คว้าเงินมาจากมือของผู้ชายได้ไม่น้อย
ครั้งนี้ตะกายขึ้นมายุ่งกับจงหยุนเฉียง ก็ทำให้พี่สาวน้องสาวในวงการอิจฉา คนแก่ไปหน่อย แต่ว่ามีเงินนี่นะ ถ้าหากว่าวันไหนคนตายไปแล้ว ก็ไม่แน่ว่าเธอจะได้รับมรดกก้อนใหญ่ได้ การที่จงหยุนเฉียงไม่สามารถมีลูกได้นั้นก็ไม่ได้เป็นความลับอะไร เพียงแค่ไม่มีใครกล้าพูดถึงมันต่อหน้าเขาเท่านั้นเอง
ความคิดของเหล่าหญิงขายบริการก็คือ ทรมานเขาจนตายก็จะได้รับเงิน เมื่อมีเงินแล้วจะหาผู้ชายที่เยาว์วัยขนาดไหนก็ได้ไม่ได้หรือ?
“ไอ้แก่น่าตายคนนี้ ผีเข้าหรือไง” กวนจิ้งเอ่ยเหยียดหยาม ในใจก็คิดว่าหาผู้หญิงขายบริการที่ผ่านคนมากมายนับไม่ถ้วนแล้วยังจะถูกหญิงขายบริการปลุกปั่นให้ทำเรื่องโง่ๆอีก ไม่ใช่ว่ารนหาที่ตายหรือ?
เดิมสามารถใช้ชีวิตบั้นปลายได้อย่างสงบ คราวนี้หาเรื่องหายนะให้กับตัวเอง ผู้หญิงล้วนไม่ใช่คนดีอะไรอย่างที่คิดเอาไว้เลยจริงๆ ยกตัวอย่างเช่น… กู้หุ้ยหยวน สร้างหายนะให้เขาแล้วก็หายตัวไปแล้ว
“จะจับเธอกลับมาไหมครับ” กวนจิ้งถาม
เสิ่นเผยซวนลอบติดตามคนอยู่ไม่ใช่หรือ
จับเธอ ไม่สู้จับจงหยุนเฉียงเลยดีกว่า
แต่ถ้าหากจับคนกลับมาแล้วเขาเป็นตายอย่างไรก็ไม่ยอมพูดจะทำเช่นไร?
ถึงตอนนั้นยังต้องปล่อยคนไป ถึงอย่างไรลูกน้อยก็อยู่ในมือพวกเขา นี่เป็นจุดอ่อนของเขา จึงไม่กล้าที่จะเสี่ยงอันตราย
“ผู้หญิงคนนี้ชอบเงิน ไม่อย่างนั้น พวกเราลองใช้เงินซื้อตัวไหมครับ” กวนจิ้งออกความเห็นอีกหนึ่ง “เวลาของพวกเราไม่มากแล้ว”
ตอนนี้เองที่ทางด้านเสิ่นเผยซวนส่งข่าวมาก พวกเขาไปฆ่าเวลาที่สมาคมแห่งหนึ่งแล้ว
[ดูท่าการลอบติดตามพวกเขาจะหาที่อยู่ของลูกน้อยไม่เจอ]
กวนจิ้งก็เห็นข้อความของเสิ่นเผยซวน จึงเอ่ยว่า “ลูกน้อยก็เป็นจุดอ่อนของพวกเขา แน่นอนว่าต้องกลัวว่าพวกเราจะหาเจอ จึงต้องซ่อนไว้ในที่ลึกลับ ตอนนี้ทำได้เพียงแค่จับคนมาถาม ไม้อ่อนไม่ได้ ก็ใช้ไม้แข็ง ใช้กำลังบีบบังคับและใช้ผลประโยชน์เข้าล่อ แบบนี้จะยังแงะปากไม่ได้หรือ”
จงจิ่งห้าวชั่งน้ำหนักซ้ายขวา หาวิธีที่ดีกว่านี้ไม่ได้แล้ว จึงให้เสิ่นเผยซวนลองดูว่าจะจับคนมาได้ไหม
ในเวลาเดียวกันเขาก็เตรียมแผนสำรอง ให้คนปลอมหนังสือผู้ถือหุ้นขึ้นมาหนึ่งฉบับ อยู่ในมือของหลินซินเหยียน ถ้าเขาไปถามหากับหลินซินเหยียน เธอจะต้องค้นพบเข้าแน่นอน
หลังจากเสิ่นเผยซวนได้รับคำสั่ง ก็เปลี่ยนเครื่องแต่งกาย แสร้งทำเป็นลูกค้า เตรียมหาโอกาสจับคน
หญิงสาวตามติดอยู่ข้างกายจงหยุนเฉียงตลอด ตีกอล์ฟได้ครู่หนึ่ง ก็นั่งพักอยู่บนโซฟา หญิงสาวนั่งอยู่บนตักของจงหยุนเฉียง จิ้มผลไม้ขึ้นมาป้อนเขา “คุณว่า พวกเราจะสำเร็จ…”
เธอยังเอ่ยไม่ทันจบก็ถูกจงหยุนเฉียงปิดปากเอาไว้ “ระวังกำแพงมีหู”
หญิงสาวหัวเราะคิกคัก นิ้วเรียวจิ้มไปที่หน้าผากเขา “ดูท่าทางระมัดระวังของคุณสิ”
จงหยุนเฉียงเอ่ย “นั่นเป็นเพราะคุณไม่รู้จักนิสัยของคนแซ่จง
“คุณก็แซ่จงไม่ใช่หรือคะ” หญิงสาวโอบลำคอเขา พลางออดอ้อนฉอเลาะ เธอสวมชุดเดรสสีแดง จึงขับผิวที่ขาวให้แดงระเรื่อ ปกคอเสื้อต่ำมาก ก้มตัวลงเล็กน้อยก็สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ด้านในได้ ขาขาวเรียวยาวคู่หนึ่งถูร่างกายเขาอย่างอยู่ไม่นิ่ง มือของจงหยุนเฉียงวางอยู่บนหน้าขาเธอ “ช่วงเวลากลางวันก็ยังไม่สงบ”
“คุณชอบฉันแบบนี้ไม่ใช่หรือคะ” หญิงสาวแนบร่าง จงใจใช้ ‘อาวุธ’ ของตนเองเบียดเข้ากับร่างกายด้านหน้าเขา อายุในวัยนี้ของจงหยุนเฉียงนั้นแรงกายกับแรงใจไม่ได้ไปด้วยกันแล้ว แต่ว่าเขาก็ชอบมองผู้หญิงคนนี้แสดงท่าทางยั่วยวนต่อหน้าเขา
เธอสามารถคว้าหัวใจของจงหยุนเฉียงเอาไว้ได้ หลักๆก็เพราะเธอเข้าใจจิตใจของผู้ชายประเภทนี้อย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะคนที่มีช่วงอายุเหมือนเขานั้นใช้ไม่ได้ แต่เมื่ออยู่บนเตียง เธอมักจะแสร้งทำเป็นว่าได้เสพสุขมาก เพื่อให้เขารู้สึกประสบความสำเร็จ
จงหยุนเฉียงฟาดลงบนก้นของเธอฝ่ามือหนึ่ง แล้วด่าออกมาประโยคหนึ่งว่าผู้หญิงบ้าเซ็กส์
หญิงสาวไม่โมโห กลับยิ้มอย่างมีความสุขมากกว่าเดิม
เสิ่นเผยซวนนั่งอยู่ที่นั่งอีกด้านหนึ่ง จึงได้ยินอย่างชัดเจน เพียงแค่รู้สึกหนาวจนขนลุก อายุปูนนี้แล้ว ฟ้าสีครามตะวันสาดส่อง หน้าก็ไม่อายเลยหรือ?
“คุณว่า รอจนได้บริษัทมาแล้ว จะให้ฉันเป็นประธานบริษัท พูดแล้วไม่สามารถผิดคำพูดได้นะคะ” หญิงสาวยิ้ม
ยิ่งเป็นคนที่ปืนขึ้นมาจากชั้นล่างก็ยิ่งอยากได้มากยิ่งขึ้น มีเงินแล้วก็รู้สึกว่าไม่พอ ถูกคนอิจฉาแล้วยังอยากจะถูกคนประคองเอาไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง
จงหยุนเฉียงเป็นกังวลเล็กน้อย หลายปีมานี้ใช้ชีวิตอย่างมีอิสระ เมื่อคืนวานก็ไม่ได้นอนพักผ่อนให้ดี โดยเฉพาะช่วงกลางดึกที่ระบบป้องกันขโมยดังขึ้น เขานึกว่าจงจิ่งห้าวจะพาคนมาจับเขา
“คุณวางใจเถอะ จะไม่เกิดข้อผิดพลาดหรอกค่ะ” หญิงสาวรู้จักสังเกตสีหน้า “คุณก็เพิ่งจะพูดไป คุณก็แซ่จง มีสิทธิ์อะไรที่ทุกเรื่องล้วนให้พวกเขาได้โดดเด่นหมดกัน? อีกอย่างนี่ก็ไม่ยุติธรรมเกินไปแล้ว เป็นลูกหลานตระกูลจงเหมือนกัน พวกเขาได้ครอบครองหุ้นใหญ่ มีหุ้นมากที่สุด ส่วนคุณมีเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น มีสิทธิ์อะไรกัน คุณไม่รู้สึกว่าไม่ยุติธรรมต่อตัวเองบ้างหรือคะ”
จงหยุนเฉียงเข้าใจว่าสายเลือดเขาทำธุรกิจไม่เป็น แต่ก็มีบางคำพูดที่เอ่ยถึงสิ่งที่อยู่ในส่วนลึกหัวใจของเขา
แม้ว่าเขาจะทำธุรกิจไม่เป็น ตอนนั้นก็ควรจะแบ่งเฉลี่ยให้เท่ากันไม่ใช่หรือ แต่ว่ามันไม่ใช่
“ฉันได้ยินมาว่าที่ต่างประเทศมีกรณีศึกษาที่รักษาอาการป่วยของคุณได้ รอจนคุณรักษาอาการป่วยเสร็จแล้ว พวกเราก็ให้กำเนิดลูกมาเป็นผู้สืบทอดกิจการของตระกูล จะได้สามารถสืบทอดเป็นรุ่นๆต่อไปได้ แบบนี้ไม่ดีหรือคะ?” หญิงสาวซบลงบนไหล่เขา “ฉันอยากมีลูกกับคุณคนหนึ่ง ถ้าหากว่าชั่วชีวิตนี้คุณไม่สามารถให้กำเนิดได้ก็ไร้ผู้สืบสกุลแล้ว ไม่แน่ว่าจะมีคนเห็นคุณเป็นตัวตลก คิดว่ากระทั่งหุ้นยี่สิบเปอร์เซ็นต์ก็ไม่ควรจะมีนะคะ”