เขาวางโทรศัพท์ลง“คุณหลินจากบ้านมาไกล คงอาจจะยังไม่คุ้นเคยกับที่นี่ ผมในฐานะหุ้นส่วน แน่นอนว่าจะไม่ยอมปล่อยให้คุณได้รับความไม่ยุติธรรมแน่ๆ”
จงเหยียนซียืนอยู่ข้างประตูมองไปที่เขา“ไม่กลัวหล่อนมาโวยวายกับคุณเหรอ?”
“ผมไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับหล่อน”พูดจบเขาก็นึกได้ว่าจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวข้องกันเขาก็ไม่จำเป็นต้องอธิบายให้เธอฟัง
เขารู้สึกว่าตัวเองใช้อารมณ์มากเกินไปจึงขมวดคิ้วแน่นขึ้น เขาเกลียดความรู้สึกที่ควบคุมตัวเองไม่ได้แบบนี้
จงเหยียนซีเดินเข้ามาแล้วเลื่อนเก้าอี้ออกมานั่งลงอีกรอบ
ก๊อกก๊อก——
เสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้น หลิงเวยอยู่ในชุดทำงาน ใบหน้าถูกแต่งแต้มไปด้วยเครื่องสำอางดูสวยงาม เมื่อได้รับสายจากเลขา เธอก็รู้สึกไม่พอใจมาก ทว่าขณะที่เปิดประตูออกไปบนใบหน้ากลับยังคงรอยยิ้มไว้อยู่ แต่พอเห็นว่าจงเหยียนซีก็อยู่ในห้องด้วย รอยยิ้มบนใบหน้าก็ค่อยๆหายไป
“ประธานเจียง”หล่อนเหลือบมองหลินลุ่ยซีแวบหนึ่ง จากนั้นก็หันไปหาเจียงโม่หาน“เรียกฉันมีเรื่องอะไรเหรอคะ?”
“วันนี้คุณไปหาคุณหลินมาเหรอ?”เจียงโม่หานถามออกไปตรงๆ
หลิงเวยกำหมัดแน่น แล้วฝืนยิ้มออกมา “คือ……”
“ขอโทษคุณหลินซะ”
หล่อนยังไม่ทันได้ตอบ เจียงโม่หานก็ออกคำสั่งแล้ว
หลิงเวยไม่อยากจะเชื่อ เธอรู้สึกว่าตัวเองหูฝาดไป“โม่หาน นี่คุณกำลังพูดอะไรอยู่?ให้ฉันขอโทษหล่อนงั้นเหรอ?”
“วันนี้คุณมาหาฉันที่โรงแรมแถมยังปัดโทรศัพท์ฉันตกแตกอีก ฉันไม่ได้ใส่ร้ายคุณหรอกใช่ไหม คุณหลิง?”จงเหยียนซีนั่งไขว่ห้างอยู่ในท่วงท่าอันสง่างามแล้วมองหล่อนอย่างเฉยเมย
“ฉันไม่รู้ว่าคุณหลินกำลังพูดถึงเรื่องอะไร”
จงเหยียนซีฟุบลงบนโต๊ะแล้วมองเจียงโม่หานด้วยความสนใจ จากนั้นก็ยิ้มพูดขึ้น“ประธานเจียง ดูเหมือนผู้หญิงที่ชอบคุณคนนี้จะนิสัยไม่ค่อยดีนะ เพิ่งจะก่อเรื่องไปเมื่อกี้ ทว่าตอนนี้กลับไม่ยอมรับซะแล้ว คนแบบนี้ทำไมเป็นถึงหัวหน้าได้นะ?”
เจียงโม่หานสีหน้าแย่ลงทันที“มันไม่เกี่ยวกับการทำงาน”
เธอแสร้งทำเป็นเข้าใจขึ้นมาทันที“อ๋อ ที่แท้เหิงคังกรุ๊ปก็ให้ความสนใจแต่เรื่องความสามารถ ไม่ได้สนใจเรื่องนิสัยส่วนตัว ในเมื่อมีนิสัยต่ำๆแต่ก็ยังอยู่ตำแหน่งสูงๆได้ในเหิงคังกรุ๊ปฉันชื่นชมการบริหารการจัดการคนของประธานเจียงจริงๆเลย”
หลิงเวยที่อยู่ข้างๆทำหน้าบูดบึ้งไปตั้งนานแล้ว นี่ถ้าเจียงโม่หานไม่อยู่ที่นี่ เธอคงตะโกนลั่นใส่หลินลุ่ยซีไปแล้ว“มากไปแล้วนะ อย่ามาใส่ร้ายคนอื่นที่นี่ ฉันไปหาคุณเมื่อไหร่……”
“หลิงเวย!”เดิมเจียงโม่หานอยากจะให้เธอขอโทษเรื่องนี้ให้มันจบๆไป แต่ไม่นึกเลยว่าเธอจะปฏิเสธหัวเด็ดตีนขาด เขาสูดหายใจเข้าลึกเพื่อข่มอารมณ์โกรธที่กำลังจะปะทุออกมา“ขอโทษคุณหลินซะ”
หลิงเวยยืนนิ่ง แข็งทื่อไปทั้งตัว“ฉันไม่ขอโทษ ฉันไม่ผิด”
จงเหยียนซีเอนหลังพิงเก้าอี้แล้วทำท่าเหมือนกับกำลังดูละคร“คุณหลิงทำแบบนี้กับเจ้านายไม่กลัวว่าจะโดนไล่ออกเหรอ?หรือว่าเพราะว่าคิดว่าตัวเองสำคัญและมีคนหนุนหลังอยู่ก็เลยไม่กลัว?”
เจียงโม่หานมองหลินลุ่ยซี“คุณหลินอยากเห็นผมเป็นตัวตลกเหรอ?”
“ไม่ใช่ฉันนะ คุณหลิงต่างหากที่อยากจะแสดงให้ฉันดู เพราะงั้นฉันก็เลยจำเป็นต้องดู”เธอดูท่าทางผ่อนคลายสบายอารมณ์ สีหน้ามีความสุขราวกับว่ากำลังดูละครดีๆเรื่องหนึ่งเลย
“หลิงเวย ถ้าหล่อนไม่มีหลักฐาน ผมจะสั่งให้คุณขอโทษหล่อนโดยไม่มีเหตุผลไหม?”เจียงโม่หานไม่ได้ชอบหลิงเวย แต่ก็ไม่คิดเลยว่าหล่อนจะเป็นพวกโกหก แถมยังไม่ยอมรับเรื่องที่ตัวเองทำอีก
นี่มันทำให้เขาผิดหวังซะยิ่งกว่าการไปทำเรื่องอับอายขายขี้หน้าต่อหน้าคนอื่นซะอีก
“ฉัน……”
หลิงเวยอยากจะอธิบาย ทว่าจงเหยียนซีก็พูดขัดขึ้น“เร็วๆหน่อยเถอะคุณหลิง ฉันไม่มีเวลาให้คุณมากหรอกนะ”
หลิงเวยรู้สึกว่าเลือดในตัวกำลังเดือดพล่านไปทั่วร่าง ถ้าไม่ใช่เพราะยังมีสติอยู่ หล่อนคงจะปรี่เข้าไปตบฉาดลงบนหน้าของหลินลุ่ยซีเป็นแน่
หล่อนไม่คิดเลยว่าเธอจะมาหาเจียงโม่หาน!
หล่อนกำหมัดแน่นแล้วปล่อยจากนั้นก็กำแน่นขึ้นอีก ทำแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมา ครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่มองเธอ“ขอ……โทษค่ะ คุณ……หลิน”
จงเหยียนซีลุกขึ้น“เห็นแก่คำขอโทษของคุณหลิง คุณไม่ต้องซื้อโทรศัพท์คืนฉันแล้วนะ”
พูดจบเธอก็มองไปที่เจียงโม่หาน“ขอตัวก่อนนะคะประธานเจียง ฉันไม่รบกวนเวลาทำงานของคุณแล้ว”
เจียงโม่หานสีหน้ากำลังแย่ เขาไม่ได้ตอบกลับ จงเหยียนซียิ้มออกมาอย่างไม่แยแส
ตอนนี้คุณรู้รึยังล่ะว่าหลิงเวยเป็นคนโกหก?
ไม่สิ หล่อนไม่ใช่แค่โกหก หล่อนยังลอบทำร้ายคนอื่นลับหลังด้วย
เมื่อประตูห้องทำงานปิดลง เจียงโม่หานถึงได้เอ่ยปากขึ้น“ทำไมถึงทำแบบนี้?ทำไมต้องโกหกด้วย?”
“ฉะ ฉัน……”หลิงเวยอยากอธิบายแต่กลับพบว่าเธอไม่สามารถอธิบายออกไปได้“ฉันรู้สึกว่าเธอคิดไม่ซื่อกับคุณ……”
“เพราะงั้นคุณก็เลยไปหาเรื่องเธองั้นเหรอ?”เจียงโม่หานขมวดคิ้วขึ้น เห็นได้ชัดว่าเขาไม่พอใจกับคำตอบนี้“หลิงเวยผมเคยบอกคุณแล้วนะว่าผมไม่มีทางชอบคุณและก็ไม่มีทางอยู่กับคุณด้วย วันหลังอย่าทำเรื่องอะไรที่มันเกินเหตุแบบนี้อีก”
“เป็นเพราะจงเหยียนซีเหรอ?คุณกำลังกังวลเรื่องหล่อน?แต่ว่าหล่อนตายไปแล้ว……”
“หลิงเวย!”ครั้งนี้เจียงโม่หานโกรธจริงๆแล้ว“ผมแค่ต้องการแก้แค้นหล่อน แต่ไม่เคยคิดอยากให้หล่อนตาย ที่หล่อนจากไปตั้งหนึ่งปีผมก็เจ็บปวดมาก แล้วคุณเป็นเพื่อนที่ดีของหล่อน……”
“ฮ่าฮ่า……”จู่ๆหลิงเวยก็หัวเราะร่าออกมา“เจียงโม่หาน นี่คุณหมายความว่ายังไง?คุณลืมไปแล้วเหรอว่าที่หล่อนตายก็เพราะคุณ คุณนั่นแหละที่เป็นตัวการในการทำร้ายและโกหกหล่อน!อยากจะชดใช้เอาตอนนี้ ไม่รู้สึกว่ามันสายไปหน่อยเหรอ?”
ในหัวของเจียงโม่หานดังก้องไปด้วยคำพูดของหลิงเวย ทำร้าย โกหกหลอกลวง เขาเป็นคนทำร้ายหล่อนเอง
“ที่คุณพูดก็ถูก ในเมื่อหล่อนตายแล้ว ผมก็ยิ่งไม่อยากอยู่กับคุณ หล่อนจะได้จากไปอย่างสงบ หลิงเวยเห็นแก่ที่คุณทำงานกับผมมาตั้งหลายปี ครั้งนี้ผมจะไม่พูดมาก ถ้าเกิดว่ามีครั้งหน้าอีก คุณก็ออกจากบริษัทไปเถอะ”เจียงโม่หานยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาพลางกดโทรไปที่สายภายในสำนักงาน“บอกให้คนขับรถเตรียมรถ”
“รับทราบ”
เขาวางสายลงพลางหยิบเสื้อคลุมแล้วสาวเท้าก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว
“โม่หาน……”
หลิงเวยโผเข้าไปกอดเอวเขาไว้“กับอีแค่คนตายคนเดียว ทำไมคุณถึงทำกับฉันแบบนี้?”
เจียงโม่หานดึงมือของเธอออกแล้วผลักเธอออกไป จากนั้นก็ตะโกนออกไปดังลั่น“อย่ามายั่วโมโหผม!”
หลิงเวยเซถอยหลังแล้วล้มลงบนพื้น น้ำตาไหลทะลักออกมา หล่อนมองเขาด้วยความเศร้า“ฉันรักคุณ ฉันผิดด้วยเหรอ?”
เจียงโม่หานไม่สนใจ เขาเปิดประตูห้องทำงานแล้วเดินออกไปทันที
เสียงอันแหบพร่าของหลิงเวยดังขึ้นตามมาจากข้างหลัง“เจียงโม่หาน นี่เป็นความเมตตาที่คุณมีต่อหล่อนเหรอ?คุณแย่งสมบัติของครอบครัวหล่อนไป แถมยังทำให้หล่อนต้องตาย คุณรังแกหล่อน โกหกหลอกลวงหล่อน หลอกใช้หล่อน ถ้าเกิดหล่อนรู้ความจริงทั้งหมดจะเป็นยังไง?หล่อนจะให้อภัยคุณเหรอ?มันเป็นไปได้ด้วยเหรอ?ฉันว่าหล่อนคงจะเกลียดคุณมากกว่า หล่อนจะไม่มีวันยกโทษให้คุณตลอดชีวิต?!
เจียงโม่หานหยุดกึก ทั้งร่างยืนนิ่งอยู่กับที่ เขาใจลอยอยู่นาน หล่อนจะเกลียดเขาไปตลอดทั้งชีวิตและไม่มีวันยกโทษให้เขาจริงๆเหรอ?”
เขากำหมัดแน่น หล่อนจะต้องสิ้นหวังขนาดไหนถึงได้ใช้วิธีแบบนั้นเพื่อจบชีวิตของตัวเอง?
“ประธานเจียง”เลขาเดินเข้ามา“ไม่สบายตรงไหนรึเปล่า?”
เจียงโม่หานรู้สึกตัวแล้วเอ่ยขึ้น“ไม่มีไร”
พูดจบเขาก็เดินจ้ำอ้าวออกไป คนขับรถยืนรอเขาอยู่ที่ประตูด้านล่างตึก เมื่อเห็นเขาออกมาก็รีบเปิดประตูด้านหลังให้ เจียงโม่หานก้มตัวเข้าไปนั่ง คบขับรถปิดประตูลง จากนั้นก็วิ่งไปนั่งประจำตำแหน่งคนขับแล้วสตาร์ทรถขึ้น“ประธานเจียงจะไปที่ไหนครับ?”
เจียงโม่หานขมวดคิ้วขึ้นแล้วพูดออกไป“กลับบ้าน”
คนขับรถอึ้งไปครู่หนึ่ง นานมากแล้วที่เขาไม่ได้พูดคำนี้ แล้วบ้านที่เขาหมายถึงคือบ้านหลังไหน?
ที่ๆเป็นที่อยู่อาศัยของเขา หรือว่าคฤหาสน์หลังเก่า หรือว่าตระกูลเจียง?