“ช่างเถอะ”เขายังคงไม่กล้าพอที่จะไปบ้านของพวกเขา ที่นั่นมีเรื่องราวความทรงจำมากมายที่เขาไม่กล้านึกถึง
คนขับรถรู้ว่าเมื่อกี้เขาคงตัดสินใจวู่วามไป สักพักเขานิ่งลง คนขับรถจึงถามออกไปอีกครั้งว่าจะไปไหน ตอนนี้คนขับรถกำลังขับรถไปอย่างไร้จุดหมาย ได้แต่ขับไปตามถนนในเมือง
เจียงโม่หานหลับตาลงพร้อมกับเอนกายพิงเก้าอี้เบาะหลัง ไม่นานเขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกดโทรออกไปที่เบอร์ๆหนึ่ง
ไม่นานปลายสายก็กดรับ เขาพูดขึ้น“หนานเฉิง”
“ครับ”ตอนนี้หนานเฉิงยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องทำงาน เขาเอาเอกสารมาส่งให้เจียงโม่หาน ทว่ามาถึงกลับเห็นหลิงเวยนั่งร้องไห้อยู่กับพื้นในห้องทำงานแทน
ทำงานร่วมกันมาตั้งนาน ในขณะเดียวกันก็ติดตามเจียงโม่หานมาพร้อมๆกัน แม้บางครั้งจะรู้สึกว่าสิ่งที่เธอทำมันไม่เหมาะสม แต่ยังไงมักจะเห็นแก่ความเป็นเพื่อน
เขาเดินเขามาประคองหลิงเวยลุกขึ้น
ภายในรถ เจียงโม่หานหันมองออกไปด้านนอกหน้าต่างรถแล้วพูดกับปลายสาย“ช่วยสืบเรื่องหลินลุ่ยซีให้หน่อย”
เขาไม่ชอบที่ตัวเองมักจะเห็นเธอเป็นจงเหยียนซี และยิ่งไม่ชอบที่ตัวเองเป็นเพราะเธอเลยทำสิ่งที่มันดูไม่เป็นตัวของเขาเอง
เขาต้องการรู้รายละเอียดเกี่ยวกับเธอ
ว่าเธอเป็นใครกันแน่?
ทำไมตัวเองถึงมักจะคิดว่าเธอเป็นใครอีกคน?
หนานเฉิงที่อยู่อีกด้านได้แต่อึ้ง ไม่นึกเลยว่าเจียงโม่หานจะให้เขาสืบเรื่องหลินลุ่ยซีอย่างไม่มีเหตุผล“หาว่าหล่อนเข้ามาอยู่ในบริษัทรุ่นเหม่ยได้ยังไงเหรอ?”
“ใช่”
หนานเฉิงพูดเสียงเบา“รับทราบครับ”
เจียงโม่หานกดวางสาย
หลิงเวยมองไปที่หนานเฉิง“โม่หานสั่งให้นายสืบเรื่องหลินลุ่ยซีเหรอ?”
หนานเฉิงพยักหน้าแล้วเอ่ยถามขึ้น“เธอทะเลาะกับโม่หานเหรอ?”
เพราะไม่งั้นทำไมถึงไปนั่งกองอยู่กับพื้น ที่นี่คือบริษัท แล้วเธอก็เป็นถึงหัวหน้าแผนกนักวางแผนด้วย ถ้าเกิดใครมาเห็นว่าอยู่ในสภาพนี้จะเป็นยังไง?
หลิงเวยเม้มปากแน่น“นายรู้สึกบ้างไหมว่าโม่หานเปลี่ยนไป?”
หนานเฉิงส่ายหน้า“ไม่นะ”
หลิงเวยพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น“เขาเปลี่ยนไปแล้ว เขาสั่งให้ฉันขอโทษหลินลุ่ยซีนั่น แถมตอนนี้ยังให้นายสืบเรื่องหล่อนอีก นี่มันหมายความว่ายังไง?”
สนใจหล่อนงั้นเหรอ?
“พวกเราเป็นลูกน้องเขา พวกเราต่างก็รู้นิสัยของเขาดี เขาไม่ทำตัวสนิทสนมกับผู้หญิงคนไหน จะมีก็แต่ตอนแก้แค้นเท่านั้นแหละที่ไปอยู่ด้วยกันกับจงเหยียนซี ซึ่งตั้งแต่นั้นมาเขาก็ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนอีกเลย ทว่าวันนี้กลับมาเสียเวลากับหลินลุ่ยซี นี่เขาชอบหล่อนเหรอ?”หลิงเวยได้แต่รู้สึกอึดอัดในใจ กว่าจะกำจัดจงเหยียนซีได้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แล้วตอนนี้ดันมีหลินลุ่ยซีเข้ามาอีก!
หนานเฉิงเม้มปากลงแล้วเอ่ยขึ้น“หลิงเวย หลังจากที่โม่หานกับภรรยาได้แต่งงานกัน ไม่สิ หลังจากแต่งงานกันก็ไม่เห็นจะมีผู้หญิงคนอื่นเลย จากผมดู ที่เขาไม่ไปหาผู้หญิงคนอื่น ไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่ชอบผู้หญิง แต่เป็นเพราะเขารักภรรยาของเขา เขาถึงได้ไม่สนใจใคร”
หลิงเวยเบิกตาโตจ้องหนานเฉิงเขม็ง“เขาจะชอบจงเหยียนซีได้ยังไง?นั่นเป็นศัตรูของเขา อีกอย่างพวกเขาก็หย่ากันแล้วด้วย ทำไมนายถึงยังเรียกหล่อนว่าเป็นภรรยาของเขากันล่ะ?!”
หนานเฉิงรู้ว่าหลิงเวยชอบเจียงโม่หานก็เลยทำเรื่องเกินกว่าเหตุและไม่ยอมรับความจริง
ก็เหมือนกับเจียงโม่หานที่เป็นเพราะความแค้นก็เลยไม่รู้ใจและความรู้สึกของตัวเอง
ตลอดทั้งปีที่ผ่านมาเขาทำตัวเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็ไม่ไปยุ่งกับผู้หญิงคนไหนเลย นี่ไม่ใช่เพราะจงเหยียนซีเหรอ?
เขาถอนหายใจออกมา มันยากที่จะใช้เหตุผลคุยกับคนที่จิตใจและความคิดคับแคบ
“หลิงเวย เธอดูแลตัวเองได้ใช่ไหม”หนานเฉิงพูดจบก็หันหลังเดินออกไป
จู่ๆหลิงเวยก็พุ่งเข้ามาคว้าแขนหนานเฉิงเอาไว้ แล้วมองเขาด้วยสายอ้อนวอน“หนานเฉิง พวกเราเป็นเพื่อนกันใช่ไหม?”
หนานเฉิงพยักหน้าลง“ฉันยังนับว่าเธอเป็นเพื่อนอยู่”
“ช่วยฉันหน่อยสิ”หลิงเวยกำแขนเขาไว้แน่น“ไม่ว่านายจะสืบเรื่องหลินลุ่ยซีได้ความว่ายังไง รบกวนนายเพิ่มข้อมูลเข้าไปอีกอย่างหนึ่ง”
หนานเฉิงขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย“อะไร?”
“บอกไปว่าชีวิตของหล่อนนั้นมั่วซั่วมาก ผ่านผู้ชายมานับไม่ถ้วน ผู้หญิงที่ใจง่ายแบบนี้ โม่หานคงไม่มีวันชอบหรอก”
หนานเฉิงไม่อยากจะเชื่อเลย“หลิงเวย ความบริสุทธิ์มันเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับผู้หญิง เพราะงั้นจะมาใส่ร้ายป้ายสีทำร้ายชื่อเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งได้ยังไง?”
“ก็ไม่ได้ต้องป่าวประกาศเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องใหญ่โตสักหน่อย แค่ให้โม่หานนึกว่าหล่อนเป็นคนแบบนั้น อีกอย่างหล่อนก็อาจจะเป็นคนแบบนั้นจริงๆก็ได้……”
“หลิงเวย ผมจะเอาข้อมูลไปบอกโม่หานตามความจริงทั้งหมด ถ้าคุณรักเขาจริง ก็ควรจะหวังให้เขามีความสุข”หนานเฉิงพูดจบก็เดินจ้ำอ้าวออกไปทันที
หลิงเวยยืนนิ่งอยู่กับที่ ได้แต่มองตามแผ่นหลังของหนานเฉิง“หนานเฉิงนายเคยรักใครบ้างไหม?”
หนานเฉิงที่กำลังเดินออกไปหยุดกึก แผ่นหลังของเขาสั่นระริกเล็กน้อย
“ถ้านายชอบใครสักคน นายจะไม่อยากอยู่ด้วยกันเหรอ?ฉันก็แค่อยากอยู่กับเขา หวังว่าเขาจะเห็นฉันอยู่ในสายตาก็เท่านั้นเอง”
“บางครั้งมันก็มีความรักอีกแบบหนึ่งคือการแอบดูแลอยู่เงียบๆแล้วมองเขามีความสุข แค่นี้ตัวเองก็รู้สึกมีความสุขไปด้วยแล้ว”
“นั่นไม่ได้เรียกว่าชอบ นั่นเรียงว่าโง่ ในเมื่อชอบก็ต้องพยายามช่วงชิงมาให้ได้สิ!”ความรักของหลิงเวยคือการได้มาครอบครองเป็นของตัวเอง เพราะงั้นหล่อนจึงไม่อาจเข้าใจสิ่งที่หนานเฉิงพูดได้
หนานเฉิงถอนหายใจออกมาเบาๆ“ช่างเถอะ”
พูดไปหล่อนก็ไม่เข้าใจอยู่ดี
เขาเดินจ้ำอ้าวออกไป
หลิงเวยยืนนิ่งอยู่กับที่พร้อมกับกำหมัดแน่น เธอกำจัดจงเหยียนซีไปได้ เธอก็ต้องกำจัดหลินลุ่ยซีไปได้เหมือนกัน ก่อนหน้านี้เธอก็แค่ขู่หล่อน ทว่าตอนนี้……
เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกดโทรออก จากนั้นก็บอกเลขห้องพักโรงแรมของหลินลุ่ยซีกับคนที่อยู่ปลายสาย“แกแสร้งทำเป็นไปส่งพัสดุให้หล่อน”
เมื่อปลายสายตอบอือออกมา เธอจึงกดวางสายลง
จงเหยียนซีเดินออกไปจากเหิงคังกรุ๊ป ทว่าไม่ได้กลับไปที่โรงแรมทันที แต่กลับไปหากู้เสียนที่บริษัทของเขา แต่เขาไม่อยู่
เมื่ิอก่อนเธอรู้ว่าคนที่อยู่รอบเจียงโม่หาน นอกจากจะมีหลิงเวยที่เป็นเพื่อน เธอก็ไม่เคยไปมาหาสู่กับใครเลย เพราะงั้นกลับมาวันนี้ก็เลยไม่มีเพื่อนให้เจอเลยสักคน
เธออดหัวเราะเยาะตัวเองออกมาอย่างอดไม่ได้ คนที่เธอเชื่อใจในตอนแรก คนที่เธอรักด้วยใจจริง ทุกคนล้วนคิดแต่จะทำร้ายเธอทั้งนั้น
“จงเหยียนซีหนอจงเหยียนซี เธอนี่ล้มเหลวในการใช้ชีวิตจริงๆเลย”
เธอส่ายหัวไปมาเพื่อสลัดเอาความวุ่นวายในหัวออก แล้วก็เรียกรถกลับโรงแรม
หลังจากที่เข้าไปเธอก็ถอดรองเท้าออกแล้วเปลี่ยนเป็นรองเท้าแตะผ้าฝ้ายที่ใส่สบาย ทันทีที่นั่งพักลงบนโซฟา เสียงกริ่งประตูหน้าห้องก็ดังขึ้น
เธอเดินไปเปิดประตู ที่หน้าประตูมีคนส่งพัสดุยืนอยู่“ใช่คุณหลินไหมครับ?”
จงเหยียนซีพยักหน้าตอบ“ฉันเอง”
“นี่พัสดุของคุณครับ”พนักงานส่งของยื่นกล่องกระดาษให้กล่องหนึ่ง
“พัสดุของฉันเหรอ?ใครส่งมา?”เหมือนว่าเธอจะไม่ได้สั่งของออนไลน์นะ มาอยู่ที่จีนก็ยังไม่นานแล้วทำไมถึงมีพัสดุมาส่งได้ล่ะ?
“ผมก็ไม่ทราบว่าใครส่งมาครับ ผมแค่ทำหน้าที่ส่งของ รบกวนเซ็นรับด้วยครับ”พนักงานส่งของยื่นใบเซ็นรับของให้เธอ
จงเหยียนซีได้แต่งง แต่เธอก็ไม่อยากให้พนักงานขนส่งลำบากใจจึงหยิบปากกามาเซ็นชื่อรับของ
เธอหยิบกล่องกระดาษมา มันเบามาก เธอเขย่าไปมา มีเสียงของเลื่อนไปมาอยู่ในกล่องดังขึ้น คงจะเป็นของชิ้นเล็ก เธอปิดประตูลงแล้วหาอะไรบางอย่างมากรีดเทปออก ด้านในมีแค่แฟลชไดร์ฟอย่างเดียว
เธอหยิบมันขึ้นมาดู มันเป็นแฟลชไดร์ฟธรรมดาๆ ไม่มีอะไรพิเศษ เธอเอากล่องกระดาษทิ้งลงไปในถังขยะแล้วหยิบแฟลชไดร์ฟไปเสียบเปิดดูในคอมพิวเตอร์
เธอสันนิษฐานว่าคนที่ส่งแฟลชไดร์ฟมาให้เธอคงจะอยากให้เธอเห็นสิ่งที่อยู่ในแฟลชไดร์ฟอันนี้