สถานที่ตั้งค่ายกลเคลื่อนย้ายไปยังระนาบเทวโลกต่างๆของเมืองฝูซานนั้น เป็นอาคารมหึมารูปวงแหวน มีห้องโถงใหญ่ 9 ห้องเชื่อมต่อกันเป็นวงกลม
ด้วยเหตุนี้อาคารดังกล่าวจึงมีทางเข้าออกทั้งสิ้น 9 ทาง และเป็นประตูใหญ่ของแต่ละโถงนั่นเอง
“ห้องโถงใหญ่ทั้ง 9 ก็คือสถานที่ตั้งค่ายกลเคลื่อนย้ายขามระนาบของเมืองฝูซาน…ภายในห้องโถงใหญ่ทั้ง 9 แต่ละห้อง จะมีค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบอยู่ 9 ค่ายกลสำหรับเคลื่อนย้ายไปยังระนาบเทวโลกต่างๆ 9 ระนาบ”
“หากนับรวมจำนวนค่ายกลเคลื่อนย้ายทั้ง 9 โถง ก็เรียกว่ามีครบ 81 ค่ายกลตรงกับจำนวนระนาบเทวโลกพอดี แน่นอนว่ารวมหลิงหลัวเทียนที่พวกเราอยู่ด้วย”
หลังเดินข้ามจัตุรัสมาหยุดหน้าอาคารมหึมาที่มีโถง 9 โถงเชื่อมต่อกันเป็นวงกลม หลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็กล่าวแนะนำรายละเอียดเบื้องต้นให้ต้วนหลิงเทียนฟัง
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะมาอยู่เมืองฝูซานได้ 10 เดือนแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยแวะมาที่นี่เลย เพียงไปเดินหาซื้อของที่มีประโยชน์เท่านั้น
“รวมถึงหลิงหลัวเทียนด้วยงั้นเหรอ?”
ต้วนหลิงเทียนแปลกใจเล็กน้อย “ที่นี่ก็ไม่ใช่หลิงหลัวเทียนรึไง…แล้วจะมีค่ายกลเคลื่อนย้ายมาหลิงหลัวเทียนอีกทำไม?”
“ย่อมมีเหตุผลเป็นธรรมดา”
หลิงเจวี๋ยอวิ๋นกล่าว “ทั้งหมดเพื่อให้คนในเมืองฝูซานที่คิดเดินทางไปยังสถานที่แห่งอื่นในหลิงหลัวเทียน สามารถไปถึงที่นั่นได้ทันที”
“แต่ก็อย่างที่ข้าเคยพูดไว้ ต้องเป็นสถานที่ใหญ่ๆและมีความสำคัญในระดับหนึ่งอย่างคฤหาสน์เฉวียนโยวแบบนี้”
หลิงเจวี๋ยอวิ๋นกล่าวสืบต่อจนจบ
“งั้น…หมายความว่าคนจากเขตคฤหาสน์ระดับ 6 อื่นๆถ้าขี้เกียจเหาะเหินเดินทาง ก็ใช้ค่ายกลมาที่เขตคฤหาสน์เฉวียนโยวได้ทันทีสินะ?”
สองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายเรืองขึ้นวาบหนึ่ง
“เป็นเรื่องธรรมดา”
หลิงเจวี๋ยอวิ๋นพยักหน้า “แต่ไม่มีใครคิดจะทำแบบนั้นหรอก…กระทั่งยอดฝีมือขอบเขตจอมราชันอมตะยังไม่คิดจะทำอย่างเจ้าว่าเลย”
“ประการแรกหากเป็นจอมราชันอมตะ คิดเคลื่อนย้ายไปมาระหว่างเขตคฤหาสน์ระดับ 6 ของแดนสวรรค์ใต้ อาศัยความเร็วในการเดินทางของมัน ก็ไม่ใช้เวลามากมายอะไร กระทั่งต่อให้คิดจะเวียนรอบเขตคฤหาสน์ระดับ 6 ในแดนสวรรค์ใต้ก็ไม่กี่วันเท่านั้น”
หลิงเจวี๋ยอวิ๋นกล่าว
“ไม่ค่อยมีใครทำ? หรือค่าใช้จ่ายมันสูง?”
ต้วนหลิงเทียนเลิกคิ้ว “หรือจะใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายนี่…ต้องจ่ายผลึกอมตะมากงั้นเหรอ?”
“มากอยู่แล้ว”
ได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน หลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็ตอบกลับมาทันที “เรียกว่าแต่ละครั้งที่เจ้าคิดจะใช่ค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลก ก็ต้องมี 100,000 ผลึกอมตะระดับสูง…ไม่ว่าเจ้าจะไปไหน ใกล้ไกลยังไง ก็ต้องจ่าย 100,000 ผลึกอมตะระดับสูงหมด”
“และนี่ยังเป็นแค่ราคาเปิดใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลกเท่านั้นนะ”
“เพราะนอกจากต้องจ่ายค่าเปิดใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายแล้ว เจ้ายังต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้ผู้ดูแลอีก…กล่าวได้ว่าหากคิดใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายที่นี่ ก็ต้องเสียค่าธรรมเนียมให้ผู้ดูแลที่ทางคฤหาสน์เฉวียนโยวส่งมา 10,000 ผลึกอมตะระดับสูง”
หลิงเจวี๋ยอวิ๋นกล่าวรวดเดียวจบคำ
ได้ยินเรื่องที่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นพูด ต้วนหลิงเทียนก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆครั้งหนึ่ง
“ทุกครั้งที่ใช้ค่ายกลเคลื่อนย้าย ไม่ว่าจะไปไหนก็ต้องจ่ายค่าเปิดค่ายกล 100,000 ผลึกอมตะระดับสูง…นอกจากนั้นยังต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้ผู้ดูแลอีก 10,000 ผลึกอมตะระดับสูง…”
“งั้นไม่ได้หมายความว่า…จะไปไหนสักที่ก็ต้องเสีย110,000 ผลึกอมตะระดับสูง?”
ต้วนหลิงเทียนมองหลิงเจวี๋ยอวิ๋นด้วยสีหน้าประหลาดใจอยู่บ้าง
ถึงแม้เขาจะพอเดาได้ว่าคิดจะใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลกต้องเสียเงินไม่น้อย แต่ไม่คิดเลยว่าจะต้องจ่ายแพงขนาดนี้
ผลึกอมตะระดับสูง 100,000 ชิ้น!
ต้องทราบด้วยว่า ราคานี้มันสามารถนำไปซื้ออุปกรณ์อมตะระดับราชาทั่วไปได้ชิ้นนึงเลย!
กระทั่งบางที่ 100,000 ผลึกอมตะระดับสูง สามารถซื้ออาวุธอมตะระดับราชาคุณภาพดีๆได้เลย!
“แต่ก็ต้องดูด้วยว่าไปกันกี่คน…หากเจ้าไปคนเดียวก็ต้องจ่าย 110,000 ผลึกอมตะระดับสูง แต่ถ้าไปกันสองคนก็หารกันแค่คนละ 55,000 เท่านั้น”
“เพราะทุกครั้งที่เปิดใช้ค่ายกลเคลื่อนย้าย หากไม่นับค่าธรรมเนียม จะไปคนเดียวหรือไป 2 คน ก็ต้องจ่าย 100,000 ผลึกอมตะ”
หลิงเจวี๋ยอวิ๋นกล่าว
“ถึงไป 2 คนก็จ่ายค่าเปิดใช้ค่ายกลเท่าเดิมสินะ…?”
สองตาต้วนหลิงเทียนเปล่งแสงวาบหนึ่ง
หากหารกันได้ ก็นับว่าไม่แพงมากมายอะไร
คนเดียวจ่ายแสน หากมีสองคนก็แค่คนละ 50,000
นอกจากนั้นต่อให้จะแบกค่าธรรมเนียมไว้เอง แต่ถ้ามีเพื่อนไปด้วยอีกคน ก็จ่ายแค่ 60,000 ผลึกอมตะระดับสูงเท่านั้น
“ใช่”
หลิงเจวี๋ยอวิ๋นพยักหน้า
“แล้วถ้าไป 3 คนล่ะ ได้รึเปล่า?”
ต้วนหลิงเทียนถามอีกครั้ง
หากไปพร้อมกันได้ 3 คน หมายความว่าราคาที่ต้องจ่ายต่อคนก็จะน้อยลงไปอีก เรียกว่าตกคนละ 30,000 กว่าๆเท่านั้นเอง
“ค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลกที่นี่สามารถใช้งานได้พร้อมกันเต็มที่ 2 คนเท่านั้น…และเป็นเพราะปรมาจารย์ค่ายกลของเขตคฤหาสน์เฉวียนโยวทำได้แค่นี้”
หลิงเจวี๋ยอวิ๋นกล่าว “หากเป็นสถานที่ๆใหญ่โตและเจริญกว่านี้ ปรมาจารย์ค่ายกลที่จัดตั้งค่ายกลย่อมมีความสามารถสูงขึ้น ค่ายกลเคลื่อนย้ายที่พวกมันจัดตั้งก็อาจใช้งานได้พร้อมๆกัน 3-4 คน หรืออาจจะมากกว่านั้นก็ได้ และทุกครั้งที่เปิดใช้ค่ายกลก็เสียแค่ 100,000 ผลึกอมตะระดับสูงเท่ากัน”
ต้วนหลิงเทียนได้ฟังก็เข้าใจ
ที่แท้ค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลก จะส่งคนไปได้กี่คนก็อยู่ที่ฝีมือปรมาจารย์ค่ายกลที่จัดตั้งมันด้วย
ขณะเดียวกัน ต้วนหลิงเทียนก็อดได้ที่จะนึกถึงนักฆ่ากะโหลกเลือด 3 คนที่มาฆ่าเขา
‘เคลื่อนย้ายครั้งหนึ่งเสีย 110,000 ผลึกอมตะระดับสูง…ต่อให้นักฆ่ากะโหลกเลือดจะสามารถใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายมาที่เขตคฤหาสน์เฉวียนโยวได้โดยตรง แต่พวกมันคงไม่ใช้แน่นอน เพราะค่าใช้จ่ายมันได้ไม่คุ้มเสียเลย’
‘ไม่ต้องพูดถึงนักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิด กับนักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 6 ผสาน ต่อให้เป็นนักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 9 ตำหนักนั่น ก็ไม่มีทางควักผลึกอมตะระดับสูงเพื่อใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายมาหาข้าที่เขตคฤหาสน์เฉวียนโยวแน่นอน’
‘นอกจากนั้น อาศัยความเร็วในการเหาะเหินเดินทางของนักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 9 ตำหนัก คิดจะมานิกายอมตะเป้าผู่ในเขตคฤหาสน์เฉวียนโยวก็คงใช้เวลาไม่นานมากมายอะไร’
ราชาอมตะ 9 ตำหนัก ไม่เพียงทรงพลัง แต่ความเร็วยังสูงตามด่านพลังอีกด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังได้ประสบกับความเร็วของยันต์เงาวายุที่ซุนเหลียงเผิงประมุขนิกายอมตะเป้าผู่มอบให้ ต้วนหลิงเทียนก็พอจะประมาณความเร็วของยอดฝีมือขอบเขตจอมราชันอมตะทั่วไปได้คร่าวๆ
ในอดีตแม้เขาจะเคยใช้อุปกรณ์อมตะจอมราชันสิ้นเปลืองจนได้รับพลังขอบเขตจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิด แต่ความเร็วของเขาก็นับว่ายังห่างไกลจากจอมราชันอมตะคนอื่นๆมากนัก
เอาแค่ราชาอมตะ 9 ตำหนักขององค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดที่มาฆ่าเขา จากการเคลื่อนไหวที่มันลงมือเข่นฆ่าเข้ามาหลังเขาก้าวเท้าออกนอกเขตนิกายอมตะเป้าผู่ เห็นได้ชัดว่ามันเร็วกว่าเขาตอนถือครองพลังขอบเขตจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิดเสียอีก
นั่นเพราะเขาเข้าใจความลึกซึ้งของกฏน้อยเกินไป
“มีผู้คนมากมายที่มักมาหาคนที่คิดจะเดินทางไปที่เดียวกัน เพื่อจะได้หารค่าใช้จ่าย”
หลิงเจวี๋ยอวิ๋นกล่าวประโยคนี้จบ มันกับต้วนหลิงเทียนก็เดินมาถึงหน้าทางเข้าประตูโถงแห่งหนึ่งพอดี
“ค่ายกลเคลื่อนย้าไปอวี้หวงเทียนอยู่โถงนี้”
หลังเดินมาถึง หลิงเจวี๋ยอวิ๋นกล่าวอีกครั้ง
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับทราบ จากนั้นก็มองสำรวจหน้าโถงด้วยความสนใจ
ห้องโถงเบื้องหน้าแตกต่างจากห้องโถงส่วนใหญ่ที่เขาเคยเห็น การตกแต่งมันค่อนข้างโบราณ ชวนให้ผู้คนรู้สึกเสมือนย้อนยุคอย่างไรอย่างนั้น
และเขายังสังเกตเห็นอีกด้วยว่ามีคนมากมายยืนออกันอยู่ด้านนอกห้องโถง และพอเห็นใครเดินมาคนเดียว ก็จะก้าวเข้าไปถามทันที
“พี่ชาท่านนี้ ท่านคิดไปโหมวอวิ๋นเทียนหรือไม่ หากใช่ท่านมาหารค่าเดินทางกับข้าได้”
“สหายท่านนั้นคิดไปที่ใดหรือ? หากจะไปหวู่เฉวียนเทียนท่านไปกับข้าเถอะ…และถ้าบังเอิญท่านคิดไปในเขตที่ข้าจะไปพอดี นอกจากค่าธรรมเนียม 10,000 ผลึกอมตะระดับสูงแล้ว ท่านจ่ายค่าเดินทางแค่ 30,000 ผลึกอมตะระดับสูงเป็นไร?”
“คุณชาย ใช่ท่านคิดเดินทางไปหงอวิ๋นเทียนรึเปล่า?”
…
ต้วนหลิงเทียนที่เดินข้างๆหลิงเจวี๋ยอวิ๋น ก็ได้ยินทั้งเห็นผู้คนที่ยืนรอด้านนอกโถงพยายามถามหาคนที่มาคนเดียวกันใหญ่…ว่าจะเดินทางไปไหน เห็นชัดว่าคิดหาคนไปที่เดียวกันเพื่อประหยัดเงิน!
แต่เป็นธรรมดาทันทีที่เดินผ่านประตูเข้าโถงมา สรรพเสียงจอแจด้านนอกก็ไม่ดังเข้ามาเลย
ยิ่งไปกว่านั้นภายในห้องโถง เขาก็ไม่ได้ยินเสียใครพูดคุยกันเลย
‘ดูเหมือนพฤติกรรมหาแนวร่วมอะไรด้านนอก จะห้ามกระทำในโถง’
หลังจากต้วนหลิงเทียนเดินเข้ามาในโถงแล้ว เขาก็สังเกตเห็นร่างคนที่ยืนตัวตรงดั่งหอกหลายคน
ในบรรดาคนที่ยืนนิ่งตัวตรงดั่งหอกนั่น ก็มีทั้งชายหนุ่ม ชายวัยกลางคน และชายชรา ทุกคนล้วนสวมใส่ชุดคลุมสีน้ำเงินปักอักษร เฉวียโยว เอาไว้โดยมีลายเมฆเป็นพื้นหลัง
แม้แต่ละคนจะยืนตัวตรงดั่งหอก หากแต่สายตาแหลมคมของพวกมันก็คอยสอดส่องมองซ้ายมองขวาตลอดเวลา
“คนที่ยืนเฝ้าพวกนี้…คนของคฤหาสน์เฉวีนโยวงั้นรึ”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามลอยๆ
“ใช่”
หลิงเจวี๋ยอวิ๋นพยักหน้า “ในห้องโถงแบบนี้ ปกติจะมีคนเฝ้าดูแลทั้งสิ้น 20 คน ทั้งหมดมาจากวังเฉวียนโยว…9 คนทำหน้าที่เฝ้าประจำค่ายกลต่างๆ ส่วนที่เหลือจะคอยดูแลความสงบเรียบร้อยในห้องโถง”
ต้วนหลิงเทียนตระหนักได้ทันทีว่า คนไม่กี่คนที่เขาเห็นหันซ้ายทีขวาที ก็คือผู้ที่คอยดูแลความสงบในห้องโถง
“ข้างนอกมีคนถามหาคนไปที่เดียวกันก็จริง แต่ด้านในห้องโถงไม่มีใครกล้าพูดคุยกับผู้อื่นเพื่อหาคนร่วมทางแน่นอน ทั้งหมดเพราะมีคนเฝ้าอยู่อย่างที่เห็น…และนั่นคือกฏของที่นี่”
หลิงเจวี๋ยอวิ๋นกล่าว “หากกล้าถามเรื่องพวกนั้นในโถง ไม่เพียงจะโดนคนของคฤหาสน์เฉวียนโยวสั่งสอน ยังจะโดนคาดโทษไว้ให้ไม่อาจใช้ค่ายกลที่นี่ได้อีก 1 ปี…ถึงตอนนั้นต่อให้มีความจำเป็นต้องใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายเพียงใด ก็ต้องไปใช้ที่เมืองอื่นสถานเดียว”
คำกล่าวของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็ยืนยันความคิดต้วนหลิงเทียนก่อนหน้า
ในห้องโถงห้ามไม่ให้พูดคุยหาคนใดๆทั้งสิ้น