“ลูกหลานไม่รักดีคนหนึ่งในตระกูลสหายข้า มันก่อเรื่องบางอย่างในตระกูลจึงหลบหนีไปด้วยกลัวความผิด…ทางตระกูลสหายข้าก็เลยคิดจับตัวมันมารับโทษน่ะ”
เหยียนหรูอวี้กล่าวคำอ้างที่ตระเตรียมไว้แต่แรกออกมา
“เป็นเช่นนี้นี่เอง”
ชายหนุ่มเร่งตอบรับเร็วไว “ศิษย์พี่หรูอวี้ข้าจะเร่งติดต่อหาท่านพ่อ…ข้าจะช่วยท่านเรื่องนี้เต็มที่”
“ขอบคุณเจ้ามาก…วันหน้าหากเจ้ามีปัญหาอะไรก็มาหาข้าได้เลย”
เหยียนหรูอวี้กล่าว
ได้ยินข้อความประโยคนี้ของเหยียนหรูอวี้ สองตาชายหนุ่มก็ส่องแสงจ้าขึ้นมาทันใด ลมหายใจยังเริ่มกลายเป็นถี่รัว
ในอดีตนั้นก่อนที่มันจะมายังนิกายปราชญ์เต๋าเร้นลับ มันก็ถือเป็นศิษย์อัจฉริยะคนหนึ่งของนิกายอมตะเฉวียนโยว
อย่างไรก็ตามหลังมาถึงนิกายปราชญ์เต๋าเร้นลับแล้ว มันก็พบเห็นอัจฉริยะเช่นตัวมันเกลื่อนกลาด นอกจากนั้นยังมีอัจฉริยะปีศาจที่ร้ายกาจกว่ามันมากมาย
และในบรรดาอัจฉริยะปีศาจเหล่านั้น เหยียนหรูอวี้ ศิษย์ปิดสำนักของประมุขคือผู้ที่โดดเด่นเหนือใคร
เหยียนหรูอวี้ไม่เพียงมีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะพลังและเชาว์ปัญญาสูงล้ำยากหาใครเทียบ อีกฝ่ายยังมีฐานะไม่ธรรมดาเป็นที่สุด เป็นตัวตนที่มันทำได้แค่แหงนมอง เรื่องสานไมตรีกับอีกฝ่ายนั้นกระทั่งหลับมันยังฝันถึง!
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ทำให้เหยียนหรูอวี้ติดค้างมันเลย!
มันก็เลยตัดสินใจได้ทันที
ว่าแม้สิ่งที่เหยียนหรูอวี้ขอแรงช่วยจะยากเย็นไม่น้อย มันก็จะพยายามโน้มน้าวบิดามันให้ช่วยสหายเหยียนหรูอวี้เรื่องตรวจสอบค่ายกลเคลื่อนย้ายให้จงได้!
ยิ่งไปกว่านั้นมันรับบปากเหยียนหรูอวี้ไปแล้วว่าจะช่วย ย่อมไม่อาจกลับคำได้
“ท่านพ่อ!”
ชายหนุ่มสูดอากาศเข้าลึกๆเพื่อสงบจิตสงบใจ หลังจากนั้นก็เร่งติดต่อไปหาบิดาผู้เป็น 1 ใน 3 รองผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวทันที
“เอี้ยนเอ๋อ วันนี้ไฉนติดต่อมาหาพ่อได้เล่า?”
บิดาของชายหนุ่ม หลี่หลินอี้ 1 ใน 3 รองผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวตอบกลับทันทีหลังได้รับข้อความ
ถึงแม้มันจะมีลูกชายหลายคน แต่มีแค่ลูกชายคนนี้เท่านั้นที่มีพรสวรรค์และสติปัญญาสูงสุด
ลูกชายคนนี้แม้จะเป็นลูกชายคนสุดท้องและอายุน้อยที่สุด แต่อีกฝ่ายกลับใช้การได้มากที่สุด พลังฝึกปรือเหนือกว่าลูกชายคนอื่นๆของมันหลายคน
ที่สำคัญลูกชายคนเล็กของมัน ยังได้เข้าร่วมกับนิกายปราชญ์เต๋าเร้นลับ ซึ่งเป็น 1 ใน 5 นิกายอมตะใหญ่ของแดนสวรรค์ใต้!
วันหน้าเมื่อลูกชายของมันเติบโตขึ้นก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้เป็นชนชั้นอาวุโสของนิกาย
ถึงตอนนั้น ตราบใดที่ผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวหมดวาระหวนกลับสู่ตระกูลต้นสังกัดคฤหาสน์เฉวียนโยว พอถึงเวลาที่คฤหาสน์เฉวียนโยวเลือกผู้นำคนใหม่ ตัวมันย่อมมีภาษีดีกว่าใคร สุดที่รองผู้นำอีก 2 คนจะเทียบได้!
ด้วยเหตุนี้มันจึงตั้งความหวังกับลูกชายคนนี้มาก ยังดูแลเอาใจใส่อย่างดี ไม่ได้ห่างเหินเหมือนลูกชายคนอื่นๆ
“ท่านพ่อ คือแบบนี้…”
หลังจากนั้น หลี่เอี้ยน ก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้บิดาฟัง ยังไม่ลืมกำชับเรื่องฐานะและความสำคัญของเยยียนหรูอวี้ที่มีต่อนิกายปราชญ์เต๋าเร้นลับออกไป
เรียกว่าเน้นย้ำเรื่องที่เหยียนหรูอวี้เป็นศิษย์ปิดสำนักของประมุข และเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุด เป็นคนที่มีแนวโน้มว่าจะกลายเป็นประมุขนิกายปราชญ์เต๋าเร้นลับคนต่อไปมากที่สุด!
“มีโอกาสเป็นประมุขนิกายปราช์เต๋าเร้นลับคนต่อไปมากที่สุด?!”
หลังได้ยินข้อความที่ลูกชายส่งมา ร่างหลี่หลินอี้ถึงกับสะท้านขึ้นมาทันที!
นิกาปราชญ์เต๋าเร้นลับ เป็นนิกายระดับ 5 แม้ในแง่ขุมกำลังจะเหนือกว่าคฤหาสน์ระดับ 6 อย่างเฉวียนโยวแค่ระดับเดียว แต่ช่องว่างระหว่างหนึ่งระดับนี้กลับยากเย็นสุดที่จะข้ามผ่านนัก!
ไม่ต้องกล่าวถึงสิ่งอื่นใด เอาแค่ตระกูลใหญ่ที่เป็นดั่งต้นสังกัดของคฤหาสน์เฉวียนโยวก็พอ…
ตระกูลใหญ่ที่ว่าก็คือ 1 ใน 10 ตระกูลใหญ่ของแดนสวรรค์ใต้ และเป็นตระกูลระดับ 5! ในแง่สถานะแล้วก็มีศักดิ์ศรีทัดเทียมกับนิกายระดับ 5…แต่ในแง่ของกำลังรบ เกรงว่าจะอ่อนด้อยกว่านิกายอันดับ 5 หลายส่วน!
ตระกูลระดับ 5 นั่น อย่าว่าแต่ตัวมันที่เป็นแค่รองผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวเลย ต่อให้เป็นผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวของพวกมัน เมื่อหมดวาระแล้วกลับตระกูลไปในอนาคต แต่อย่างดีก็เป็นได้แค่อาวุโสฝ่ายในเท่านั้น
ในบรรดาตระกูลระดับ 5 ทั้งหลาย แม้อาวุโสฝ่ายในจะมีไม่มากเท่าอาวุโสฝ่ายนอก แต่ก็มีอยู่ไม่น้อย สถานะในตระกูลเรียกว่าแค่กลางๆเท่านั้น
“เรื่องนี้ค่อนข้างยุ่งยากอยู่บ้าง หากข้านำไปแจ้งรองผู้นำทั้ง 2 ไม่พ้นมันต้องยกเรื่องข้าใช้อำนาจส่วนตัวมาถล่มข้าต่อหน้าผู้นำแน่…อย่างไรก็ตามหากสามารถสานไมตรีกับตัวตนอย่างเหยียนหรูอวี้ได้ก็นับว่าคุ้มค่า!”
หลี่หลินอี้รีบตอบกลับลูกชายเร็วไว และคำตอบของมันก็ชั่งน้ำหนักส่วนได้ส่วนเสียในใจมาอย่างดีแล้ว
ตัวมันเป็นคนไร้พื้นเพภูมิหลังอันใด แต่สามารถก้าวเดินทีละก้าวๆไต่เต้ามาถึงวันนี้ได้ มันก็ถือว่าเป็นคนที่ฉลาดเลือกคนหนึ่ง
มันย่อมรู้ดีแก่ใจ
ตัวตนอย่างเหยียนหรูอวี้นั้น เมื่อออกปากขอความช่วยเหลือลูกชายมันมาแล้ว หากทำให้อีกฝ่ายผิดหวัง เกรงว่าต่อไปลูกชายมันคงไม่มีวันสานไมตรีกับอีกฝ่ายได้แน่นอน!
“ขอบคุณท่านมากท่านพ่อ!”
เดิมทีหลี่เอี้ยนคิดว่าจะต้องชักแม่น้ำทั้ง 5 มาเกลี้ยกล่อมบิดามันเสียอีก แต่ไม่คิดเลยว่าบิดามันจะตอบรับเร็วไวขนาดนี้
“เอี้ยนเอ๋อ เจ้าติดต่อศิษย์พี่หรูอวี้ของเจ้าได้เลย ว่าหากคนของตระกูลสหายผู้นั้นมาถึงแล้ว ให้มาติดต่อขอพบข้าโดยตรง”
หลี่หลินอี้กล่าว
“ทราบแล้วท่านพ่อ”
หลังหลี่เอี้ยนส่งข้อความด้วยน้ำเสียงดีใจถึงบิดาแล้ว มันก็เร่งติดต่อไปหาเหยียนหรูอวี้อย่างกระตือรือร้นทันที “ศิษย์พี่หรูอวี้ เรื่องที่ท่านขอมาท่านพ่อข้ารับปากแล้ว…ท่านพ่อยังฝากข้ามาบอกท่าน ว่าหากคนของตระกูลสหายท่านมาถึงคฤหาสน์เฉวียนโยวเมื่อไหร่ก็ไปหาท่านพ่อของข้าได้ทันที”
“ท่านพ่อของข้าเรียกว่า หลี่หลินอี้ เป็น 1 ใน 3 รองผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยว”
หลี่เอี้ยนไม่ลืมกล่าวเตือนไปอีกประโยคหนึ่ง ด้วยกลัวเหยียนหรูอวี้จะลืม
“เอาล่ะ ขอบใจเจ้ามาก”
เหยียนหรูอวี้ ตอบกลับ
“ศิษย์พี่หรูอวี้ท่านเกรงใจไปแล้วว ได้ช่วยเหลือท่านนับเป็นเกียรติของข้าอย่างยิ่ง”
หลี่เอี้ยนส่งข้อความกลับมาอย่างกระตือรือร้น
“ไม่ต้องยอข้าหรอก ถือว่าข้าติดค้างเจ้าเรื่องหนึ่ง”
จากนั้นเหยียนหรูอวี้ก็ตอบกลับอีกประโยค ค่อยหันไปมองเฉินหลีที่นั่งตรงข้ามพลางกล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ “เรียบร้อย ไม่มีปัญหา…เจ้าบอกพ่อเจ้าได้เลย ว่าคนที่ส่งไปตรวจสอบค่ายกลสามารถไปคฤหาสน์เฉวียนโยวและติดต่อคนที่ชื่อ หลี่หลินอี้ 1 ใน 3 รอผู้นำคฤหาสน์เฉวียน เพื่อให้มันอำนวยความสะดวกเรื่องตรวจสอบค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลกได้ทันที จะได้รู้ว่าที่แท้เป้าหมายนั่นมันไปส่วนไหนของอวี้หวงเทียนกันแน่”
ได้ฟังคำสหาย สองตาเฉินหลีก็ทอประกายสว่างจ้า และเร่งหยิบยันต์อมตะสื่อสารทางวิญญาณออกมาบดขยี้ทิ้งทันที ติดต่อบิดาของมันที่เป็นรองผู้นำองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดอย่างไม่รอช้า
“สารเลวน้อยนี่…มีสหายเยี่ยงเหยียนหรูอวี้นับว่ามันเกิดมาไม่เสียชาติเกิดแล้วจริงๆ!”
หลังเฉินหยวนซานได้รับข้อความของเฉินหลี มันก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งหลังพบว่าเหยียนหรูอวี้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ
มันย่อมรู้ดีว่าลูกชายนอกสมรสของมันสนิทสนมกับเหยียนหรูอวี้ขนาดไหน ทั้งคู่ต่างเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ และสนิทกันด้วยใจไร้ซึ่งผลประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น นับว่าเป็นเพื่อนประเสริฐคนหนึ่ง
อย่างไรก็ตามแตกต่างจากลูกชายนอกสมรสของมันลิบลับ เหยียนหรูอวี้ถูกพบว่ามีศักยภาพและพรสวรรค์ไม่เว้นเชาว์ปัญญาสูงล้ำตั้งแต่เด็กๆ จากนั้นก็เติบโตก้าวหน้าขึ้นไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ได้เข้าร่วมนิกายปราชญ์เต๋าเร้นลับ และกลายเป็นศิษย์ปิดสำนักของประมุขนิกาย
อย่างไรก็ตามแม้เหยียนหรูอวี้จะเติบโตก้าวหน้าจนมีอย่างทุกวันนี้แล้ว อีกฝ่ายก็ไม่เคยลืมเลือนสหายในวัยเด็กอย่างเฉินหลีเลย และมักกลับมาหาเฉินหลีอยู่บ่อยๆ
กระทั่งเพื่อเฉินหลีแล้ว เหยียนหรูอวี้ถึงกับมาหามันเป็นการส่วนตัว ยังขู่ว่าหากดูแลเฉินหลีไม่ดี จะไม่มีทางปล่อยมันไปแน่!
เป็นธรรมดาว่าเรื่องนี้มันไม่เคยบอกเฉินหลี เฉินหลีจึงไม่ได้รู้เลย
…
อวี้หวงเทียน เป็น 1 ในเก้าเก้า 81 ระนาบเทวโลก
และยังเป็นระนาบเทวโลกที่อยู่ใกล้กับระนาบโลกียะอย่างระนาบเหยียนหวง ระนาบที่โลกเก่าเมื่อชาติที่แล้วของต้วนหลิงเทียนตั้งอยู่มากที่สุด…
อันที่จริงตอนที่ต้วนหลิงเทียนขึ้นสวรรค์ เขาก็สมควรมาโผล่ที่อวี้หวงเทียน
อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่พอดีกับระนาบทวยเทพคู่ขนานทั้งหลายโคจรมาปะทะกัน ทำให้ห้วงมิติเกิดความผันผวน สุดท้ายเขาก็เลยขึ้นมายังหลิงหลัวเทียนแบบงงๆ
“ด้วยความเร็วของพวกเราตอนนี้ ต่อให้เร่งรุดเดินทางไม่พัก แต่ก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนกว่าจะถึงเมืองอวี้เฟิง…พวกเราจะไปทันรึเปล่า?”
ณ ที่ไหนสักแห่งของแดนผิงเทียน เขตปกครองของคฤหาสน์เอี้ยนซาน ปรากฏร่าง 3 ร่างเหินทะยานข้ามฟ้าเคียงไหล่กันมา
1 ในนั้นก็กำลังเอ่ยถามสหายข้างกายด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“เหอะๆ นี่เจ้าไม่ได้ฟังที่เจ้านั่นมันพูดวันนั้นเลยสินะ…หลังมาถึงอวี้หวงเทียนแล้ว พวกเรายังเหลือเวลาอีก 2 เดือนกว่าจะถึงวันนัดหมายที่เมืองอวี้เฟิง…ทันถมเถ!”
ผู้ถูกถามกล่าวตอบ
“คราวนี้เพื่อเข้าไปมรดกสถานที่จักรพรรดิอมตะเหลือทิ้งไว้อะไรนั่น พวกเรานับว่าลงทุนไปไม่น้อยกว่าจะออกจากหลิงหลัวเทียนมาถึงที่นี่ได้…อย่าให้ข้ารู้นะว่าเจ้านั่นมันหลอกพวกเรา ถึงตอนนั้นข้าไม่ปล่อยมันไปง่ายๆแน่”
คนสุดท้ายเอ่ยออกเสียงเข้ม
“ไม่ปล่อยมันไปหรือ? หากข้าจำไม่ผิดไม่ใช่เจ้าที่ห้าวไปท้าตีกับมัน…สุดท้ายเป็นฝ่ายโดนอัดมาตาเขียวหรอกรึ?”
คนที่พูดถามออกมาคนแรกสุดหันไปมองสหายที่พูดคนสุดท้าย ด้วยรอยยิ้มน้ำเสียงหยอกล้อ
“เพ่ย! นั่นไม่นับ เป็นข้าประมาทมันหรอกถึงถูกมันเล่นงานทีเผลอจนแพ้! หาไม่แล้วมันที่มีด่านพลังกับเข้าใจความลึกซึ้งของกฏพอๆกับข้า จะเอาชนะข้าได้ไง? เจอกันอีกทีข้าไม่มีวันแพ้มันแน่!!”
คนสุดท้ายโพล่งคำออกมาอย่างหัวเสีย กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเอาเรื่อง
ฟังจากบทสนทนาของทั้ง 3 แล้ว เห็นชัดว่าพวกมันก็มาจากหลิงหลัวเทียน และสมควรมาถึงคฤหาสน์เอี้ยนซานที่อยู่ในอวี้หวงเทียน ด้วยค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลก
ที่พวกมันถ่อเดินทางมาถึงที่นี่ ก็เพราะได้รับการชักชวนเช่นกัน
พวกมันทั้ง 3 แม้อายุยังไม่ถึงร้อยปี แต่ก็เป็นยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดกันแล้ว อีกทั้งยังเข้าใจความลึกซึ้งของกฏกันอย่างน้อย 2 ประการ
เมืองอวี้เฟิงที่ว่า ก็เป็นสถานที่นัดพบที่คนลึกลับที่มาชักชวนพวกมันกล่าวไว้ แต่อีกฝ่ายบอกเพียงว่ามรดกสถานของจักรพรรดิอมตะถูกทิ้งไว้ในเขตคฤหาสน์เอี้ยนซานในแดนผิงเทียนของอวี้หวงเทียนเท่านั้น
ในขณะเดียวกัน
นอกเมืองอวี้เฟิง ปรากฏร่าง 2 ร่างกำลังเหินทะยานข้ามฟ้าเข้าใกล้เมืองทุกขณะ
ในบรรดาทั้งคู่ ชายหนุ่มในชุดสีม่วงนั้นมีหน้าตาหล่อเหลา แม้สีหน้าจะแลดูเฉยเมย หากแต่สายตากระจ่างทั้งให้ความรู้สึกอ่อนโยนนั่น ก็พาลให้ผู้คนที่อยู่ใกล้ๆรู้สึกสบายใจไม่น้อย
สำหรับชายหนุ่มอีกคนในชุดสีเทานั้น ใบหน้าของมันเย็นชาเหลือเกิน สายตายังเผยความไร้แยแสราวไม่เห็นหัวใคร ทั่วร่างแผ่ความรู้สึกยากเข้าถึง ปานจะผลักไสผู้อื่นให้ถอยห่างไปพันลี้
ทั้ง 2 คนที่ว่าก็คือต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นที่เดินทางจากหลิงหลัวเทียนมายังอวี้หวงเทียนด้วยค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบบเทวโลกนั่นเอง
“ข้างหน้าสมควรเป็นเมืองอวี้เฟิง”
ทันใดนั้นในสายตาทั้งคู่ ก็แลเห็นจุดดำจุดหนึ่งที่กำลังขยายใหญ่ขึ้นทุกขณะ และเพียงไม่กี่อึดใจเค้าโครงเมืองๆหนึ่งก็เริ่มปรากฏให้เห็นเด่นชัด
“ดูเหมือนพวกเราจะมาถึงก่อนเวลานัดหมายล่วงหน้าเป็นเดือน…แบบนี้ก็ดี จะได้ทำความคุ้นเคยกับเมืองอวี้เฟิงนี่ก่อน แถมยังอาจได้รู้คร่าวๆว่าจักรพรรดิอมตะที่กับชาติมาเกิดนั่นมันชวนคนมาเท่าไหร่กันแน่”
หลิงเจวี๋ยอวิ๋นกล่าว
“อืม”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า ขณะเดียวกันก็บังเกิดความสนใจนัก ว่าแดนลับที่จักรพรรดิอมตะกลับชาติมาเกิดนั่นปลูกต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์เอาไว้อยู่ไหน
ในเมื่ออีกฝ่ายนัดหมายให้ทุกคนมาพบกันที่เมืองอวี้เฟิง ย่อมหมายความว่าแดนลับดังกล่าวสมควรอยู่ในเขตคฤหาสน์เอี้ยนซาน!