“จักรพรรดิอมตะ!?”
หลินเฟยหยางมองเจียงหลานด้วยสายตาเหลือเชื่อ เอ่ยถามออกไปอย่างยากลำบากว่า “ในเมื่อเจ้าเคยเป็นถึงจักรพรรดิอมตะ แล้วไฉนต้องลำบากลำบนหลอกพวกเราให้มาที่นี่ด้วย…ข้าเกรงว่าวัตถุประสงค์ของเจ้าคงมิใช่แค่เรื่องเล็กน้อยอย่างทำเพื่อความสนุกสนานกระมัง?”
จักรพรรดิอมตะที่กลับชาติมาเกิด!
ฐานะดังกล่าวของเจียงหลาน ทำให้หลินเฟยหยางยากจะเชื่อได้ลงคอจริงๆ!
ต้องทราบด้วยว่าสถานที่ๆมันอยู่ ผู้ที่ทรงพลังสูงสุดก็ยังเป็นแค่จอมราชันอมตะเท่านั้น!
สำหรับจักรพรรดิอมตะนั้น ในอดีตอาจจะเคมีปรากฏขึ้นมาบ้าง แต่มันก็ไม่เคยได้ยินหรือพบเห็นมาก่อนเลย
แต่ถึงกระนั้นคำ จักรพรรดิอมตะ ก็ทำให้ร่างงมันสั่นสะท้านไปด้วยความหวาดกลัวแล้วจริงๆ
ตั้งแต่ที่เจียงหลานประกาศตัวว่าเป็นจักรพรรดิอมตะที่กลับชาติมาเกิด มันยังรู้สึกเสมือนหนังศีรษะกลับกลายเป็นชาด้าน บังเกิดความหวาดกลัวไม่น้อย
จักรพรรดิอมตะ…นั่นคือตัวตนที่ยิ่งใหญ่และทรงพลังถึงเพียงใด!?
แต่บัดนี้ชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าของมัน กลับเป็นจักรพรรดิอมตะที่กลับชาติมาเกิด!
หลังประสบเรื่องราวความเปลี่ยนแปลงมากมาย หลินเฟยหยางก็ไม่คิดสงสัยในคำพูดของเจียงหลานแม้แต่น้อย ด้วยรู้ดีว่ามาถึงขั้นนี้แล้วเจียงหลานไม่จำเป็นต้องโกหกมัน
อาศัยพลังฝีมือของเจียงหลาน คิดสังหารพวกมันก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร จะเสียเวลาปั้นเรื่องหลอกพวกมันไปทำไม?
อย่างไรก็ตาม มันยังอดอยากรู้ไม่ได้…
ว่าไฉนเจียงหลานที่เป็นถึงจักรพรรดิอมตะกลับชาติมาเกิด ต้องลงทุนลงแรงเดินทางไปยังเขตต่างๆของ 5 ระนาบเทวโลก เพื่อหลอกพวกมันมาถึงที่นี่?
อีกฝ่ายมีแผนอะไรกันแน่?
ตอนนี้หากเจียงหลานบอกว่าไม่มีแผนอันใด ให้ฆ่ามันให้ตายมันก็ไม่เชื่อ!
“มาถึงขนาดนี้แล้ว…บอกพวกเจ้าไปก็ไม่เสียหายอันใด”
ได้ยินคำถามของหลินเฟยหยาง เจียงหลานก็ค่อยๆกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “ที่ข้าไปล่อลวงพวกเจ้ามา ก็เพื่อให้พวกเจ้าเป็นเครื่องสังเวยของต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์…”
เครื่องสังเวยของต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์!
ได้ยินคำตอบดังกล่าวของเจียงหลาน สายตาหลินเฟยหยางและยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดอีก 2 คน ก็หันไปจับจ้องต้นไม้สูงตระหง่านบนเกาะกลางน้ำใต้ฝ่าเท้าเจียงหลานทันที
เป็นครั้งแรกเลยที่พวกมันเริ่มมองสำรวจต้นไม้สีเลือดนี่จริงๆจังๆ โดยเฉพาะก้อนเลือดสีแดงฉานทั้ง 2 บนต้นไม้สีเลือดที่ตั้งตระหง่านนั่น ตอนนี้กำลังยุบๆพองๆราวกับกำลังเติบโต!
“ต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์?”
“มันคืออะไร?!”
“มันหลอกพวกเรามาเพื่อใช้เป็นเครื่องสังเวยต้นไม้ประหลาดนี่…แถมตอนนี้ก็มีคนตายไปนับหมื่นแล้ว! ที่แท้ต้นไม้ผีสางนั่นมันมีประโยชน์อะไรกับเจียงหลานกันแน่?!”
…
ลูกตาพวกหลินเฟยหยางทั้ง 3 ละออกจากต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ไปหยุดลงบนร่างเจียงหลานอีกครั้ง ในแววตาเต็มไปด้วยความสับสนระคนสงสัย
ขณะเดียวกันต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นเองก็หันไปมองเจียงหลานพลางชักสีหน้าสงสัยอย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้เจียงหลานพบเห็นพิรุธอันใด
“หึ!”
เจียงหลานย่นจมูกพ่นลมสบถเสียงเย็นคำหนึ่ง ค่อยกล่าวด้วยน้ำเสียงถือดี “พวกเจ้าล้วนมาจากขุมกำลังระดับ 7 อันต้อยต่ำ จะไม่รู้จักต้นไม้เทพสังเวสวรรค์ก็ไม่แปลกอันใด”
“ต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ก็คือ…ฯลฯ”
เมื่อเจียงหลานเริ่มอธิบายให้ฟังว่าต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์คืออะไร ไม่ว่าจะเป็นหลินเฟยหยางหรือยอดเซียนอมตะขั้นสงสุดอีก 2 คน ลมหายใจก็เริ่มหอบถี่ขึ้นมาทันที
ผลเทพสังเวยสวรรค์…สามารถทำให้ยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่รับประทาน ทะลวงด่านพลังจนบรรลุถึงขุนนางอมตะ 10 ทิศในคราเดียว?
นอกจากนั้นยังสามารถริเริ่มทำความเข้าใจกฏที่ไม่เคยทำความเข้าใจมาก่อน และอาจจะเข้าใจความลึกซึ้งถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นได้หลาประการในคราวเดียว?
กระทั่งสถิติที่บันทึกไว้สูงสุดนั้น ก็คือสามารถเข้าใจความลึกซึ้งของกฏได้ถึง 8 ประการ? และผู้ที่ทำความเข้าใจได้น้อยที่สุด ก็ยังสามารถเข้าใจความลึกซึ้งของกฏได้ถึง 6 ประการ?
ฟืด! ฟืด! ฟืด!
ลูกตาหลินเฟยหยางกับยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดอีก 2 คนหดเล็กลงแทบปิด ยังสูดลมหายใจเข้าลึกๆด้วยความแตกตื่นสุดระงับ
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ่นจะไม่ออกอาการเหมือนทั้ง 3 แต่สีหน้าก็เปลี่ยนไปไม่น้อย แลดูเหมือนคนที่กำลังพยายามนิ่งสงบ
‘หลิงเจวี๋ยอวิ๋นผู้นี้ สมแล้วที่เป็นคนที่ข้าสนใจ…ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ยังสามารถสงบอารมณ์ไม่ออกอาการให้เห็นชัดเหมือนหลินเฟยหยาง…’
ความเปลี่ยนแปลงของทั้ง 5 รวมถึงต้วนหลิงเทียนย่อมไม่พ้นสายตาของเจียงหลาน และนั่นทำให้มันยิ่งบังเกิดความพอใจในตัวหลิงเจวี๋ยอวิ๋นมากขึ้น
‘หวังว่าหลิงเจวี๋ยอวิ๋นผู้นี้จะยอมศิโรราบต่อข้า และให้ข้าปลูกฝังตราทาสลงวิญญาณแต่โดยดี…’
สองตาเจียงหลานเต็มไปด้วยความคาดหวัง
สำหรับด้านต้วนหลิงเทียนที่แลดูสามารถสงบสติอารมณ์ได้ดีไม่แพ้หลิงเจวี๋ยอวิ๋นนั้น เจียงหลานเชื่อว่าเขาเคยโชคดีพบพานวาสนายิ่งใหญ่บางอย่าง ทำให้โลกทัศน์เปิดกว้างมากกว่า จึงไม่ตกใจจนเสียอาการเหมือนพวกหลินเฟยหยางทั้ง 3
ไม่ว่าจะอย่างไร ต้วนหลิงเทียนก็คือยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่ครอบครองอุปกรณ์อมตะจอมราชัน 2 ชิ้น และยังเป็นอุปกรณ์อมตะจอมราชันประเภทคู่อีกด้วย!
‘เอาล่ะ ถึงเวลาลงมือเสียที…’
เมื่อสำนึกเทวะของเจียงหลานสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนของตัวอ่อนผลเทพสังเวยสวรรค์ด้านล่าง และพบว่าบัดนี้กระบวนการดำเนินมาถึงช่วงสุดท้ายแล้ว มันก็ตัดสินใจลงเมื่อเพื่อจบเรื่องราวทันที ลูกตาควบแน่นทันใด
ในดวงตายังเผยประกายเยียบเย็นวาบขึ้น
วินาทีต่อมา พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดก็ปะทุลุกโชนขึ้นมาทั่วร่าง ระลอกคลื่นสีฟ้ายังเริ่มกำจายออกไปทั่ว ประหนึ่งมีทะเลสาบเล็กๆอุบัติขึ้นกลางเวหา และผิวทะเลสาบเล็กๆดังกล่าวก็กระเพื่อมเสมือนมีคนพึ่งปาหินลงไป!
“แย่แล้ว!!”
เมื่อกลิ่นอายทั่วร่างเจียงหลานแปรเปลี่ยนไปในฉับพลัน สีหน้าหลินเฟยหยางและยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดทั้ง 2 ก็เปลี่ยนไปทันที
ต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็หันมามองหน้าส่งสาตากันวาบหนึ่ง สีหน้าท่าทียังเปลี่ยนเป็นขึงขังจริงจัง
ในที่สุดเจียงหลานก็คิดลงมือแล้วหรือ?
ปงงงง!!
ซู่มมม!!
…
เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวประหนึ่งทำนบกันน้ำพังทลาย จากนั้นร่างเจียงหลานก็พุ่งมาดั่งเงาเลือน คนคล้ายกลับกลายเป็นภูตผี!
ทันทีที่เห็นสภาวะร่างเจียงหลานแปรเปลี่ยนไป ต้วนหลิงเทียน หลิงเจวี๋ยอวิ่นและคนอื่นๆ ก็เร่งเร้าพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดออกมาเตรียมพร้อมรับมือทันที นอกจากต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นที่เร่งพุ่งร่างฉีกออกข้างไปแล้ว ด้านหลินเฟยหยางกับยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดทั้ง 3 ก็เริ่มขยับเข้ามาใกล้กันโดยไม่รู้ตัว
ในสายตาของหลินเฟยหยางกับพวก 3 คน เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเจียงหลานที่มีพลังแข็งแกร่งเหนือกว่า เช่นนั้นพวกมันก็คิดว่าต้องร่วมมือกันถึงจะต้านทานรับมือเจียงหลานได้
“พวกเจ้าทั้งคู่ทำอะไรกัน!? ไฉนตอนนี้ยังไม่เข้ามาผนึกกำลังกับพวกเรา จะรอให้ถูกมันฆ่าตายทีละคนรึไง!?”
ยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดในรูปลักษณ์ชายวัยกลางคนที่ขยับเข้ามารวมกลุ่มกับหลินเฟยหยางและชายหนุ่มอีกคน พอเห็นต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นฉีกตัวออกไปสองฟาก ก็เร่งแผดเสียงตะโกนออกมาทันที
“พวกเจ้าคิดว่า…หากผนึกกำลังกันแล้วจักรับมือข้าได้งั้นรึ!?”
เมื่อเจียงหลานวูบร่างตัดระยะมาเจียนบรรลุถึงพวกหลินเฟยหยางทั้ง 3 ที่รวมกลุ่มกัน มันก็ชะรอความเร็วลง และค่อยๆย่ำเหยียบความว่างเปล่าลงมา ทำราวกับเดินเล่นชมสวน
หลังมองกล่าวกับชายวัยกลางคนด้วยสายตาเย้ยหยันแล้ว มันก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนพลางเอ่ยเสียงเบาว่า “ต้วนหลิงเทียน แม้อุปกรณ์อมตะจอมราชันประเภทคู่ของเจ้าหลังผสานรวมกันแล้ว จักมีพลังอำนาจแทบจะเทียบได้กับศาสตราอมตะระดับจักรพรรดิ…”
“แต่สุดท้ายมันก็มิใช่ศาสตราอมตะระดับจักรพรรดิ!”
“วันนี้ก่อนที่เจ้าจักตาย ข้าจะสงเคราะห์ให้เจ้าชมดูกับตาสักครา ว่าศาสตราอมตะระดับจักรพรรดิที่แท้จริงมันเป็นอย่างไร!!”
พอเจียงหลานกล่าวจบคำมันก็ยกมือขวาขึ้นมาแบหงายทันที
จากนั้น เหนือฝ่ามือของมัน ก็ปรากฏรังสีดาบสีฟ้าผุดข้นมาเล่มหนึ่ง รังสีดาบดังกล่าวยังเปล่งแสงสีฟ้าออกมาเรืองรอง! ถึงกับสว่างยิ่งกว่าแสงพลังสีฟ้าที่กำจายออกมาทั่วร่างมันเสียอีก!!
และเมื่อรังสีดาบดังกล่าวปรากฏขึ้นเหนือฝ่ามือเจียงหลานได้ไม่ทันไร…
มวลแสงสีฟ้าดังกล่าวก็เริ่มควบรวมก่อเกิดเป็นดาบสีฟ้าที่ใสราวผลึกแก้วเล่มหนึ่งขึ้นให้เห็นชัดเจน!
ดาบผลึกแก้วสีฟ้านี้ ทันทีที่ปรากฏ มันก็แผ่กลิ่นอายเยียบเย็นออกไปสะท้านบรรยากาศ พาลให้ร่างทุกคนสะท้านไปด้วยความหนาวเหน็บ…
ต้องทราบด้วยว่าอาศัยด่านพลังฝึกปรือในปัจจุบันของงต้วนหลิงเทียนกับคนที่เหลือทั้ง 5 ทุกคนล้วนไม่สะทกสะท้านต่อความเย็นของฤดูหนาวอีกต่อไป หากแต่กลิ่นอายพลังจากดาบผลึกแก้วสีฟ้าเล่มนี้กลับทำให้ทุกคนรู้สึกเย็นยะเยือก!
“นี่มัน…ดาบอมตะระดับจักรพรรดิ!?”
“จะ…จักรพรรดิ! อุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิ!?”
…
ตั้งแต่ที่ได้ยินคำพูดของเจียงหลาน ลูกตาหลินเฟยหยางทั้งยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดอีก 2 คนก็เริ่มหดหยีเล็กลงแต่แรก
มาตอนนี้พอได้เห็นดาบผลึกแก้วที่ส่องแสงสีฟ้าแผ่กลิ่นอายเยียบเย็นนั่น กอปรกับสิ่งที่เจียงหลานพึ่งกล่าว หัวใจพวกมันก็เสมือนมีไอเย็นแผ่ซ่านปกคลุมทันที!
ตอนแรกที่ได้รู้ว่าเจียงหลานเป็นจักรพรรดิอมตะที่กลับชาติมาเกิด พวกมันยังอดคิดไปอย่างวาดหวังไม่ได้ว่า…
เจียงหลานที่กลับมาเกิดใหม่ อาจจะยังไม่ได้รับสมบัติที่เก็บไว้เมื่อชาติก่อน หรือสมบัติในชาติก่อนของมันอาจจะถูกผู้คนพบเจอและกวาดเอาไปหมดแล้ว…
ทว่าพอเจียงหลานเรียกดาบอมตะระดับจักรพรรดิออกมาแบบนี้ ก็ทำให้พวกมันบังเกิดความสิ้นหวังจับใจ!
หากเจียงหลานมีเพียงอุปกรณ์อมตะระดับราชาให้พึ่งพิง แม้จะเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ำ 4 ประการ แต่ถ้า 5 คนที่อยู่ ณ ที่นี้ผนึกกำลังร่วมมือกันล่ะก็ ไม่ใช่ว่าจะไม่อาจต้านทานรับมือเจียงหลานได้!
ที่สำคัญเลยก็คือ
ต้วนหลิงเทียนถือครองอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันอมตะ 2 ชิ้น! แถมเป็นอุปกรณ์อมตะจอมราชันประเภทคู่ ที่ยามผสานรวมกันก็มีพลังอำนาจแทบจะเทียบได้กับศาสตราอมตะระดับจักรพรรดิ!
แต่มาตอนนี้ เมื่อเห็นเจียงหลานนำดาบอมตะระดับจักรพรรดิออกมา พวกมันก็หมดสิ้นกำลังใจจะแข็งข้อต่อต้านทันที…
ฟั่ฟฟฟ!!
เจียงหลานตวัดดาบผลึกแก้วสีฟ้าออกไปคราหนึ่ง ก็ปรากฏคลื่นดาบสีฟ้าพุ่งไปดั่งเสี้ยวจันทร์ ผ่าร่างชายวัยกลางคนที่พึ่งมาตอบสนองเอาตอนคลื่นดาบอยู่เบื้องหน้าแล้วออกเป็นสองเสี่ยง ตกตายไปอย่างที่ไม่อาจต่อต้านอะไรได้เลย…
เมื่อร่างสองเสี่ยงของมันแยกตกไปซ้ายขวา ลูกตาแต่ละข้างยังคงมองจ้องเขม็ง เห็นชัดว่าตกตายตาไม่หลับ!
และศพชายวัยกลางคน ก็เป็นศพแรกของผู้คนที่ตกตายภายในห้องโถงอันกว้างใหญ่
เนื่องเพราะต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์มันไม่ได้ดูดซับโลหิตดวงจิตของผู้ตายอีกต่อไป เช่นนั้นศพของมันจึงไม่ถูกสูบโลหิตจนแห้งกรังแล้วสลายหายไปเหมือนคนอื่นๆ
สิ่งนี้บ่งบอกให้รู้ว่าต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ไม่ต้องการเครื่องสังเวยอีกต่อไป และโลหิตกับดวงจิตที่ดูดซึมมา ก็มากพอแล้วที่มันจะหล่อเลี้ยงตัวอ่อนผลเทพสังเวยสวรรค์ให้เติบโตกลายเป็นผลเทพสังเวยสวรรค์…
เป็นธรรมดาว่าสุดท้ายแล้วผลเทพสังเวยสวรรค์จะเติบโตสำเร็จหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับฟ้าเท่านั้น…
“อย่า…อย่าข้าฆ่าเลย!”
หลังเห็นยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดอย่างชาวักลางคนตกตาอย่างไร้ต้านทาน ยอดเซียนยอมตะขั้นสูงสุดในรูปลักษณ์ชายหนุ่ม ก็คุกเข่าให้เจียงหลานที่ลอยล่องกลางอากาศทันที
“ใต้เท้าจักรพรรดิอมตะ ในเมื่อท่านมิต้องใช้ข้าน้อยเป็นเครื่องสังเวยต้นไม้เทพสังเวสวรรค์แล้ว เช่นนั้นขอท่านเมตตาละเว้นข้าน้อยด้วยเถอะ…หากท่านต้องการข้าน้อยยินดีมอบสมบัติทั้งหมดที่มีในตัวให้ท่าน!”
ยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดในรูปลักษณ์ชายหนุ่มที่คุกเข่าลงไป เร่งวิงวอนร้องขอชีวิตออกมา ขณะเดียวกันมันก็ถอดเกราะอมตะระดับราชาที่สวมใส่อยู่ รวมถึงถอดแหวนพื้นที่แล้วประคองยื่นออกไปเบื้องหน้า เห็นชัดว่ามันคิดใช้ทุกสิ่งที่มีในตัวเพื่อแลกกับหนึ่งชีวิตน้อยๆของมัน
“เจ้าคิดว่าหากข้าฆ่าเจ้าทิ้ง ของๆเจ้าจักมิกลายเป็นของๆข้าหรือ?”
เจียงหลานเอ่ยถามออกมาด้วยรอยยิ้มบางๆ
อย่างไรก็ตาม ยิ้มอ่อนนี้ของเจียงหลาน ในสายตาของชายหนุ่มที่คุกเข่าประเคนของร้องขอชีวิต มันไม่ต่างอะไรกับรอยยิ้มของปีศาจแม้แต่น้อย ร่างมันจึงสั่นสะท้านไประริกราวลูกนกตกน้ำ เร่งก้มหัวร้องขอความเมตตาออกมาอีกครั้ง “ใต้เท้าจักรพรรดิอมตะได้โปรดอภัยให้ข้าน้อยด้วย! ขอท่านอภัยให้ข้าน้อยด้วย!!”
“แล้ว…เจ้าคิดจริงๆหรือว่าข้าจักสนใจสิ่งของเล็กๆน้อยๆที่เจ้ามี?”
เจียงหลานเมินคำวิงวอนร้องขอชีวิตของชายหนุ่ม และพอมันกล่าวจบคำ ดาบผลึกฟ้าในมือก็ตวัดฟันออกไปอีกครั้ง…
ฉัวะ!!
คลื่นดาบสะบั้นที่พุ่งไปอีกสาย พรากหนึ่งชีวิตของชายหนุ่มไปอย่างไร้เรื่องราว…