‘ความลึกซึ้ง ส่งผ่าน…’
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนหลับตาลงเพื่อพักผ่อน เขาก็ไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่า ยังคงพยายามตระหนักรู้ความลึกซึ้งส่งผ่าน พราะตอนนี้เขาพึ่งจะเข้าใจมันได้แค่บางส่วนเท่านั้น
ตราบใดที่เขาสามารถเข้าใจความลึกซึ้งส่งผ่านได้ถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้น ไม่เพียงความเร็วของเขาจะเพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ยังไม่ต่างอะไรกับเพิ่มขึ้น 2 เท่า!
และทันทีที่เขาเข้าใจความลึกซึ้งส่งผ่าน ความเร็วในการเคลื่อนไหวของเขาจะไม่ด้อยไปกว่าความเร็วของหว่านชิงชิงอีกต่อไป หลังจากนั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งใครในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแห่งนี้อีก!
เป็นธรรมดาว่าในระหว่างหลับตาพักผ่อน ทั้งพยายามตระหนักรู้ความลึกซึ้งส่งผ่าน ต้วนหลิงเทียนก็ได้แผ่สำนึกเทวะออกไปปกคลุมอาณาบริเวณโดยรอบเอาไว้แล้ว
และหลังจากหว่านชิงชิงจากไปพักหนึ่ง เขาก็พบว่าศิษย์หั่วหลีในค่ายด้านล่าง ได้เริ่มแผ่สำนึกเทวะขึ้นมาเพื่อตรวจสอบเขากันไม่หยุด
เรียกว่าในช่วงเวลาแค่สั้นๆ ก็มีสำนึกที่แตกต่างกันแผ่นมาตรวจสอบเขามากกว่าพันสายด้วยซ้ำ!
‘คนเยอะขนาดนี้เชียว…’
เมื่อสัมผัสได้ถึงสำนึกเทวะที่แตกต่างกันหลายสาย ต้วนหลิงเทียนก็ลืมตาขึ้นมา และมองลงไปยังค่ายคฤหาสน์หั่วหลีด้านล่าง
จึงเห็นว่าบัดนี้ค่าคฤหาสน์หั่วหลี มีศิษย์มารวมตัวกันหนาตานัก
‘คนเยอะขนาดนี้เชียว?’
‘จริงสิ…คิดจะเข้ามาที่นี่ ขอเพียงด่านพลังไม่ถึงขอบเขตราชาอมตะก็พอ’
‘หากไม่ออกจากค่ายของคฤหาสน์หั่วหลี่ ก็ไม่มีอันตรายอะไร’
ต้วนหลิงเทียนตระหนักได้ทันที
ว่าคนด้านล่างส่วนใหญ่ไม่น่าจะใช่ขุนนางอมตะ 10 ทิศ แต่เข้ามาชมดูเรื่องราวเพื่อความตื่นเต้นเท่านั้น
และต้วนหลิงเทียนก็เดาไม่ผิดเลย
พอมีข่าวเรื่องต้วนหลิงเทียนมาดักหน้าค่ายและกล่าวคำท้าทาย จนกำจัดศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีออกไปเกือบ 2 โหลในเวลาเดียวกัน เหล่าศิษย์ของคฤหาสน์หั่วหลีที่ยังไม่บรรลุถึงขอบเขตราชาอมตะ ก็แห่กันเข้ามาในแดนสวรรค์ใต้โบราณเพื่อมาเกาะติดสถานการณ์ทันที
ในบรรดาผู้ที่มา ล้วนแล้วแต่เป็นศิษย์ของคฤหาสน์หั่วหลีที่พลังฝีมือไม่ถึงขั้นทั้งสิ้น
อันที่จริงยังมีศิษย์ที่อยากเข้ามาดูชมเรื่องราวอีกมาก
อย่างไรก็ตาม หลังผ่านไปสักพักผู้อาวุโสที่ทำหน้าที่เฝ้าโต๊ะบริการของจุดเคลื่อนย้าย ก็ไม่กล้าปล่อยให้ใครเข้ามาอีกต่อไป ด้วยกลัวคนจะล้นค่ายที่พักของคฤหาสน์หั่วหลี
และเมื่อค่ายคฤหาสน์หั่วหลีไม่อาจรองรับผู้คนได้อีก เช่นนั้นก็เสมือนบีบให้ผู้ที่มาใหม่ต้องออกไปนอกค่าย
หากถูกบีบออกไปนอกค่าย…เช่นนั้นไม่โดนต้วนหลิงเทียนจัดการเอารึไง?
ถึงแม้แต่ละคนที่เข้ามาจะมีคะแนนสะสมแค่แต้มเดียว แต่ถ้ามีคนถูกบีบออกไปมากหน่อย ต้วนหลิงเทียนก็ได้คะแนนสะสมไม่น้อย!
เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเรื่องราวเช่นนั้นขึ้น ผู้อาวุโสที่ทำหน้าที่ให้บริการในตำหนักเคลื่อนย้ายทั้งหลาย จึงสั่งห้ามให้คนที่ยังไม่บรรลุถึงขอบบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศเข้าไปอีกเด็ดขาด
“เจ้านั่นน่ะหรือ ต้วนหลิงเทียน?”
ศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีหลายคนที่พึ่งเข้ามา มองจ้องต้วนหลิงเทียนบนฟ้าด้วยความสนใจ
“ช่างหล่อเหลายิ่งนัก…อีกทั้งยังอายุไม่ถึงร้อยปีจริงๆ! เขากลับประสบความสำเร็จถึงขนาดนั้นด้วยวัยเพียงเท่านี้ ต่อไปจักยิ่งใหญ่ถึงเพียงไหนกัน หากข้าได้แต่งกับเขาก็คงดี…”
ในบรรดาศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีที่พึ่งเข้ามาก็มีศิษย์สตรีไม่น้อย และพวกนางมากมายก็กำลังชมมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเพ้อฝัน บางคนยังมีใบหน้าเคลิบเคลิ้ม ไม่ทราบคิดอะไรอยู่
“คฤหาสน์เฉวียนโยวเอาเงินจากไหนไปจ้างคนนอกเช่นมันมาได้ พลังฝีมือไม่เพียงสูงส่งแต่ยังเยาว์นัก!”
“หึ! ข้าได้ยินมาว่าพวกศิษย์พี่ถานหยวนกับศิษย์พี่โม่ผิงจื่อได้รับทราบเรื่องราวแล้ว และกำลังระดมคนกันอยู่…ขอให้ต้วนหลิงเทียนนั่นมันไม่รีบไปไหนเถอะ ไม่นานพวกศิษย์พี่ต้องพาคนมาจัดการมันแน่!”
“จัดการที่ว่า ก็คงไม่ถึงกับฆ่ามันให้ตายใช่ไหม?”
“ก็คงต้องเป็นแบบนั้นล่ะ…ต้วนหลิงเทียนนั่นมันร้ายกาจถึงขนาดนี้ได้ทั้งที่ยังอายุไม่ถึงร้อยปี กล่าวไปในบรรดา 15 ขุมกำลังระดับแนวหน้าของแดนสวรรค์ใต้เราอย่าง 10 ตระกูลใหญ่ 5 นิกายหลักยังไม่มีตัวตนเช่นมันด้วยซ้ำ! ความเป็นมาของมันต้องไม่ธรรมดาแน่!!”
“จริง ถึงแม้ข้าไม่รู้ว่าคฤหาสน์เฉวียนโยวไปหามันมาได้อย่างไร แต่หากพวกเรายังไม่อาจยืนยันความเป็นมาของมันได้ คฤหาสน์หั่วหลีเราก็ไม่กล้าฆ่ามันหรอก…อย่างน้อยๆก็ไม่กล้าฆ่ามันอย่างโจ่งแจ้ง”
“อายุไม่ถึงร้อย บรรลุขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศ และยังเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติมากมาย…ตัวตนเช่นนี้จักเป็นไปได้หรือที่ไม่มีภูมิหลังยิ่งใหญ่?”
“ตัวตนแบบนี้หากไม่มีความเป็นมาใหญ่โต เช่นนั้นมันผ่านการผจญภัยอะไรมา แล้วโชควาสนาที่มันพบเจอที่แท้คืออะไรกันแน่?”
…
เหล่าศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีคุยกันไม่หยุด และพวกมันรู้สึกว่าต่อให้อาวุโสจะออกคำสั่งให้เหล่าศิษย์พี่ระดมกำลังกันมาจัดการต้วนหลิงเทียน ก็ไม่น่าจะถึงขั้นลงมือเข่นฆ่าอีกฝ่าย
เพราะหากต้วนหลิงเทียนมีความเป็นมาไม่ธรรมดาจริงๆ เกิดฆ่าอีกฝ่ายไป คราวนี้คฤหาสน์หั่วหลีของพวกมันไม่พ้นต้องประสบเคราะห์แน่นอน
ไม่ว่าพวกมันจะเกลียดชังต้วนหลิงเทียนจนอยากเผาให้เป็นขี้เถ้ามากแค่ไหน แต่ระดับสูงของคฤหาสน์หั่วหลีก็ไม่มีทางปล่อยให้ศิษย์เข่นฆ่าอีกฝ่ายได้ก่อนที่จะพบเจอความเป็นมาของอีกฝ่ายแน่นอน
“น่าเสียดายที่ค่ายกลปกป้องค่ายของพวกเรา ทำให้พวกเราไม่อาจโจมตีออกไปได้…หาไม่แล้วพวกเราจะได้เล่นงานมัน โดยที่มันตอบโต้ทำอะไรพวกเราไม่ได้”
ศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีบางคนอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาพลางทอดถอนด้วยความเสียดาย
เนื่องเพราะค่ายของคฤหาสน์อมตะใดๆ ไม่เพียงแต่จะมีม่านพลังคุ้มกันไม่ให้คนนอกบุกเข้ามา ยังทำให้คนในไม่อาจใช้พลังใดๆจู่โจมออกไปทำร้ายคนนอกได้เช่นกัน
“เจ้าก็ช่างคิดนักนะ…พวกเรารอดูศิษย์พี่ถานหยวนกับศิษย์พี่โม่ผิงจื่อพาคนอื่นๆมาทุบตีมันก็พอ!”
ศิษย์อีกคนของคฤหาสน์หั่วหลีกล่าว
ด้วยเหตุนี้ต้วนหลิงเทียนก็ลอยร่างบนฟ้า โดยมีศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีมากมายจับจ้อง
ตอนนี้ในค่ายคฤหาสน์หั่วหลีก็มีศิษย์มาชมดูเรื่องราวเป็นพันๆแล้ว หากแต่ไม่มีใครหาญกล้าออกมานอกค่ายสักคน
กระทั่งขุนนางอมตะ 10 ทิศที่มั่นใจในพลังฝีมือของตัวเอง ก็ไม่คิดจะออกมาอย่างวู่วาม
พวกมันกำลังรอ
รอให้ถานหยวนกับโม่ผิงจื่อพาคนมาปิดล้อมต้วนหลิงเทียนก่อน ถึงตอนนั้นพวกมันจะเร่งุรดขึ้นไปเสริมกำลังเพื่อสยบปราบต้วนหลิงเทียนของคฤหาสน์เฉวียนโยวผู้นี้ให้จงได้
ในสายตาของพวกมัน
ด้วยจำนวนคนที่มากกว่า รวมถึงมีถานหยวนกับโม่ผิงจื่อขุนนางอมตะ 10 ทิศที่ร้ายกาจที่สุดในคฤหาสน์หั่วหลีของพวกมันนำ การจะจัดการต้วนหลิงเทียนคงไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร
เผลอๆ พอต้วนหลิงเทียนเห็นพวกมันมากมายเตรียมกลุ้มรุมลงมือ อาจจะกลัวจนรีบทำลายป้ายหยกทิ้ง เพื่อหลบหนีออกไปก่อนที่พวกมันจะทันได้ทำอะไรด้วยซ้ำ!
ราวๆครึ่งวันต่อมา
ห่างจากที่ตั้งค่ายคฤหาสน์หั่วหลีราวๆ 20 ลี้ ได้ปรากฏร่างคนสองคนเหินวนเป็นวงกลมรอบๆค่ายที่พักคฤหาสน์หั่วหลีในระยะ 20 ลี้
“ศิษย์พี่โม่ผิง”
ร่าง 3 ร่างที่พึ่งเหินผ่านมา พอเห็นร่างทั้งคู่พวกมันก็เร่งเหินเข้ามาหาทันที จากนั้นทั้ง 3 ยังประสานมือคารวะทักทายชายหนุ่ม 1 ใน 2 คนดังกล่าวด้วยท่าทีเคารพ
ชายหนุ่มที่พวกมันประสานมือคารวะทักทายไปนั้น เป็นชายหนุ่มหน้าตาคมเข้มร่างหนามาในชุดคลุมสีน้ำเงิน หว่างคิ้วแผ่พุ่งความกล้าหาญออกมา ลักษณะท่าทางองอาจผ่าเผย
มันคือ 1 ใน 2 ขุนนางอมตะ 10 ทิศมือดีของคฤหาสน์หั่วหลี
และในบรรดาตัวตนขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศทั้งหมดของคฤหาสน์หั่วหลี พลังฝีมือของมันเรียกว่าเป็นอันสองรองจากถานหยวนคนเดียวเท่านั้น!
ในปีที่ผ่านมา มันสามารถติดอยู่ใน 20 อันดับแรกได้ถึง 10 เดือน
และอันดับที่ดีที่สุดในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางที่มันทำได้ก็คืออันดับที่ 11
เนื่องจากพลังฝีมือของมัน อีกทั้งอัธยาศัยดีเป็นกันเองไม่ถือตัวแม้แต่น้อย รวมถึงเป็นคนเปิดเผยจริงใจคนหนึ่ง ทำให้มันมีชื่อเสียงในบรรดาขุนนางอมตะ 10 ทิศของคฤหาสน์หั่วหลีมากทีเดียว
เรียกว่าในบรรดาขุนนางอมตะ 10 ทิศของคฤหาสน์หั่วหลีแล้ว มันมีคนเคารพนับถือมากกว่าถานหยวนเสียอีก
เพราะถึงศิษย์ของคฤหาสน์หั่ววหลีจะเคารพถานหยวน แต่ก็เคารพอีกฝ่ายเพราะพลังฝีมือสูงสุดในขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศเท่านั้น ไม่มีเหตุผลอื่น
กล่าวอีกอย่างได้ว่า หากวันเกิดถานหยวนสูญเสียความแข็งแกร่งในตอนนี้ไป คงมีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่จะใยดีมัน
แต่โม่ผิงจื่อนั้นต่างออกไป
ต่อให้อีกฝ่ายจะไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมากมายอีกแล้ว แต่ขุนนางอมตะ 10 ทิศส่วนใหญ่ก็ยังคงเคารพนับถือมันอยู่ดี
“พวกเจ้ามาแล้ว”
โม่ผิงจื่อพยักหน้ารับคำทักทายของทั้ง 3 และตอนนี้ใบหน้าที่เคยเต็มไปด้วยรอยยิ้มใจดีและท่าทีเป็นกันเองของมัน ก็เต็มไปด้วยความจริงจัง ทั้งมืดมนนัก
เพราะหลังจากได้รับข้อความที่รองผู้นำของคฤหาสน์หั่วหลีส่งมา มันก็เร่งรุดมาที่นี่ทันที
และมันไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ
ว่าวันหนึ่งจะมีใครบางคนมาดักหน้าค่ายคฤหาสน์หั่วหลีของพวกมัน
ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่าก็คือ ต้วนหลิงเทียน ศิษย์ฝ่ายนอกของคฤหาสน์เฉวียนโยวที่พึ่งจะโด่งดังขึ้นมาเมื่อไม่กี่วันก่อน!
“ศิษย์พี่โม่ผิงจื่อ พวกเราต้องรวมคนให้ได้เท่าไหร่ ถึงจะไปจัดการมันหรือ?”
1 ใน 3 ผู้มาใหม่เอ่ยถาม
“รอให้เจอศิษย์พี่ถานหยวนก่อนค่อยว่ากัน…เพราะคราวนี้คู่ต่อสู้ของพวกเรานับว่าไม่ธรรมดาจริงๆ”
โม่ผิงจื่อเอ่ยออกเสียงขรึม
ถึงแม้มันจะไม่เคยพบเจอศิษย์ฝ่ายนอกของคฤหาสน์เฉวียนโยวผู้นั้น แต่มันเชื่อว่าลองอีกฝ่ายมีข่าวลือหนาหูขนาดนี้ต้องไม่ใช่แค่ข่าวลือเหลวไหลแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้นเห็นมันแบบนี้ แต่มันก็เป็นคนที่ระมัดระวังและรอบคอบมากคนหนึ่ง ย่อมไม่คิดทำอะไรวู่วามแน่นอน
“ศิษย์พี่โม่ผิงจื่อ…อาจารย์ของข้ายังกำชับมาอีกว่า พวกเราทำได้แค่ทุบตีสั่งสอนมันเท่านั้น อย่าได้ฆ่ามันเด็ดขาด…ศิษย์น้องทั้ง 2 ก็ได้คำสั่งมาเหมือนข้า แต่พวกเราจะทำแค่ทุบตีมันจริงๆหรือ ต้วนหลิงเทียนนั่นแทบจะขี้จะเยี่ยวรดหัวพวกเราอยู่แล้ว!!”
ชายหนุ่มอีกคนในบรรดา 3 คนที่พึ่งมาถึงเอ่ยแทรกขึ้นด้วยโทสะ
“อย่าว่าแต่พวกเจ้าเลย…ข้าเองก็ได้รับข้อความกำชับจากรองผู้นำคฤหาสน์ทำนองเดียวกับพวกเจ้า อันที่จริงความกังวลของเหล่าอาวุโสก็ไม่แปลก ผู้ใดจะไปรู้เล่าว่าต้วนหลิงเทียนนั่นใช่มีความเป็นมายิ่งใหญ่เทียมฟ้าหรือไม่? หากไม่ก็แล้วไป แต่ถ้ามีขึ้นมาแล้วคฤหาสน์หั่วหลีเราแตะต้องมัน…นั่นไม่เป็นการชักนำหายนะเภทภัยมาสู่ตัวหรือ?”
ถึงแม้ในแววตาของโม่ผิงจื่อจะฉายแววฆ่าฟันขึ้นมาวาบหนึ่ง แต่ขณะกล่าว มันก็พยายามรักษาท่าทีและสะกดจิตสังหารเอาไว้ “พวกเจ้าเองก็คงจะเข้าใจความสำคัญของเรื่องราวกระมัง…”
“ไอ้เข้าใจมันก็เข้าใจอยู่หรอก…แค่ข้าไม่สบอารมณ์เท่านั้นล่ะศิษย์พี่”
คนสุดท้ายในบรรดา 3 คนได้แต่คลี่ยิ้มแหยๆออกมา
“เอาล่ะ จนกว่าทางคฤหาสน์หั่วหลีเราจะพบความเป็นมาของเจ้านั่น พวกเราก็ไม่อาจทำอะไรเกินเลยได้…เรื่องนี้ต่อให้เจ้ารู้สึกยากกล้ำกลืนก็ต้องกลืนให้ลงคอ!”
“เอาล่ะ ตอนนี้พวกเรารีบไปตามหาคนอื่นๆต่อดีกว่า”
จากนั้นกลุ่มโม่ผิงจื่อแต่เดิมที่มี 2 คน ก็กลายเป็นมี 5 คนทันที
และจุดนัดพบที่เหล่าอาวุโสของคฤหาสน์หั่วหลี่แจ้งมานั้น ก็ไม่ได้ตายตัวว่าเป็นจุดไหน แค่บอกให้รวมตัวกันห่างค่ายราวๆ 20 ลี้เท่านั้น
พยายามรวมคนให้ได้มากที่สุดและไปจัดการต้วนหลิงเทียนทีเดียว
และในบรรดาคนที่รวบรวมมา ต้องมีโม่ผิงจือกับถานหยวนรวมอยู่ด้วยเท่านั้น หากทั้งคู่ยังมาไม่ถึง อย่าได้รีบร้อนลงมือเด็ดขาด!
“โม่ผิงจื่อกับคนพวกนั้น…ไฉนดูเหมือนพวกมันจะวนเวียนรอบๆค่ายคฤหาสน์หั่วหลีเล่า?”
โม่ผิงจื่อและศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีทั้ง 5 ไม่ทันได้สังเกตเลย ว่ามีร่างหนึ่งซุ่มซ่อนในเงามืดลอบจับตาดูความเคลื่อนไหวพวกมันอยยู่..
และร่างในเงามืดดังกล่าว ก็ลอบติดตามโม่ผิงจื่อมานานแล้ว…