“ผู้เฒ่าฉี!”
ต้วนหลิงเทียนเพิกเฉยสายตาที่จับจ้องมองมาโดยรอบ และทันทีที่ออกมาเขาก็เร่งส่งข้อความไปหาฉีเทียนหมิงทันที
ยันต์อมตะสื่อสารทางวิญญาณถูกเขาบดขยี้ทิ้งเร็วไว เร่งกล่าวเรื่องที่เขาได้รับข้อความจากหวงเจียหลง และบอกความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหวงเจียหลงออกไปคร่าวๆทันที
“หืม? ประมุขใหญ่ของนิกายอมตะเหอฮวนน่ะรึ คิดใช้สหายเจ้ามาข่มขู่เพื่อลวงเจ้าไปฆ่า? เป็นไปไม่ได้! เรื่องพรรค์นั้นจักเป็นไปได้อย่างไรกัน?!”
หลังได้รับข้อความที่ต้วนหลิงเทียนส่งมา ฉีเทียนหมิงก็งุนงงไม่น้อย “เจ้ารอข้าสักครู่ ข้าจักถามเจ้าหนูปี้ไห่หมิงเฟิงให้!”
หลังได้รับข้อความของฉีเทียนหมิง ปี้ไห่หมิงเฟิงก็หน้าเหวอไปไม่น้อย
ประมุขใหญ่ของนิกายอมตะเหอฮวนน่ะหรือ คิดเอาสหายต้วนหลิงเทียนมาขู่ เพื่อลวงต้วนหลิงเทียนไปฆ่า?
ปี้ไห่หมิงเฟิงขมวดคิ้วเคร่งเครียด จากนั้นก็เร่งส่งข้อความไปถามประมุขใหญ่ของนิกายอมตะเหอฮวนเป็นการด่วน ว่ามันเรื่องอะไรกันแน่?
“อันใด? ต้วนหลิงเทียนออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแล้ว?!”
กงซุนเวิ่นฉิง ประมุขใหญ่ของนิกายอมตะเหอฮวน พอได้รับข้อความจากปี้ไห่หมิงเฟิง รวมถึงได้รู้ว่าต้วนหลิงเทียนเร่งรุดออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณมาหาความเรื่องนี้ มันก็ตระหนักได้ทันทีว่าเรื่องราวได้บานปลายกลายเป็นเรื่องใหญ่เสียแล้ว!
กงซุนเวิ่นฉิงจึงเร่งส่งขอความอธิบายเรื่องทั้งหมดไปให้ปี้ไห่หมิงเฟิงทันที ว่าทั้งหมดเป็นแค่การลองใจหวงเจียหลงเท่านั้น “ตอนนี้ข้าได้รับหวงเจียหลงนั่นเป็นศิษย์ปิดสำนักแล้ว”
“เจ้ารีบไปอธิบายเรื่องราวให้ต้วนหลิงเทียนกระจ่างเถอะ มันจักได้กลับเข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณได้อย่างสบายใจ…ทั้งหมดแค่เรื่องไม่เป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น อย่างไรก็ตามเจ้าหนูหวงเจียหลงนั่นใช้ได้จริงๆ มันถึงกับยอมตายไม่ยอมขายสหาย”
ประโยคท้าย กงซุนเวิ่นฉิงอดไม่ได้ที่จะกล่าวชมหวงเจียหลง
“ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง”
หลังได้รับทราบรายละเอียดเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ปี้ไห่หมิงเฟิงก็ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก จากนั้นก็เร่งส่งข้อความไปหาฉีเทียนหมิงเพื่ออธิบายเรื่องราวทั้งหมดทันที
“ทำเอาเจ้าวิ่งวุ่นไปครึ่งค่อนวัน แต่สุดท้ายที่แท้แค่เรื่องไม่เป็นเรื่อง…กงซุนเวิ่นฉิงนั่นมันก็เข้าใจหลอกสหายเจ้าจริงๆ! เอาล่ะๆ เจ้าไม่ต้องกังวลแล้ว ทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องเข้าใจผิด และข้าฝากเจ้าหนูปี้ไห่หมิงเฟิงไปโวยมันเรียบร้อย ว่าทีหลังอย่าได้หาทำ!”
หลังฉีเทียนหมิงทราบต้นสายปลายเหตุ มันก็เร่งส่งข้อความไปหาต้วนหลิงเทียนทันที
‘เข้าใจผิด?’
‘เป็นประมุขใหญ่ของนิกายอมตะเหอฮวน กงซุนเวิ่นฉิง คิดลองใจพี่เจียหลง…และตอนนี้ก็รับพี่เจียหลงเป็นศิษย์ปิดสำนักไปแล้ว?’
หลังได้ฟังข้อความที่ฉีเทียนหมิงส่งมา ต้วนหลิงเทียนก็ระบายลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก คิ้วที่ขดย่นเป็นปมด้วยความตึงเครียดมาครึ่งค่อนวัน ในที่สุดก็คลายตัว…
หลังจากคลายกังวลแล้ว เสียงดังเซ็งแซ่รอบๆที่เขาไม่สนใจมาตลอด ก็เริ่มเข้าหูเขา…
“ต้วนหลิงเทียน เจ้ามั่นใจว่าจะรักษาอันดับที่ 5 ไว้ได้จนจบหรือไม่?”
“ต้วนหลิงเทียน ตอนนี้ยังมียอดฝีมืออีกหลายคนที่ยังไม่ได้ลงมือ…เจ้าว่าเดือนนี้เจ้าจะติด 10 อันดับแรกได้รึเปล่า?”
…
ถึงแม้ในเวลาไม่ถึง 2 วันต้วนหลิงเทียนจะเก็บคะแนนสะสมได้เกือบ 300 แต้ม จนสามารถติดอันดับที่ 5 ในแดนสวรรค์ใต้โบราณได้…
อย่างไรก็ตามเหล่าศิษย์รวมถึงผู้อาวุโสของคฤหาสน์เฉวียนโยวก็รู้ดีแก่ใจ
ว่าทั้งหมดเป็นเพราะต้วนหลิงเทียนโชคดีพบเจอค่ายของคฤหาสน์หั่วหลี และคนของคฤหาสน์หั่วหลีก็มอบคะแนนให้เขาไม่น้อย
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้พลังฝีมือของต้วนหลิงเทียน เรียกว่าถูกมองออกบางส่วนแล้ว
ถึงถานหยวนของคฤหาสน์หั่วหลีจะถูกต้วนหลิงเทียนกำจัด แต่ทั้งหมดเป็นเพราะถานหยวนประมาทเอง
หาไม่แล้วด้วยความเร็วของถานหยวน หากรักษาระยะห่างระหว่างต้วนหลิงเทียนเอาไว้ดีๆ ย่อมสามารถหลบหนีไปต่อหน้าต่อตาต้วนหลิงเทียนได้ไม่ยาก
ด้วยเหตุนี้เหล่าผู้อาวุโสและเหล่าศิษย์ของคฤหาสน์เฉวียนโยวหลายคน จึงรู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนอาจจะไม่สามารถติดอยู่ใน 10 อันดับแรกได้ตลอดรอดฝั่ง…
เพราะสุดท้ายแล้ว กระทั่งถานหยวน ก็ใช่ว่าจะสามารถติดอยู่ใน 10 อันดับแรกได้ทุกเดือน
และถานหยวนนั่น หากไม่ประมาทต้วนหลิงเทียนแต่แรก ต้วนหลิงเทียนก็ไม่น่าจะจัดการมันได้
“5 อันดับแรก? 10 อันดับแรก?”
ได้ยินคำถามด้วยสีหน้าคลางแคลงสงสัยของเหล่าศิษย์และผู้อาวุโสคฤหาสน์เฉวียนโยวโดยรอบ มุมปากต้วนหลิงเทียนเพียงยกยิ้มทีเล่นทีจริง จากนั้นก็วูบร่างติดต่อกัน จนสุดท้ายก็ไปหยุดลงที่ค่ายกลเคลื่อนย้ายเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางในตำหนักเคลื่อนย้ายทันที
จากนั้นต้วนหลิงเทียนก็บดขยี้ยันต์อมตะสื่อสารทางวิญญาณชิ้นหนึ่ง ระหว่างรออะไรบางอย่าง เขาก็เริ่มกวาดตามองไปยังผู้คนที่จับจ้องมองมา สุดท้ายก็หยิบป้ายหยกสะสมคะแนนรวมถึงป้ายประจำตัวศิษย์ฝ่ายนอกของเขาออกมาและเปิดใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายทันที ร่างของเขาพลันวูบหายไปต่อหน้าต่อตาทุกคน
อย่างไรก็ตามก่อนเขาจะถูกส่งตัวไป ก็ได้กล่าวคำทิ้งท้ายเอาไว้ และเสียงที่เขากล่าวทิ้งไว้ก็เริ่มดังก้องไปทั่วตำหนักเคลื่อนย้ายหลังจากเขาถูกส่งตัวไปแล้ว
“เป้าหมายของข้าคืออันดับ 1!”
หลังเสียงต้วนหลิงเทียนดังขึ้น แม้ในตำหนักจะมีผู้คนมากมาย หากแต่บัดนี้กลับไร้แม้แต่เสียงลมหายใจ ทั้งหมดตกอยู่ในความเงียบงัน…
“อันดับ 1? ความทะเยอทะยานของต้วนหลิงเทียนผู้นี้ช่างสูงล้ำนัก!”
“พวกเจ้าว่าเป็นไปได้หรือไม่…ที่จนถึงตอนนี้ตวนหลิงเทียนยังปกปิดพลังฝีมือเอาไว้?”
“เป็นไปไม่ได้หรอก! หรือเจ้าลืมไปแล้วว่ามันยังอายุไม่ถึงร้อยปี หากพลังฝีมือตอนนนี้ยังมิใช่พลังฝีมือที่แท้จริง เช่นนั้นมันยังเป็นผู้คนจริงๆหรือ?”
“ไม่รู้ล่ะ ฟังจากที่ต้วนหลิงเทียนพูด ดูเหมือนจะมีความมั่นใจล้นปรี่…ช่างทำให้ข้าตั้งหน้าตั้งตารอดูชมเสียจริง!!”
“เว้นเสียแต่ต้วนหลิงเทียนจะพบเจอค่ายคฤหาสน์อมตะอื่นๆเหมือนที่พบเจอค่ายคฤหาสน์หั่วหลี…หาไม่แล้วเกรงว่าเรื่องจะได้อันดับ 1 คงยากเย็นยิ่ง!”
…
ถึงแม้วาจาที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวทิ้งท้ายไว้ก่อนถูกส่งตัวไปเมื่อครู่จะเปี่ยมล้นไปด้วความมั่นใจ
ทว่ามีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ที่เชื่อว่าเขาจะทำได้
บางคนยังคิดว่า…
ต้วนหลิงเทียนไม่พ้นคิดว่าตัวเองจะสามารถหาค่ายคฤหาสน์อมตะแห่งอื่นพบเจอ เหมือนที่หาค่ายคฤหาสน์อู่จ้านและค่ายคฤหาสน์หั่วหลีพบได้ในเวลาอันสั้น เลยเก็บคะแนนสะสมได้ง่ายๆ
อย่างไรก็ตาม ทุกคนไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนจะโชคดีเหมือนตอนพบเจอค่ายคฤหาสน์หั่วหลีอีกต่อไป…
เพราะคราวนี้ที่ต้วนหลิงเทียนได้รับคะแนนสะสมมากมายจากค่ายคฤหาสน์หั่วหลี ทั้งหมดเป็นเพราะคฤหาสน์หั่วหลียังไม่ล่วงรู้ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของต้วนหลิงเทียน!
แต่บัดนี้จากคำยืนยันของโม่ผิงจื่อ ทำให้คฤหาสน์หั่วหลีล่วงรู้พลังฝีมือที่แท้จริงของต้วนหลิงเทียนแล้ว อีกทั้งอารามขุ่นเคืองต้วนหลิงเทียน คฤหาสน์หั่วหลีก็แจกจ่ายข้อมูลดังกล่าวให้คฤหาสน์อมตะอื่นๆที่มีสัมพันธ์อันดีต่อกัน ด้วยหวังให้ต้วนหลิงเทียนถูกผู้อื่นทุบตีบ้าง!
ทำให้คฤหาสน์อมตะเหล่านั้นไม่มีทางผลีผลามยามถูกต้วนหลิงเทียนมาดักหน้าค่าย จนเป็นเหตุให้ส่งคะแนนสะสมให้ต้วนหลิงเทียนกินเปล่าอีกต่อไป
ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว ตอนนี้ต่อให้ต้วนหลิงเทียนพบเจอค่ายคฤหาสน์อมตะอื่นๆ ก็คงยากจะเก็บคะแนนสะสมได้ง่ายดายเหมือนเดิม
…
ณ แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง
เมื่อครู่ก่อนเปิดใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายเข้ามายังแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง ต้วนหลิงเทียนก็ใช้ยันต์อมตะสื่อสารทางวิญญาณติดต่อหาหว่านชิงชิง จนนัดแนะกันเรียบร้อย
ด้วยเหตุนี้พอเขามาถึงบริเวณใกล้ๆค่ายคฤหาสน์หั่วหลี ก็พบเจอหว่านชิงชิงที่มารออยู่ก่อน
“เสร็จเรื่องแล้วหรือ?”
เดิมทีหว่านชิงชิงคิดว่าอาจจะต้องรอต้วนหลิงเทียนสักหลายๆวัน แต่ไม่คิดเลยว่าหลังนางออกไปพักไม่นาน ต้วนหลิงเทียนก็ติดต่อกลับมาแล้ว
“พอดี…เป็นเรื่องเข้าใจผิดกันน่ะ”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหน้าไปมา
เขาไม่คิดเลยว่าจะมีเรื่องราวทำนอง ‘มังกรดำ’ ปรากฏขึ้นแบบนี้
(มังกรดำ,อูหลง มันเป็นชื่อของสุนัขในเรื่องสั้นเรื่องหนึ่งของจีนที่เกี่ยวข้องกับความภัคดี จึงอุปมาแทนความภัคดีซื่อสัตย์อะไรทำนองนี้)
และเขาไม่แปลกใจสักเท่าไหร่ที่หวงเจียหลงเลือกจะยอมตายไม่ยอมขายเขา เพราะเขาเห็นนานแล้วว่าหวงเจียหลงเป็นคนประเภทยอมตายไม่ยอมขายเพื่อน
อย่างไรก็ตามรู้ก็ส่วนรู้ พอมาได้รับทราบการกระทำครั้งนี้ของหวงเจียหลงจริงๆ ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอบอุ่นในใจ
ถึงแม้เขากับหวงเจียหลงจะเป็นสหายอันดีต่อกัน ทว่าเขากับอีกฝ่ายก็ไม่ได้ติดต่อกันนานแล้ว….
สาเหตุที่เขาไม่ได้ติดต่อไป ก็เนื่องเพราะกลัวจะรบกวนการบ่มเพาะของอีกฝ่าย
และเขารู้ว่าที่หลังๆหวงเจียหลงไม่ติดต่อมา ก็คงคิดเหมือนกันกับเขา
หลังจากห่างหายกันไปหลายปี เขาที่ไม่ได้เปลี่ยนไปพอพบว่าหวงเจียหลงเองก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเหมือนกัน จึงทำให้เขารู้สึกปลอดโปร่งโล่งใจนัก
นอกจากนั้นเขารู้ว่าการที่อยู่ๆประมุขใหญ่ของนิกายยอมตะเหอฮวนรับหวงเจียหลงเป็นศิษย์ปิดสำนักแบบนี้ ไม่พ้นต้องมีอะไรดลใจสักอย่างแน่นอน!
และเรื่องดลใจที่ว่า สิบในสิบไม่พ้นต้องเกี่ยวข้องกับเขา!
หาไม่แล้วไฉนอยู่ๆประมุขใหญ่ของนิกายอมตะเหอฮวน ถึงเลือกจะมาลองใจรับหวงเจียหลงเป็นศิษย์ปิดสำนักเอาตอนที่เขาได้อันดับที่ 5 ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางด้วย?
นอกจากนั้นก่อนจะรับหวงเจียหลงเป็นศิษย์ปิดสำนัก ยังทดสอบหวงเจียหลงเรื่องความสัมพันที่มีกับเขาอีก?
เหตุผลข้างต้นทั้งหมด บ่งชี้ชัดเจน ว่าการที่ประมุขใหญ่นิกายอมตะเหอฮวนรับหวงเจียยหลงเป็นศิษย์ปิดสำนักมันเกี่ยวข้องกับเขา!
‘หลังอยู่ครบกำหนดเวลาของแดนสวรรค์ใต้โบราณเดือนนี้แล้ว ให้ผู้เฒ่าฉีพาไปนิกายยอมตะเหอฮวนเลยก็ดี…อย่างไรเสียข้าก็ไม่เจอพี่เจียหลงนานแล้ว’
‘กล่าวไปแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เพราะอย่างน้อยๆก็เป็นแรงผลักดันให้พี่เจียหลง…ทั้งต่อไปหนทางในนิกายอมตะเหอฮวนของพี่เจียหลงคงราบรื่นขึ้นหลายส่วน’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ
“นี่ต้วนหลิงเทียน ข้าพึ่งจะมารู้เอาตอนออกไปแล้ว…ที่แท้เจ้าสามารถจัดการถานหยวนกับโม่ผิงจื่อของคฤหาส์หั่วหลีที่ร่วมมือได้ เจ้าช่างร้ายกาจยิ่ง…”
หว่านชิงชิงกล่าวด้วยน้ำเสียงทอดถอน
บางทีกระทั่งตัวหว่านชิงชิงเองก็ไม่รู้เลย ว่าสีหน้าทั้งน้ำเสียงที่นางใช้กับต้วนหลิงเทียนนั้น มันแตกต่างจากสีหน้าและน้ำเสียงที่นางใช้กับคนอื่น
ต่อหน้าคนอื่นนางมักเย็นชาไม่แยแสเสมอ กระทั่งแววตาท่าทียังทำราวกับจะผลักไสผู้อื่นให้ห่างออกไปนับพันลี้
แต่ตอนนี้กับต้วนหลิงเทียน นางไม่ได้แลดูเย็นชาอะไร
แน่นอนว่าหว่านชิงชิงก็ไม่ได้รู้ตัวเลย
กลับกัน ต้วนหลิงเทียนสังเกตเห็นว่าหว่านชิงชิงดูเหมือนจะคุยง่ายกว่าก่อนหน้านี้มาก เพราะไม่ได้แลดูเย็นชาเฉยเมย ไม่มีความรู้สึกเสมือนผลักไสผู้อื่นให้ล่าถอยไปพันลี้อีกต่อไป
“โม่ผิงจื่อไม่นับเป็นอะไร…แต่กับถานหยวนนั่นนับว่าข้าโชคดีจริงๆ”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาพลางกล่าว “ทั้งหมดเพราะถานหยวนประมาทเกินไป…ไม่งั้นหากมันเลือกจะหนีแต่แรก มันก็สามารถหนีไปต่อหน้าต่อตาข้าได้ไม่ยาก”
ถึงแม้ถานหยวนจะถูกเขากำจัดได้สำเร็จ แต่ต้วนหลิงเทียนรู้ดี ว่าทั้งหมดเป็นเพราะจังหวะมันได้…
หากถานหยวนไม่ประมาท เลือกที่จะระวังตัวแต่แรก เมื่อเห็นท่าไม่ดีก็เผ่นเลย มันคงรอดพ้นเงื้อมมือเขาได้ไม่ยาก
และนี่ยังเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เขาตัดสินใจร่วมมือกับหว่านชิงชิง
ถึงแม้ว่าความเร็วของเขาในตอนนี้จะไม่นับว่าช้า
อย่างไรก็ตาม หากคิดจะช่วงชิงอันดับสูงสุดของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง ความเร็วจะกลับกลายเป็นจุดอ่อนของเขา!
“ไปกันเถอะ…ตอนนี้ไม่ว่าเจอใครที่พวกเราสามารถเอาชนะได้ทั้งคู่ คะแนนของมันข้าจะยกให้เจ้าทั้งหมด”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวกับหว่านชิงชิง
ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะไม่ได้รับคำเตือนจากหว่านชิงชิง เขาก็คงพบเจอกับถานหยวนโม่ผิงจื่อและเหล่าศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีทั้งหลายหน้าค่ายคฤหาสน์หั่วหลีอยู่ดี..กระทั่งอาจจะพบมากกว่าด้วยซ้ำ!
อย่างไรก็ตาม การพบเจอที่ว่า….จะไม่ใช่การทยอยพบเจอทีละไม่กี่คนแบบนี้! และถ้าเขาพบเจอพวกมันเป็นกลุ่มใหญ่ ถึงตอนนั้นหากเกิดการปะทะขึ้นมา ด้วยความที่จุดปะทะสมควรเกิดขึ้นหน้าค่าย ถานหยวนที่เห็นท่าไม่ดีก็อาจหลบหนีกลับไปในค่ายได้ทันท่วงที!
สำหรับโม่ผิงจื่อกับคนอื่นๆนั้น ต้วนหลิงเทียนมั่นใจว่าจะหยุดพวกมันไม่ให้หนีไปไหนได้ทัน
ด้วยเหตุนี้ต้วนหลิงเทียนจึงรู้สึกติดค้างหว่านชิงชิง
“เจ้าไม่ต้องรู้สึกว่าติดค้างอะไรข้าหรอก…เผลอๆหากไม่มีข้าเตือน เจ้าอาจจะกำจัดพวกมันได้มากกว่านี้ด้วยซ้ำ!”
ได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน หวว่านชิงชิงก็รู้ว่าต้วนหลิงเทียนคิดจะตอบแทนให้นาง
ก่อนหน้านี้เป็นเพราะนางกลัวว่าหากถานหยวนกับโม่ผิงจื่อร่วมมือกัน ต้วนหลิงเทียนอาจสู้พวกมันไม่ได้
แต่ตอนนี้นางรู้แล้ว
ว่าต่อให้ถานหยวนกับโม่ผิงจะจะร่วมมือกันก็ยังสู้ต้วนหลิงเทียนไม่ได้
สำหรับศิษย์คนอื่นๆของคฤหาสน์หั่วหลีนั้น ไม่ต่างอะไรจากทหารเลวไม่คู่ควรให้กล่าวถึง
“ถึงเจ้าจะว่าอย่างนั้น แต่ถ้าพวกมันรวมคนมาเยอะๆและปะทะกันหน้าค่ายคฤหาสน์หั่วหลี ก็ไม่แน่ว่าข้าจะจัดการถานหยวนได้ง่ายๆ…”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวพลางกล่าวออกด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ “หากเจ้าไม่เห็นด้วย…ข้าก็รู้สึกกระดากใจเรื่องร่วมมือกัน”
“ก็ได้”
เห็นความแน่วแน่ของต้วนหลิงเทียน หว่านชิงชิงก็ไม่กล้าปฏิเสธอีก
อย่างไรก็ตามในใจนางรู้สึกซาบซึ้งไม่น้อย
เพราะนางรู้ดีว่าต้วนหลิงเทียนไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ก็ได้
อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนยังเลือกกระทำ