“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้เป็นใครกัน อยู่ๆก็ปรากฏขึ้นในอันดับที่ 65 และดูเหมือนจะเป็นคนกำจัดเฮยชาได้อีก?”
ไม่ว่าใครก็ตามในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงที่พึ่งตรวจสอบป้ายหยกประจำตัวดู ต่างอดไม่ได้ที่จะแปลกใจสงสัย
เพราะอยู่ๆก็มีชื่อแปลกตาหนึ่งปรากฏขึ้นในตารางจัดอันดับ แถมยังอยู่ติดอยู่ใน 70 อันดับแรกทันที!
ที่สำคัญหากดูจากคะแนนสะสมของเฮยชาที่พึ่งถูกจัดการไป คนผู้นี้สมควรมีคะแนนสะสมอยู่กับตัวก่อนแล้ว 30 แต้ม จึงทำให้คะแนนสะสมเกิน 200 แต้มในคราวเดียว
“เดิมที เฮชานั่นอยู่ในอันดับที่ 69…แต่เจ้านี่หลังจัดการเฮยชา มันก็ขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 65 ทันที”
“คนที่จัดการเฮยชาได้ ย่อมไม่ใช่ชนชั้นต่ำทรามไร้ชื่อเสียง…ด้วยพลังฝีมือของมัน ไม่ควรไม่เป็นที่รู้จักในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง แต่ไฉนข้ากลับไม่เคยได้ยินชื่อมันมาก่อนเลย?”
“ช้าก่อน ต้วนหลิงเทียนหรือ? ไฉนชื่อนี้คุ้นหูข้านักนะ…”
“ต้วนหลิงเทียน…ต้วนหลิงเทียน…ข้าจำได้ว่าเมื่อ 30 ปีก่อน มีศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวคนหนึ่งที่โด่งดังขึ้นมาในเวลาสั้นๆนามว่าต้วนหลิงเทียนเหมือนกันใช่ไหม?”
“ใช่ ข้าจำได้แล้ว…หรือพวกมันจะเป็นคนๆเดียวกัน?”
“เพ่ย! พวกเจ้าเหลวไหลใหญ่แล้ว นั่นจะเป็นไปได้ยังไง! ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่พลังฝีมือทั้งสองคนต่างกันราวนรกสวรรค์เลย…เจ้าคิดว่าคนที่ยังอยู่ในขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศเมื่อ 30 ปีก่อน มันจะใช้เวลาฝึกฝนแค่ 30 ปีก็สามารถเอาชนะเฮยชาได้แล้วรึ? น่าขัน!!”
“จริง เฮยชานั่นจะอย่างไรก็เป็นดั่งทหารเฒ่าผ่านศึกมามาก มันวนเวียนอยู่ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงเพราะอยากได้ผลไม้อมตะเพื่อทะลวงผ่านขอบเขตราชาอมตะ 10 ทิศมาเป็นพันๆปีแล้ว ต่อให้มันจะยังไม่เข้าใจความลึกซึ้งถึงขั้นตอนเล็กน้อยสักประการ…แต่หากไม่ใช่ราชาอมตะ 10 ทิศและเข้าใจความลึกซึ้งประการใดถึงขั้นตอนเล็กน้อย! ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะมัน!!”
…
ตอนนี้ในเขตปลอดภัยต่างๆของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงนับว่าคึกคักกันมาก
ทั้งหมดเพราะอยู่ๆก็มีชื่อแปลกๆ ปรากฏขึ้นในอันดับที่ 65 ของตารางจัดอันดับ
“ต้วนหลิงเทียน?”
คนของคฤหาสน์เฉวียนโยวที่อยู่ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงทั้งหลายก็ถึงกับผงะไปทันที เมื่อเห็นชื่อดังกล่าวในอันดับที่ 65 ของตารางอันดับ
อย่างไรก็ตาม พวกมันไม่กล้านำต้วนหลิงเทียนในรายชื่อ ไปเชื่อมโยงกับต้วนหลิงเทียนที่เป็นศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวของพวกมัน
ถึงแม้ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนของคฤหาสน์เฉวียนโยวพวกมันจะกลายเป็นผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย และมีสถานะเหนือกว่าศิษย์หลักไปแล้ว…
แต่ในเวลาเพียงแค่ 30 ปี ขุนนางอมตะ 10 ทิศคนหนึ่งก็ไม่มีทางก้าวหน้าได้รวดเร็วถึงขนาดนี้ไม่ใช่หรือไง?
นี่คือสามัญสำนึกของคนคฤหาสน์เฉวียนโยว
“ต้วนหลิงเทียน!”
จางอวิ๋นถิง ราชาอมตะ 10 ทิศของเผ่าจิ้งจอกมายา เดิมกำลังมุ่งหน้าไปตามทางที่คาดว่าต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อน่าจะไป ระหว่างทางมันที่ลองตรวจสอบอันดับในป้ายดู ก็พบชื่อต้วนหลิงเทียนเช่นกัน
“ไม่คิดเลยว่าสตรีที่พวกเราสงสัยยว่าจะเป็นจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายานางนั้นจะร้ายกาจถึงขนาดนี้…กระทั่งเฮยชานั่นยังเสียท่านาง!”
จางอวิ๋นถิงกล่าวพึมพำออกมาพลางถอนหายใจ
เห็นได้ชัดว่าจางอวิ๋นถึงไม่คิดว่าเฮยชาจะถูกต้วนหลิงเทียนกำจัด แต่สมควรเป็นฮ่วนเอ๋อที่ลงมือกำจัด และปล่อยให้ต้วนหลิงเทียนได้คะแนนมากกว่า
ที่ไฉนจางอวิ๋นถิงถึงคิดไปทำนองดังกล่าว เพราะเมื่อ 30 ปีก่อนมันก็ได้พบเจอต้วนหลิงเทียน และล่วงรู้เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนพึ่งทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิด
เวลาพึ่งจะผ่านมา 30 ปี ต่อให้ต้วนหลิงเทียนจะมีศักยภาพและพรสวรรค์สูงล้ำถึงขนาดไหน เต็มที่ก็คงทะลวงถึงแค่ราชาอมตะ 2 ยศเท่านั้น และไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องเอาชนะด้วยซ้ำ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีพลังต่อกรกับเฮยชาได้!!
เพราะกระทั่งตัวมันเอง เมื่อหลายพันปีก่อนตอนที่ยังไม่เข้าใจความลึกซึ้งถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อย อย่างดีมันก็ทำได้แค่สูสีกับเฮยชาเท่านั้น
“สตรีนางนั้นยามเอาชนะจวินวั่งเฉินศิษย์หลักของนิกายวิถีวายุอัสนี ก็ไม่ได้ใช้อุปกรณ์อมตะ…มาตอนนี้ยังสามารถเอาชนะเฮยชาได้อีก ดูเหมือนว่าต่อให้เป็นข้า ก็ไม่น่าจะเอาชนะนางได้”
สีหน้าจางอวิ๋นถิงเริ่มเปลี่ยนเป็นจริงจัง
มันไม่คิดว่าฮ่วนเอ๋อจะไร้อุปกรณ์อมตะระดับจอมราชัน ด้วยตำแหน่งของต้วนหลิงเทียนในคฤหาสน์เฉวียนโยว ไม่ยากเลยที่จะหาอุปกรณ์อมตะจอมราชันให้ฮ่วนเอ๋อที่อยู่ข้างกาย
“อย่างไรก็ตาม ต่อให้ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง แต่ก็คงประมือกับนางได้อยู่…หากท่าไม่ดีจริงๆ ก็สมควรมีเวลาให้ข้าทุบทำลายป้ายหยกเพื่อหลบหนีได้ทัน”
คิดถึงจุดนี้ จางอวิ๋นถิงก็พอได้ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
หากเป็นเมื่อก่อน ถ้ามีใครมาบอกมันว่ามีราชาอมตะ 6 ผสานที่ร้ายกาจพอจะสู้กับมันได้ มันคงหัวเราะขบขันและไม่มีวันเชื่อแน่…
แต่วันนี้มันไม่อาจไม่เชื่อ!
…
ด้านต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อ ก็ยังคงเดินทางด้วยการมุ่งหน้าตรงแด่ว เพราะต้วนหลิงเทียนเองก็ไม่รู้จะไปทางไหน จึงได้แต่เลือกมุ่งหน้าตรงไปเรื่อยๆจนสุดทางก่อน ค่อยว่ากัน
ตอนนี้ทั้งคู่ก็ไม่ได้รู้เลยว่ามีคนของเผ่าจิ้งจอกมายากำลังเร่งุรดไล่ตามมา จนใกล้ถึงแล้ว
และหลังจากที่จัดการกับเฮยชาจนติดอันดับ 65 ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้ลงมืออีก แต่ปล่อยให้ฮ่วนเอ๋อสู้เก็บคะแนนทั้งหมด
ทุกคนที่พบเจอตามทาง ก็ถูกฮ่วนเอ๋อทุบตีจัดการทั้งหมด
และเมื่ออันดับของฮ่วนเอ๋อค่อยๆไต่ขึ้นมาเรื่อยๆ ยิ่งมาชื่อเสียงของนางในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงก็ยิ่งโด่งดังขึ้นทุกขณะ
“หืม?”
และในขณะที่ฮ่วนเอ๋อกำลังจะเหินร่างกลับมาหาต้วนหลิงเทียน หลังจัดการคู่ต่อสู้ได้แล้วเสร็จอีกคน ต้วนหลิงเทียนก็คล้ายจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง ลูกตาเขาหดเล็กลง
ฮ่วนเอ๋อเองก็หันไปมองตามสายตาต้วนหลิงเทียนทันที
“ผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยต้วน…พวกเราพบกันอีกแล้ว”
จากด้านหลังไกลๆ ปรากฏร่างในชุดสีเทาหนึ่งเหินมาฉับไว ก่อนจะมาหยุดลงไม่ใกล้ไม่ไกล มองกล่าวทักทายต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้มบางๆ
“ผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยต้วน อย่างไรพวกเราก็มิได้พบกันมา 30 ปีแล้ว มิทราบท่านลืมชายชราผู้นี้ไปแล้วหรือยัง?”
ชายชรายิ้มถาม
“เจ้า…เป็นคนที่มากับ จางตงหนาน หัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายาในตอนนั้น?”
มองสำรวจชายชราปราดเดียว ต้วนหลิงเทียนก็จดจำได้ว่าอีกฝ่ายคือ 1 ใน 2 ชายชราที่ยืนประกบด้านหลังจางตงหนาน หัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายาสาขาแดนสวรรค์ใต้ ที่เขาเคยเจอเมื่อ 30 ปีก่อน
อย่างไรก็ตาม เขาไม่คิดเลยว่าจะมาเจอชาชราอีกครั้งที่นี่
“คราวก่อนเพราะท่านหัวหน้าเผ่าอยู่ด้วย ข้าจึงไม่อาจกล่าววาจาใด…เช่นนั้นวันนี้ข้าขอแนะนำตัวเองให้ผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยต้วนทราบก่อน ข้าเรียกว่า จางอวิ๋นถิง เป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งของเผ่าจิ้งจอกมายา”
ชายชรากล่าว
“จางอวิ๋นถิง?”
ได้ยินคำแนะนำตัวของชายชรา สองตาต้วนหลิงเทียนก็หรี่ลงทันที ยังประหลาดใจอยู่บ้าง “เจ้าคือ จางอวิ๋นถิง ที่รั้งอยู่ในอันดับที่ 52 ของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงน่ะรึ?”
เมื่อราวๆ 2 ชั่วยามก่อนเขาพึ่งจะตรวจสอบอันดับในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง และเห็นชื่อ จางอวิ๋นถิง ติดอยู่ในอันดับที่ 52
อย่างไรก็ตาม ตอนนั้นเขาไม่ทันคิด
ว่าจางอวิ๋นถิง จะเป็น 1 ใน 2 ชายชราที่ติดตามจางตงหนานหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายาที่เขาเคยเจอมาก่อน
ขณะเดียวกันต้วนหลิงเทียยก็สังเกตเห็นว่าสายตาของจางอวิ๋นถิงจับจ้องมายังฮ่วนเอ๋อข้างๆกายเขาไม่วางตา สีหน้าท่าทีของเขาจึงเปลี่ยนเป็นจริงจังทันที
ลึกลงไปในแววตา พลันปรากฏจิตสังหารเรืองขึ้นวาบหนึ่ง!
ถึงแม้จางอวิ๋นถิงไม่น่าจะมองออกว่าฮ่วนเอ๋อเป็นจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา แต่อีกฝ่ายไม่พ้นต้องระแคะระคายสงสัยเหมือน 2 คนที่ลอบติดตามฮ่วนเอ๋อก่อนหน้าแน่นอน
นับว่าโชคดีอยู้บ้าง ที่ด่านพลังของฮ่วนเอ๋อทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะแล้ว
เพราะสุดท้ายจางอวิ๋นถิงก็เป็นเพียงราชาอมตะ 10 ทิศ ซึ่งอยู่ในขอบเขตราชาอมตะดุจเดียวกัน แม้สำนึกเทวะจะมีความต่างกันอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้แตกต่างมากมายอะไร
“แม่นางน้อยท่านนี้สมควรเป็นคนสังหารศิษย์หลักนิกายวิถีวายุอัสนี จวินวั่งเฉิน และจัดการเฮยชาได้ใช่หรือไม่?”
จางอวิ๋นถิงที่มองฮ่วนเอ๋ออยู่ กล่าวถามออกมาด้วยรอยยิ้ม
อย่างไรก็ตามฮ่วนเอ๋อไม่ได้ตอบอะไรมัน กระทั่งไม่ได้สนใจมันเลย เพราะในหูนางปรากฏเสียงผ่านพลังของต้วนหลิงเทียนส่งมาถึง และเป็นการบอกให้รู้ว่าชายชราที่อยู่เบื้องหน้า ก็คือคนของเผ่าจิ้งจอกมายาที่เป็นภัยต่อนาง
เห็นฮ่วนเอ๋อเมินใส่ ชายชราก็ไม่ได้ใส่ใจ “แม่นางน้อย ตอนนี้ข้าเองก็อยู่ในอันดับที่ 52…พวกเรามาประลองกันหน่อยเป็นไร?”
“หากท่านเอาชนะข้าได้ เช่นนั้นท่านก็จะได้คะแนนสะสมของข้า จนพุ่งขึ้นไปติด 50 อันดับแรกได้ทันที”
จางอวิ๋นถิง เริ่มท้าฮ่วนเอ๋อสู้
ในสายตามัน ต่อให้จะไม่อาจยืนยันตัวตนของอีกฝ่ายได้ชัดเจน ว่าใช่จิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาจริงหรือไม่ แต่หากมันทำให้อีกฝ่ายลงมือเต็มกำลังได้ ไม่แน่ว่าอีกฝ่ายอาจเปิดเผยความสามารถเฉพาะตัวอะไรออกมา
แต่ให้จะไม่เปิดเผยความสามารถเฉพาะตัว แต่อย่างน้อยๆกลิ่นอายพลังก็ต้องแผ่ซ่านออกมาจากร่างนางแน่นอน
ถึงตอนนั้นมันก็อาจะยืนยันได้แน่ชัด ว่าที่แท้นางใช่หรือไม่ใช่จิ้งจอกน้ำแข็งพันมายากันแน่!
ด้วยวิธีนี้ หน้าที่ที่มันได้รับมอบหมายมาก็จะลุล่วงไปด้วยดี
ถึงตอนนั้นต่อให้มันจะถูกกำจัดออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงก็ถือว่าคุ้ม!
‘ขอเพียงข้าสามารถยืนยันได้ว่านางคือจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา หลังออกไปรายงานเรื่องนี้ให้ท่านหัวหน้าเผ่าจนท่านนำไปรายงานเบื้องบนอีกที สุดท้ายทางเผ่าหลักต้องส่งยอดฝีมือลงมาชิงตัวนางจากคฤหาสน์เฉวียนโยวได้แน่!’
จางอวิ๋นถิงลอบกล่าวในใจ
และพอคิดถึงเรื่องที่เผ่าของมันกำลังจะได้รับการตกรางวัลอย่างงามจากเผ่าหลัก เพราะสามารถแจ้งเบาะแสสำคัญอันนำไปสู่การจับกุมตัวจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาได้ ใจอันร้อนรุ่มของจางอวิ๋นถิงก็เต้นระรัวปานกลองศึก
แน่นอนว่ามันรู้ดีว่าของรางวัลที่จะได้รับนั้น เนื้อไม่พ้นต้องถูกหัวหน้าเผ่ารับประทาน อย่างดีมันก็ได้แค่ดื่มกินน้ำแกงเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ขอแค่มันได้ปันน้ำแกงสักถ้วย มันก็พอใจแล้ว
เพราะของรางวัลนั่นมันล่อใจเกินไป!
“ฮ่วนเอ๋อในเมื่อมันท้าประลองกับเจ้า เช่นนั้นเจ้าก็สู้กับมัน…อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เจ้าประมือกับมันอย่าได้ใช้วิชาใดๆของจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาเด็ดขาด รวมถึงไม่ต้องใช้วิชาของเผ่าจิ้งจอกมายาธรรมดาด้วย จงใช้แต่ความลึกซึ้งของกฏมิติที่เจ้าเข้าใจเสีย และหากไม่อาจจัดการมันได้ด้วยกฏมิติ ก็ใช้แหวนอมตะคู่นั้นได้เลย”
ต้วนหลิงเทียนไม่รู้ว่าพลังฝีมือของจางอวิ๋นถิงนั้นเป็นอย่างไร แต่หากประเมินจากอันดับที่ 52 ของอีกฝ่าย ก็พอจะคาดเดาได้ ว่าพลังฝีมือของอีกฝ่ายไม่ใช่ชนชั้นต่ำทรามแน่แท้
อย่างน้อยๆก็ต้องเหนือกว่าเฮยชา
เผลอๆอาจจะเข้าใจความลึกซึ้งประการใดประการหนึ่งของกฏ ถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยแล้ว…
“อย่างไรก็ตาม หากเจ้าพบว่าพลังฝีมือของมันอ่อนด้อยกว่าเจ้า ก็อย่าได้เร่งรีบจัดการมัน…ทางที่ดีให้เจ้ายั้งมือและรบเร้าพัวพันกับมันไปสักพัก ให้มันหลงคิดไปว่าพลังฝีมือเจ้าพอๆกับมัน”
ต้วนหลิงเทียนส่งเสียงผ่านพลังสืบต่อ
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าทำไมต้วนหลิงเทียนถึงบอกให้นางทำแบบนี้ แต่ฮ่วนเอ๋อก็ไม่คลางแคลงสงสัยในคำพูดพี่หลิงเทียนของนางเลย เพราะนางเชื่อว่าที่พี่หลิงเทียนของนางบอกให้ทำแบบนี้ ต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่างแน่นอน
ส่วนจะเป็นอะไร นางไม่จำเป็นต้องรู้
ครืน! ครืน! ครืน! ครืน! วูบ!!
…
แทบจะทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวผ่านพลังจบ พลังเซียนยอมตะต้นกำเนิดอันผสานหลอมรวมกับพลังธาตุมิติของฮ่วนเอ๋อก็เริ่มพรั่งพรูออกมา จากนั้นคนก็ใช้เคลื่อนมิติวูบร่างหายไปปรากฏห่างจากจางอวิ๋นถิง 100 หมี่ จับจ้องมองไปยังจางอวิ๋นถิงด้วยสายตาเฉยเมย
“ในเมื่อเจ้าท้าข้า เช่นนั้นก็ทิ้งคะแนนของเจ้าไว้เถอะ”
เสียงไพเราะน่าฟังของฮ่วนเอ๋อดังขึ้น แฝงความเย็นชาเอาไว้ไม่น้อย
“หากแม่นางน้อยต้องการคะแนนข้า เช่นนั้นก็เอาชนะข้าให้ได้เสียก่อน”
จาอวิ๋นถิงกล่าวเสียงเรียบ
และพอกล่าวจบคำ จางอวิ๋นถิงก็ลงมือทันที พลังลุกโชนขึ้นมาท่วมร่างดั่งเปลวเพลิง ดุจเดียวกับเฮยชาที่ประมือกับต้วนหลิงเทียนก่อนหน้า มันก็ใช้กฏแห่งไฟเช่นกัน!
อย่างไรก็ตามพลังของจางอวิ๋นถิงนั้น เหนือกว่าเฮยชาอย่างเห็นได้ชัด
‘ความลึกซึ้งแผดเผาขั้นตอนเล็กน้อย?’
หลังชมดูจางอวิ๋นถิงประมือกับฮ่วนเอ๋อไปสักพัก และเห็นชัดว่ามันสมควรใช้พลังเต็มที่แล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่ต้วนหลิงเทียนจะมองออกว่ามันเข้าใจความลึกซึ้งแผดเผาของกฏแห่งไฟถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อย