WSSTH ตอนที่ 3,255 : ผู้อาวุโสฟงชิงหยางยังมีชีวิตอยู่?
“ขุมกำลังระดับสวรรค์?”
ในขณะที่สีหน้าฮ่วนเอ่อเปลี่ยนเป็นไม่สู้ดีหลังได้ยินคำพูดของจางฮั่นเทียน ด้านต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองถามจางฮั่นเทียนซ้ำด้วยสีหน้าจริงจังเสียงเครียด
“มิผิด ตู้เสวียนเดินทางไปยังวังเทียนฉือแห่งอู๋หยาเทียนด้วยตัวเอง…เพราะบิดาของเจ้าถูกขุมกำลังของตัวจับส่งไปยังวังเทียนฉือ…”
ขณะกล่าวประโยคท้าย จางฮั่นเทียนก็หันไปมองฮ่วนเอ๋อ
“วังเทียนฉือ?”
ได้ยินชื่อขุมกำลังระดับสวรรค์ดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อที่ไม่รู้จักจึงไม่รู้สึกอะไรมากมาย ทว่าสีหน้าท่าทีของจูเก่ออวิ๋นที่อยู่ข้างๆได้เปลี่ยนไปทันที
กระทั่งท่าทางของจูเก่อฟงยังฉายชัดถึงความเคร่งเครียด
ขณะนั้นเองต้วนหลิงเทียนที่หันหน้ามาด้วยคิดจะถามจูเก่อฟงกับจูเก่ออวิ๋นว่ารู้จักวังเทียนฉือที่ว่าหรือไม่ ก็พบว่าสีหน้าของทั้งคู่เปลี่ยนไป เขาจึงตระหนักได้ทันที ว่าไม่เพียงแต่ทั้งคู่จะรู้จัก กระทั่งสิบในสิบวังเทียนฉือที่ว่า มันหาได้ง่ายดายไม่!
“ผู้นำสายทั้ง 2…จากท่าทีของพวกท่านที่ผิดปกติไปทันทีแบบนี้ หรือวังเทียนฉือที่ว่ามันร้ายกาจมาก?”
ต้วนหลิงเทียนถาม
“ต้วนหลิงเทียน”
จากนั้นจูเก่ออวิ๋นที่มีท่าทีผ่อนคลายลงเล็กน้อย ก็หันไปมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ “ความแข็งแกร่งของวังเทียนฉือนั้น กล่าวไปแล้วอย่างดีก็ถือว่าอยู่ในระดับกลางๆของขุมกำลังระดับสวรรค์ทั้งหลายเท่านั้น…ทว่าสิ่งที่น่ากลัวที่สุดของวังเทียนฉือไม่ใช่ขุมพลังของพวกมันเอง แต่เป็นความสัมพันธ์กับจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียนต่างหาก!”
“และจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียนที่ว่า…ก็คือปู่แท้ๆของมารดาผู้ให้กำเนิดเจ้าวังเทียนฉือคนปัจจุบัน!”
“นอกจากนั้น จักรพรรดิสวรรค์ผู้ปกครองแดนอู๋หยาเทียนนั่น ยังเป็นยอดฝีมือที่ติดอยู่ใน 10 อันดับแรก ของรายนามจักรพรรดิสวรรค์แห่งระนาบเทวโลกทั้งเก้าเก้า 81 ระนาบ พลังฝีมือของมันนับว่าอยู่ในระดับแนวหน้าของจักรพรรดิสวรรค์ทั้งหลาย”
“นี่คือขุมพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่อยู่เบื้องหลังวังเทียนฉือ…”
จูเก่ออวิ๋นกล่าว
“เป็นเช่นนั้น”
ต้วนหลิงเทียนยังไม่ทันได้พูดอะไร จางฮั่นเทียนก็พยักหน้าเห็นด้วย และกล่าวเสริมออกมาว่า “นอกจากนั้น อัจฉริยะหญิงที่บุรุษของตู้เสวียนปฏิเสธการหมั้นหมายไปนางนั้น ก็คือลูกสาวของจ้าววังเทียนฉือคนปัจจุบัน…”
“ว่ากันว่าลูกสาวของเจ้าวังเทียนฉือนางนั้น ยังเป็นดั่งแก้วตาดวงใจของจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียนอีกด้วย…พอบุรุษของตู้เสวียนล้มเลิกการหมั้นหมายกับนางโดยพลการ จึงกล่าวได้ว่าล่วงเกินไปถึงตัวตนระดับจักรพรรดิสวรรค์ผู้หนึ่ง เช่นนั้นต่อให้ขุมกำลังของบุรุษตู้เสวียนเองก็เป็นขุมกำลังระดับสวรรค์เช่นกัน พวกมันก็ไร้หนทางเลือกอื่น นอกจากขับไล่บุรุษผู้นั้นออก และจับตัวคนส่งไปให้วังเทียนฉือลงโทษแต่โดยดี….”
เห็นได้ชัดว่าจางฮั่นเทียนล่วงรู้เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับตู้เสวียนเป็นอย่างดี
“จักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียน…ยอดฝีมือที่ติด 1 ใน 10 ของรายนามจักรพรรดิสวรรค์เช่นนั้นรึ?”
ต้วนหลิงเทียนเองก็มาถึงระนาบเทวโลกได้ 200 กว่าปีแล้ว เขาย่อมล่วงรู้เรื่องราวทั่วไปในระนาบเทวโลกหลายประการ
ในบรรดาเรื่องราวที่ว่าก็มี ‘รายนามจักรพรรดิสวรรค์’ รวมอยู่ด้วย นั่นคือรายนามอันดับพลังฝีมือของจักรพรรดิสวรรค์ทั้งเก้าเก้า 81 ระนาบ!
ถึงแม้เขาจะไม่เคยเห็นรายนามที่ว่ากับตา แต่ก็รู้ว่ามันมีอยู่จริงๆ และรู้ว่ามีเพียงตัวตนระดับจักรพรรดิสวรรค์ทั้ง 81 แดนสวรรค์เท่านั้น ที่จะปรากฏชื่ออยู่ในรายนามดังกล่าวได้
ในระนาบเทวโลกทั้งมวล มีจักรพรรดิสวรรค์คนไหนที่ไม่ใช่ตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในระนาบเทวโลกของตัว?
เช่นนั้นการจะถีบตัวให้ขึ้นไปติดอยู่ใน 10 อันดับแรกของรายนามจักรพรรดิสวรรค์ได้ ก็บ่งบอกให้รู้แล้วว่าพลังฝีมือนั้น ต้องร้ายกาจเพียงใด!
‘จักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียน สามารถติดอยู่ใน 10 อันดับแรกของรายนามจักรพรรดิสวรรค์ได้…เช่นนั้นหมายความว่าในบรรดาจักรพรรดิสวรรค์ทั้งเก้าเก้า 81 ระนาบ พลังฝีมือของมันร้ายกาจจนติดอยู่ 10 อันดับแรก!’
พอคิดถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ไม่ยากเลยที่เขาจะประมาณได้ว่าจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียนที่ว่าทรงพลังขนาดไหน
“ฮ่วนเอ๋อ”
ต้วนหลิงเทียนกุมมือฮ่วนเอ๋อเอาไว้แน่น เขาย่อมสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ฮ่วนเอ๋อในเวลานี้
“สำหรับขุมกำลังระดับสวรรค์ที่บุรุษของตู้เสวียนเคยอยู่ มันเรียกว่า ‘ขุนเขากระบี่ฟ้า’ เป็นขุมกำลังที่ตั้งรกรากอยู่ในระนาบจี้เมี่ยเทียน…”
พอจางฮั่นเทียนกล่าวถึงจุดนี้ มันก็หันไปมองจูเก่ออวิ๋นเล็กน้อย “ใต้เท้าจูเก่อทั้งสอง ก็คงรู้ดีว่าขุมกำลังนี้เป็นขุมกำลังของเหล่าเซียนกระบี่กระมัง?”
“อืม”
จูเก่ออวิ๋นพยักหน้า “จักรพรรดิสวรรค์แห่งจีเมี่ยเทียนส่วนใหญ่แล้ว ล้วนเป็นเซียนกระบี่ทั้งสิ้น…ด้วยเพราะเป็นคนบนหนทางเดียวกัน เช่นนั้นจี้เมี่ยเทียนก็เป็นดั่งแดนสวรรค์ของเหล่าเซียนกระบี่ก็ว่าได้ ขุมกำลังส่วนใหญ่ก็ล้วนเต็มไปด้วยมือกระบี่อันร้ายกาจ”
“จี้เมี่ยเทียน?”
พอได้ยินจางฮั่นเทียนกับจูเก่ออวิ๋นกล่าวถึงระนาบจี้เมี่ยเทียน ร่างต้วนหลิงเทียนก็อดสะท้านไปไม่ได้ และเขาก็นึกถึงจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน ฟงชิงหยาง ที่นับได้ว่ามีชะตาข้องเกี่ยวกับเขาอย่างแยกไม่ออกขึ้นมาทันที
ฟงชิงหยางนั้น ถึงแม้เขาจะไม่เคยพบเคยเจออีกฝ่าย แต่เขาก็นับถืออีกฝ่ายเป็นอาจารย์แล้ว
จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ ทั้งหมดเพราะเขาได้รัสืบทอดเคล็ดบำเพ็ญจิตเต๋ากระบี่สูงสุดอย่าง ‘ยอดใจกระบี่’ ที่ฟงชิงหยางเหลือทิ้งไว้…
เมื่อไม่นานมานี้ ตอนอยู่ในนิกายกระบี่หมื่นหายนะ ที่เขากล่าวบอกจูเก่อฟงไปแต่แรกว่าไม่อาจรับผู้ใดเป็นอาจารย์ได้อีก ทั้งหมดเป็นเพราะฟงชิงหยาง
‘ข้าหวังเพียงว่าอาวุโสฟงชิงหยางจะไม่เกิดเรื่องอะไรในนรกอสุรา…หาไม่แล้วสักวันไม่เพียงแต่ข้าจะฆ่าอวิ๋นชิงเหยียนนั่น แต่ข้าจะล้างบางทั้งโคตรตระกูลอวิ๋นของมันให้สิ้นซาก!’
พอคิดถึงฟงชิงหยาง สองตาต้วนหลิงเทียนก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา รังสีฆ่าฟันเอ่อล้นออกมาขุ่นคลั่ง แลดูดุร้ายปานจะกลืนกินเลือดเนื้อผู้คน
“ข้าเองก็รู้เพียงเท่านี้ล่ะ”
จางฮั่นเทียนส่ายหัวไปมาด้วยรอยยิ้มขื่นขม จากนั้นก็หันไปมองกล่าวฮ่วนเอ๋อ พลางโน้วน้ามออกมาว่า “แม่นางน้อย เรื่องบิดามารดาของท่าน ข้าเกรงว่ามันมิใช่เรื่องที่ท่านจะสามารถทำอะไรได้ในตอนนี้”
“อย่างไรก็ตาม…มารดาของท่านยังมีชีวิตอยู่แน่นอน”
กล่าวถึงจุดนี้ จางฮั่นเทียนก็สะบัดมือเรียกลูกแก้ววิญญาณออกมา และยื่นส่งให้ฮ่วนเอ๋อ “นี่เป็นลูกแก้ววิญญาณมารดาท่าน”
“ท่านแม่…”
ฮ่วนเอ๋อยื่นมือออกไปรับลูกแก้ววิญญาณ จากนั้นก็ถือมันไว้ด้วยสองมือ ก่อนหยาดน้ำใสจะไหลพรากออกมาจากดวงตาคู่งามของนาง
“แม่นางน้อย ข้าขอบังอาจแนะนำท่านเรื่องหนึ่ง…ก่อนที่ท่านจักมีพลังทัดเทียมจักรพรรดิอมตะสมญานาม ทางที่ดีขอท่านอย่าได้ก่อการวู่วามเด็ดขาด!”
จางฮั่นเทียนไหนเลยจะมองไม่ออก ว่าในแววตาของฮ่วนเอ๋อเต็มไปด้วยความปรารถนอันแรงกล้าที่จะเดินทางไปยังวังเทียนฉือในอู๋หยาเทียนเพื่อตามหาตู้เสวียน มันจึงชิงกล่าวเตือนเอาไว้แต่เนิ่นๆ
“ขอบคุณมากผู้เฒ่าจาง”
หลังต้วนหลิงเทียนกล่าวขอบคุณจางฮั่นเทียนแล้ว เขาก็จูงมือฮ่วนเอ๋อ ก่อนจะเหินร่างจากไปพร้อมจูเก่อฟงและจูเก่ออวิ๋นทันที
หลังออกจากเผ่าจิ้งจอกมายา บรรยากาศในกลุ่มก็กลายเป็นเงียบงันอึมครึม
“พี่หลิงเทียน ฮ่วนเอ๋ออยากไปอู๋หยาเทียน”
ฮ่วนเอ๋อกล่าวกับต้วนหลิงเทียน
“ได้”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า เขาเองก็เดาได้แต่แรกแล้วว่าฮ่วนเอ๋อต้องคิดไปยังอู๋หยาเทียนแน่นอน จุดประสงค์ก็ไม่พ้นหาทางเข้าร่วมวังเทียนฉือเพื่อจะได้มีหนทางพบเจอมารดา
และเขาเองก็เข้าใจอารมณ์ในตอนนี้ของฮ่วนเอ๋อดี จึงไม่คิดปฏิเสธ
“ไม่ได้!”
อย่างไรก็ตาม เสียงตอบรับของต้วนหลิงเทียนดังขึ้นไม่ทันไร จูเก่ออวิ๋นก็โพล่งห้ามออกมาเสียก่อน “อาศัยพลังฝีมือของพวกเจ้าตอนนี้ คิดจะเดินทางไปหาความที่วังเทียนฉือในอู๋หยาเทียนยังต่างอะไรจากรนหาที่ตาย?”
“พวกเจ้าไปไม่ได้!”
จูเก่ออวิ๋นเอ่ยออกเสียงเข้ม
“อาวุโส…”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มอย่างขื่นขม และคิดจะส่งเสียงผ่านพลังกล่าวอธิบายให้จูเก่ออวิ๋นเข้าใจว่าทำไมเขาถึงตอบรับฮ่วนเอ๋อออกไป จูเก่ออวิ๋นก็ขัดจังหวะเขาอีกครั้ง “ข้าเองก็เข้าใจว่าตอนนี้ฮ่วนเอ๋อรู้สึกอย่างไร แต่พวกเจ้ามิอาจไปที่นั่นได้จริงๆ”
“เอาอย่างนี้เถอะ พวกเรากลับไปยังนิกายกระบี่หมื่นหายนะก่อน จากนั้นเจ้ากับฮ่วนเอ๋อก็ตั้งใจฝึกฝนบ่มเพาะที่นิกายไป ส่วนข้ากับพี่ฟงจะไปลองสืบข่าวเรื่องมารดาฮ่วนเอ๋อดู”
จูเก่ออวิ๋นกล่าว
ได้ยินคำพูดนี้ของจูเก่ออวิ๋น สองตาต้วนหลิงเทียนก็ทอประกายขึ้นมาโดยพลัน เพราะหากจูเก่ออวิ๋นยินดีออกหน้าช่วยสืบหาเรื่องราวให้ฮ่วนเอ๋อ นับว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
ทั้งคู่สามารถฆ่าได้กระทั่งจักรพรรดิอมตะสมญานาม เช่นนั้นการไปสืบเสาะเรื่องราวเฉยๆย่อมไม่น่าจะมีปัญหาอะไร!
“ขอบคุณท่านผู้อาวุโสมาก”
ต้วนหลิงเทียนเร่งประสานมือกล่าวขอบคุณไปทันที เพราะเขารู้ดีว่าอีกฝ่ายจะเพิกเฉยเรื่องนี้ก็ได้ แต่กลับยินดีออกหน้าช่วยเหลือ จึงนับว่าเป็นน้ำใจครั้งยิ่งใหญ่!
“ฮ่วนเอ๋อ ข้ากับพี่ฟงจะเดินทางไปวังเทียนฉือแห่งอู๋หยาเทียน เพื่อสืบหาเบาะแสที่อยู่บิดามารดาของเจ้าเอง…หากมารดาของเจ้ามิได้ถูกวังเทียนฉือคุมขังเอาไว้ เช่นนั้นหลังจากข้าพบตัวนางก็จักนำพานางกลับมา เพื่อให้พวกเจ้าได้พบกันอีกครั้ง”
จูเก่ออวิ๋นกล่าวกับฮ่วนเอ๋อด้วยน้ำเสียงเปี่ยมเมตตา
“ขอบคุณผู้นำสาย”
ฮ่วนเอ๋อก็เร่งกล่าวขอบคุณจูเก่ออวิ๋นเร็วไว
ระหว่างเหินร่างเดินทางไปยังตำแหน่งที่ตั้งค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลกที่ใกล้ที่สุด หมายกลับสู่นิกายกระบี่หมื่นหายนะในแดนทักษิยุทธ์ของอวี้หวงเทียน ต้วนหลิงเทียนที่ฉุกคิดอะไรได้ขึ้นมา ก็อดหันไปเอ่ยถามจูเก่ออวิ๋นไม่ได้ “ผู้อาวุโส ท่านพอจะทราบเรื่องราวเกี่ยวกับนรกอสุรา ที่เป็น 1 ใน 7 แดนต้องห้ามของระนาบเทวโลกบ้างหรือไม่?”
“นรกอสุรา!?”
ได้ยินคำถามดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน สีหน้าจูเก่ออวิ๋นก็เปลี่ยนไปทันที กระทั่งจูเก่อฟงที่แลดูเฉยเมยเสมอ ท่าทียังเปลี่ยนเป็นเคร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“ต้วนหลิงเทียน ไฉนอยู่ๆเจ้าถึงเอ่ยยถามเรื่องนรกอสุราขึ้นมาเล่า?”
จูเก่ออวิ๋นเอ่ยถาม
“พอดีผู้อาวุโสของข้าคนหนึ่ง ได้ถูกศัตรูบีบคั้นจนต้องหลบหนีเข้าสู่นรกอสุรา…”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวด้วยรอยยิ้มเหยเก
“นรกอสุรานั้น เป็นดินแดนที่จัดว่าอันตรายและโหดร้ายอย่างยิ่งในบรรดา 7 แดนต้องห้ามแห่งระนาบเทวโลก ลือกันว่ามีเพียง 3 อันดับแรกในรายนามจักรพรรดิสวรรค์เท่านั้น…ถึงจะเข้าไปในนั้นแล้วอยู่รอดได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องไม่เข้าไปยังส่วนลึกของนรกอสุรา”
จูเก่ออวิ๋นเอ่ยออกเสียขรึม “ผู้อาวุโสของเจ้า เว้นเสียแต่จะเป็นตัวตนขอบเขตเทพ…หาไม่แล้วการถูกบีบให้หลบหนีเข้าไป ย่อมเป็นไปไม่ได้เลยที่จะรอดชีวิตกลับออกมา”
“อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ก็ไม่แน่เสมอไป เพราะไม่นานมานี้ก็มีคนที่ยังไม่ได้บรรลุถึงขอบเขตเทพ แต่สามารถรอดกลับออกมาจากนรกอสุราได้…ยิ่งไปกว่านั้น คนผู้นั้นก็สมควรเข้าไปยังส่วนลึกของนรกอสุรามาแล้วด้วย”
ทันใดนั้นเองจูเก่ออวิ๋นทำท่าราวกับพึ่งนึกอะไรได้ออก จึงพูดออกมา
“เป็นใครหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามออกไปด้วยความสงสัย เพราะหากมีคนที่สามารถรอดกลับออกมาจากนนรกอสุราได้ทั้งๆที่ยังไม่ทะลวงถึงขอบเขตเทพ เชนนั้นก็หมายความว่ามีความเป็นไปได้ที่อาวุโสฟงชิงหยางจะรอดกลับออกมาเช่นกัน!
“จักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน ฟงชิงหยาง!”
จูเก่ออวิ๋นกล่าว
“อะไร!?”
และวาจานี้ของจูเก่ออวิ๋น นับว่ามาเหนือเมฆจนทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกตั้งตัวไม่ทันจริงๆ เขาไม่คิดเลยว่าจูเก่ออวิ๋นจะเอ่ยนาม ฟงชิงหยาง อาวุโสที่เขายึดถือเป็นอาจารย์ออกมา!
“อาวุโส…ท่านแน่ใจหรือว่าผู้ที่รอดกลับออกมาจากนรกอสุราก็คือฟงชิงหยาง?”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามอย่างอื้ออึง
“ไม่ผิดแน่!”
จูเก่ออวิ๋นพยักหน้า จากนั้นในแววตาก็ฉายความเคารพเลื่อมไสอยู่บ้าง “คนผู้นั้นไม่เพียงรอดชีวิตกลับออกมาจากนรกอสุราได้ แต่ยังหวนกลับไปยังวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน ก่อนจะประหารคนที่ขึ้นดำรงตำแหน่งจักรพรรดิสวรรค์ตอนที่ตัวเองไม่อยู่ทิ้ง ทวงตำแหน่งจักรพรรดิสวรรค์คืนกลับมาได้อย่างง่ายดาย!”
ด้วยมีวาจาเล่าเรื่องราวยืนยันนี้ของจูเก่ออวิ๋น ใบหน้าต้วนหลิงเทียนก็ปรากฏรอยยิ้มแห่งความโล่งใจคลี่กางขึ้นทันที
เขากลัวว่าฟงชิงหยางจะเกิดเรื่องในนรกอสุราเพราะมีเขาเป็นต้นเหตุ ตอนนี้พอได้รู้ว่าอีกฝ่ายสามารถรอดกลับออกมาได้ เขาย่อมรู้สึกโล่งใจเป็นธรรมดา
และในตอนนี้เองพวกต้วนหลิงเทียนทั้ง 4 ก็เดินทางมาถึงงเมืองหนึ่งและถึงอาคารจัดตั้งค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลกเรียบร้อย ทั้งหมดจึงเดินทางกลับแดนทักษินยุทธ์แห่งอวี้หวงเทียนทันที
จากนั้นไม่นานทั้งหมดก็กลับมาถึงนิกายกระบี่หมื่นหายนะ
ระหว่างเดินทางกลับมา ในใจต้วนหลิงเทียนปรากฏความคิดหนึ่งขึ้นมากกว่าหนึ่งครั้ง ว่าจะเดินทางไปยังจี้เมี่ยเทียนเพื่อขอพบอาวุโสฟงชิงหยางดีหรือไม่…
อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ปัดความคิดดังกล่าวตกไป
‘ผู้อาวุโสฟงชิงหางตอนนี้อย่างไรก็เป็นถึงจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน ท่านไม่พ้นต้องทิ้งมรดกไว้ตามสถานที่ต่างๆมากมาย…ทั้งใต้หล้าก็กว้างใหญ่ไพศาลนัก ข้าเองก็เป็นแค่ผู้ที่ได้รับสืบทอดมรดกคนหนึ่งเท่านั้น’
‘ยิ่งไปกว่านั้นมรดกที่ข้าได้รับ ก็เป็นมรดกในระนาบโลกียะ…ไม่นับว่ามีค่าอันใดในระนาบเทวโลก’
ด้วยเพราะฉุดคิดได้ถึงเรื่องราวดังว่า ต้วนหลิงเทียนก็ล้มเลิกความคิดเดินทางไปยังจี้เมี่ยเทียนเพื่อพบเจอฟงชิงหยางทันที
เดิมทีเขาคิดจะไปหาฟงชิงหยาง ด้วยความคิดอุกอาจประการหนึ่ง อย่างขอความช่วยเหลือจากอีกฝ่าย ให้ออกหน้าช่วยแก้ไขปัญหาให้บิดามารดาฮ่วนเอ๋อ…
แต่พอฉุกคิดขึ้นมาอีกรอบ เขาก็นึกได้ว่าจะอย่างไรนั่นก็คือตัวตนระดับจักรพรรดิสวรรค์! ใช่คนที่ใครขอให้ช่วยก็จะช่วยหรือ?!
หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อกลับมาถึงนิกายกระบี่หมื่นหายนะแล้ว ด้านจูเก่อฟงกับจูเก่ออวิ๋นก็จากไปอีกครั้ง…ไปอู๋หยาเทียน!