WSSTH ตอนที่ 3,265 : จิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา?
“ศิษย์น้องหญิงหลิงหู เจ้าเป็นจอมราชันอมตะ 8 ชะตา ทั้งยังมีอายุมากกว่า 700 ปีแล้ว…แต่เจ้ากลับท้าศิษย์น้องเล็กประลองเช่นนี้ ยังไม่ใช่การรังแกนางหรือไร?”
เห็นหลิงหูหยวนท้าทายฮ่วนเอ๋อ เหลยจวิ้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ศิษย์พี่รอง หรือเมื่อครู่ท่านไม่ได้ยินที่ท่านอาจารย์กล่าว ว่าพลังฝีมือของศิษย์น้องเล็กมิได้ด้อยไปกว่าข้าหรือฮ่าวเหวิน? ท่านกังวลเรื่องนี้มันไม่เกินจำเป็นไปหน่อยรึ…”
หลิงหูหยวนคลี่ยิ้ม
เหลยอิงต่างจากเหลยจวิ้น ไม่เพียงไม่แย้ง ยังมองถามฮ่วนเอ๋อด้วยรอยยิ้ม “ฮ่วนเอ๋อในเมื่อศิษย์พี่หญิง 3 อยากประลองกับเจ้า…แล้วเจ้าว่าอย่างไรบ้างเล่า?”
อันที่จริง นางเองก็ล่วงรู้พลังสามารถของฮ่วนเอ๋อแต่เพียงผิวเผินเท่านั้น
นางก็เลยพูดออกไปทำนองดังกล่าว เพราะนางรู้ว่าเดี๋ยวหลิงหูหยวนต้องท้าประลองกับฮ่วนเอ๋อให้รู้เรื่องแน่ ทำให้พอเห็นหลิงหูหยวนเดินตามเกมที่นางคิดไว้ นางจึงมีความสุขเป็นธรรมดา
“ได้”
ฮ่วนเอ๋อพยักหน้า
“เช่นนั้น พวกเราออกไปด้านนอกกันเถอะ”
เมื่อเห็นฮ่วนเอ๋อตอบตกลง สองตาเหลยอิงก็ทอประกายจ้า นางเดินนำทุกคนออกจากโถงวัง จากนั้นก็ลอยล่องขึ้นไปบนฟ้าเหนือยอดเขาทันที
ด้านต้วนหลิงเทียนก็เหินร่างติดตามนางมาไม่ห่าง
‘จอมราชันอมตะ 8 ชะตารึ?’
ขณะเหินร่างขึ้นมาบนฟ้า ต้วนหลิงเทียนก็เหลือบมองไปทางหลิงหูหยวนผ่านๆ เมื่อครู่เขาก็ได้ยินที่เหลยจวิ้นพูดบอกชัดเจน ไม่ว่าจะพลังฝึกปรือของนาง หรือเรื่องที่นางมีอายยุ 700 กว่าปี…
คงเป็นเรื่องที่ฟังดูค่อนข้างเหลวไหลเกินจริงอย่างมาก หากจะบอกว่านางเข้าใจความลึกซึ้งของกฏทุกประการถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่แล้ว…
เป็นไปได้ที่นางจะเข้าใจความลึกซึ้งของกฏถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ได้ 7 ประการ แต่ความเป็นไปได้ดังกล่าวมันต่ำเตี้ยเรี่ยดินนัก ท้ายที่สุดแล้วนางก็อายุแค่ 700 กว่าปี…
ในสายตาต้วนหลิงเทียน อย่างดีหลิงหูหยวนคนนี้ก็เข้าใจความลึกซึ้งของกฏถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ได้ 6 ประการเท่านั้น
“ฮ่วนเอ๋อ ในเมื่อนางเป็นฝ่ายท้าเจ้าก่อนแบบนี้ เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องออมมือ…ขอแค่เจ้าไม่เล่นงานนางถึงตายก็พอ นอกนั้นเจ้าจะทุบตีนางอย่างไรก็ไม่มีปัญหา”
ต้วนส่งเสียงผ่านพลังกล่าวบอกฮ่วนเอ๋อ
เขารู้พลังฝีมือของฮ่วนเอ๋อดี และนางก็ไม่ใช่เล่นๆเลย
และความสามารถที่น่ากลัวที่สุดของฮ่วนเอ๋อ ไม่ใช่พลังจากความลึกซึ้งของกฏมิติรวมถึงพลังฝึกปรือ แต่เป็นพรสวรรค์วิชาแต่กำเนิดในฐานะจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาของนางต่างหาก!
หากสู้กันตัวต่อตัวไม่ใช้พลังอย่างอื่นนอกจากกฏและพลังเซียนอมตะต้นกำเนิด ถ้าฮ่วนเอ๋อไม่ใช่ทักษะของจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา ฮ่วนเอ๋อย่อมทำอะไรต้วนหลิงเทียนไม่ได้เลย
อย่างไรก็ตามหากฮ่วนเอ๋อใช้ทักษะของจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา ต่อให้เป็นต้วนหลิงเทียนเอง ก็ไม่กล้าพูดว่าจะชนะฮ่วนเอ๋อได้ กระทั่งมีโอกาส 8 ใน 10 ส่วนที่จะแพ้ด้วยซ้ำ
เว้นเสียแต่เขาจะใช้พลังของทองเทพสุดลี้ลับเพื่อปกป้องดวงจิตเอาไว้ ไม่ให้ตกอยู่ในทักษะมายาอันทรงพลังของจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา…
“อื้อ!”
ได้ยินเสียงผ่านพลังของต้วนหลิงเทียน ฮ่วนเอ๋อก็ตอบรับอย่างแข็งขัน “พี่หลิงเทียนฮ่วนเอ๋อไม่ออมมือให้นางแน่…เพราฮ่วนเอ๋อก็ไม่ชอบนางมากเหมือนกัน”
ได้ยินคำพูดของฮ่วนเอ๋อ สองตาต้วนนหลิงเทียนพลันทอประกายเรืองวูบขึ้นมาด้วยสีสันแห่งความสนุกสนาน
เพราะเขารู้ว่ามีคนกำลังจะซวยแล้ว…
ฮ่วนเอ๋อไม่ค่อยโกรธใคร หากนางโกรธหรือไม่ชอบใครขึ้นมา โทสะของนางก็ไม่ใช่อะไรที่คนธรรมดาจะทนไหว
เรื่องนี้เขารู้ซึ้งดี!
“ศิษย์พี่รอง หรือท่านชมชอบศิษย์น้องเล็กเข้าแล้วเล่า?”
เมื่อเหินร่างขึ้นมาบนฟ้าแล้ว หลิงหูหยวน ก็หันไปเอ่ยถามเหลยจวิ้นด้วยรอยยิ้ม
“เจ้าพูดเหลวไหลอะไร!?”
เหลยจวิ้นขมวดคิ้ว
“หากท่านไม่ชมชอบนาง แล้วเมื่อครู่ไฉนต้องกล่าวแทนนางด้วยเล่า? แต่ศิษย์พี่รอง…หากท่านชอบนางจริง ข้าแนะนำว่าท่านรีบๆตัดใจเสียดีกว่า หรือท่านไม่เห็นชายหนุ่มข้างกายนางผู้นั้น?”
หลิงหูหยวนแสยะยิ้มกล่าว
หลังจากนั้นไม่นานทุกคนก็มาหยุดร่างลงกลางหาวจุดที่เหลยอิงมาหยุดรออยู่ก่อน ด้านฮ่วนเอ๋อกับหลิงหูหยวนก็แยกตัวออกไปยืนเผชิญหน้ากัน
“ศิษย์น้องเล็กมาเถอะ ให้ศิษย์พี่หญิง 3 ชมดูพลังฝีมือเจ้าหน่อย!”
หลิงหูหยวนมองกล่าวกับฮ่วนเอ๋อด้วยใบหน้านิ่งๆไม่ยินดียินร้าย
และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่เสียงหลิงหูหยวนดังจบคำ ร่างฮ่วนเอ๋อก็ใช้เคลื่อนมิติวูบร่างหาไปผุดโผล่ด้านหลังหลิงหูหยวนทันที!
ซัว! ซัว! ซัว! ซัว! ซัว! ซัว!
……
เสียงบางสิ่งแหวกห้วงมิติดังขึ้นฉับไว ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ หากแต่รอบร่างหลิงหูหยวนบัดนี้ปรากฏรอยแยกมิติ 9 รอยล้อมกักเอาไว้อย่างน่ากลัว จากนั้นคมมีดมิติสีเทาก็พุ่งวาบมาดั่งประกายแสง ราวกับจะกลุ้มรุมสังหารหลิงหูหยวน!
ตระหนักได้ถึงเรื่องราวรอบกาย หลิงหูหวนแน่นอนว่าย่อมคิดหลีกหนีไปจากพื้นที่สังหารในบัดดล!
ทว่าทันใดนั้นเองพลังวิญญาณอันทรงพลังพลันกำจายออกมาจากร่างฮ่วนเอ๋อ ปกคลุมแทรกซึมเข้าร่างหลิงหูหยวนในฉับพลัน! สะกดความเคลื่อนไหววของนางเอาไว้ในช่วงเวลาสำคัญ!!
“ไม่—!!”
หลิงหูหวนกรีดร้องออกมาเสียงหลง ก่อนร่างนางจะปะทุพลังชั่วชีวิตวูบร่างหลบออกจากพื้นที่สังหารไปดั่งสายลม
แต่กระนั้นเรือนกายนางก็ปรากฏรอยแผลฉกรรจ์ให้เห็น เป็นคมมีดมิติบางส่วนสามารถเฉือนเนื้อเถือหนังของนางได้!
“เมื่อครู่…อำนาจจิตงั้นรึ?”
ทุกเรื่องราวมันอุบัติขึ้นในชั่วพริบตาดุจฟ้าแลบเท่านั้น กระทั่งเหลยอิงเองก็แทบตอบสนองเรื่องราวไม่ทัน เพราะนางก็ไม่ได้ช่ำชองการใช้ทักษะวิญญาณอันใด
แต่เป็นธรรมดาว่าด้วยสำนึกเทวะของนาง ย่อมสามารถจับสัมผัสความผันผวนของพลังวิญญาณจากร่างฮ่วนเอ๋อได้
อีกทั้งก่อนที่หลิงหูหยวนจะโดนคมมีดมิติทำร้าย นางก็โคจรพลังเซียนอมตะรอไว้แต่แรก จึงสามารถช่วยเหลือหลิงหูหยวนได้ทุกเมื่อ
และไม่ใช่ว่านางจ้องแต่จะช่วยหลิงหูหยวนคนเดียว หากเมื่อครู่เป็นฮ่วนเอ๋อตกที่นั่งลำบากนางก็จะช่วยเช่นกัน
นางมีศิษย์อัจฉริยะไม่กี่คนเท่านั้น ย่อมไม่ต้องการให้ใครเป็นอะไรไปแน่นอน
‘หลิงหูหยวนเจอดีไปแบบนั้น ต่อไปคงไม่กล้าดูเบาฮ่วนเอ๋ออีก…’
ต้วนหลิงเทียนที่ลอยร่างอยู่วงนอกชมดูหลิงหูหยวนเลือดโชกด้วยสายตาเฉยเมย ทั้งหมดเป็นเพราะนางประมาทฮ่วนเอ๋อเกินไป
“พลังฝีมือของศิษย์น้องเล็กร้ายกาจขนาดนี้เชียวหรือ!?”
เหลยจวิ้นประหลาดใจไม่น้อย
“ที่น่ากลัวคือทักษะวิญญาณเมื่อครู่ต่างหาก สามารถสะกดร่างศิษย์น้องหญิง 3 ได้ชะงัดเลยทีเดียว”
ลูกตาของซีเหมินหลิงเจี๋ยหดเล็กลง สีหน้าเผยความจริงจังให้เห็น
“ศิษย์น้องเล็ก”
หลิงหูหยวนที่เค้นพลังชั่วชีวิตฉากร่างหลบออกไปไกลตาได้ทันเฉียดฉิว สีหน้าของนางมืดลงอย่างเห็นได้ชัด ไร้ซึ่งรอยยิ้มใดๆสืบไป กระทั่งแววตายังฉายชัดถึงความจริงจัง “เป็นข้าดูเบาเจ้าเกินไปแล้วจริงๆ”
“เช่นนั้นต่อไปเจ้าจงระวังให้ดี ข้าไม่คิดออมรั้งยั้งมืออันใดอีก!”
ท้ายประโยค เสียงกล่าววาจาของหลิงหูหยวนก็หนักขึ้นไม่น้อย
“ไม่มีผู้ใดขอให้เจ้าออมมือแต่แรก”
อย่างไรก็ตามเผชิญหน้ากับวาจาเสียงหนักทั้งท่าทางเอาเรื่องของหลิงหูหยวน ฮ่วนเอ๋อเพียงกล่าวสวนกลับไปเสียงเฉย
ถึงแม้น้ำเสียงของฮ่วนเอ๋อจะเรียบเฉยเหมือนพูดตามปกติ ไม่ได้แฝงความเยาะเย้ยอะไร ทว่าพอมาดังเข้าหูหลิงหูหยวนที่ถือดีวว่าตัวเหนือกว่า ก็ไม่ต่างอะไรกับตบหน้านางฉาดใหญ่!
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
…
ทันใดนั้นร่างหลิงหูหยวนพลันเปลี่ยนไปคล้ายสายลมกรรโชกหอบใหญ่
และสายลมกรรโชกหอบใหญ่ดังกล่าวก็พัดถล่มเข้าใส่ฮ่วนเอ๋อ
วูบ!
อย่างไรก็ตามหลิงหูหยวนที่โจนทะยานเข้ามาฉับไวทั้งลงมือจู่โจมก็ไดแต่จั่วลมดังวืด เพราะฮ่วนเอ๋อวูบร่างข้ามมิติหลบออกไปในห้วงเวลาสุดท้าย
ทว่าร่างฮ่วนเอ๋อพึ่งจะไปปรากฏยังจุดอื่นได้ไม่ทันไร หลิงหูหยวนที่จั่วลมดังวืดเมื่อครู่ ก็หักเหทิศทางการลงมือ ห้อเหยียดเข้าใส่ฮ่วนเอ๋อปานอัสนีฟาด!
สุดท้ายฉากเรื่องราวเหนือฟ้าก็เป็นหนึ่งรุกไล่ หนึ่งวูบร่างแวบหลบไปไม่หยุด
“ศิษย์น้องเล็ก เจ้าคิดว่าจักเอาแต่หลบเช่นนี้ไปได้ตลอดรอดฝั่งรึ!?”
เสียงหลิงหูหยวนพลันกังวานออกมาก้องฟ้า ฟังแล้วยังสัมผัสได้ถึงอารมณ์ขุ่นมัวทั้งไม่พอใจถึงขีดสุด! เห็นได้ชัดว่านางหงุดหงิดกับเคลื่อนมิติของฮ่วนเอ๋อไม่น้อย!!
สำหรับผู้ที่เชี่ยวชาญกฏแห่งลมแล้ว เรียกว่าผู้ใช้กฏมิติเป็นดั่งศัตรูตัวฉกาจเลยก็ว่าได้!
แน่นอนว่าถึงแม้ฮ่วนเอ๋อจะสามารถใช้เคลื่อนมิติหลบการโจมตีของนางได้ แต่หลิงหูหยวนก็มั่นใจว่าสามารถไล่ตามฮ่วนเอ๋อได้ทันแน่ ก็แค่มันต้องใช้เวลามากหน่อยเท่านั้น
แต่นางไม่อยากเสียเวลามากขนาดนั้น
“ข้าเกรงว่าหากข้าไม่ใช่เคลื่อนมิติ เจ้าจะทนรับมือข้าได้ไม่นาน”
เสียงไม่แยแสของฮ่วนเอ๋อดังขึ้น ทำให้ทุกคนไม่เว้นต้วนหลิงเทียนถึงกับอึ้ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้วนหลิงเทียน มุมปากเขาถึงกับกระตุกไปตงิดๆ
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ฮวนเอ๋อเรียนรู้จะพูดวาจาทำนองดังกล่าว?
อีกทั้งฟังจากถ้อยคำของฮ่วนเอ๋อแล้ว ต้วนหลิงเทียนรู้สึกเสมือนเดจาวูอย่างไรชอบกล เพราะวาจาประโยคนี้มันช่างคลับคล้ายคลับคลาเหมือนว่าเขาจะเป็นคนพูดอย่างไรอย่างนั้น
“โฮ่? เช่นนั้นข้าอยากดูชมนัก! ว่าข้าจักทนรับเจ้าไม่ได้นานเช่นไร!!”
ได้ยินวาจาดังกล่าวของฮ่วนเอ๋อ เรียกว่าหลิงหูหยวนวีนแตกแล้วจริงๆ ทันใดนั้นเสียงของสายลมที่ดังเข้าหูต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆ ก็รุนแรงขึ้นยิ่งกว่าครั้งใด!
วูบ!
ร่างฮ่วนเอ๋อพลันปรากฏตัวสู่สายตาทุกคนอีกครั้ง เป็นนางหยุดใช้เคลื่อนมิติหลีกหลบจริงๆ
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ดวงตาของนางกลับทอแสงสีขาวขึ้นมาเรืองๆ และทันใดนั้นเองด้านหลังฮ่วนเอ่อพลันปรากฏเงาร่างจิ้งจอก 9 หางสีขาวราวหิมะตัวเขื่องประหนึ่งขุนเขาย่อมๆขึ้นมา! ทั่วร่างจิ้งจอกตัวเขื่องยังเปล่งกลิ่นอายเยียบเย็นปานจะแช่แข็งผู้คน!!
วิ้งงง!!
ทันใดนั้นเอง ขณะเดียวกันกับที่สองตาฮ่วนเอ๋อทอแสขาวสว่าง ดวงตาคู่ใหญ่ของเงาร่างจิ้งจอกขาว 9 หางด้านหลังฮ่วนเอ๋อก็ทอแสงขาวสว่างจ้าขึ้นมาพร้อมๆกัน!
พริบตาต่อมา
ห้ววงเวลาเสมือนหยุดลง
คนที่ชมดูเรื่องราวอยู่วงนอกทั้งหมดไม่เว้นต้วนหลิงเทียนแลเห็นว่า เมื่อหลิงหูหยวนพุ่งตัดฟ้าไปด้วยความเร็วอัศจรรย์ จนเจียนถึงตัวฮ่วนเอ๋อนั้น อยู่ๆนางก็หยุดลงดื้อๆอย่างแปลกประหลาด
หลังจากนั้น นางก็กระหน่ำกระบวนท่าซัดทำลายอากาศว่างเปล่าจนฟ้าระเบิดดังปงปังครั้งแล้วครั้งเล่า…
“ภาพลวงตารึ!?”
จังหวะนี้ขอเพียงเป็นคนที่มีสติครบถ้วน ย่อมตระหนักได้ว่าฮ่วนเอ๋อต้องใช้วิชามายาลวงตาอะไรสักอย่าง และหลิงหูหยวนก็ตกอยู่ในภาพลวงตาดังกล่าวโดยสมบูรณ์ ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวใดๆเลย
“นั่นมัน…หรือจะเป็นจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา!?”
ในขณะที่เหลยจวิ้นกับคนอื่นๆตกตะลึงกับการลงมือของฮ่วนเอ๋อ สายตาเหลยอิงที่ไม่ทราบเปลี่ยนไปมองจ้องจิ้งจอกขาวตัวเขื่องเบื้องหลังฮ่วนเอ๋อตั้งแต่เมื่อไหร่ ยิ่งมาก็ยิ่งเปล่งแสงจ้า!
ในฐานะจักรพรรดิอมตะสมญานาม วิสัยทัศน์ของนางย่อมไม่ใช่ชั่ว
ถึงแม้จิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาของเผ่าจิ้งจอกมายา จะเป็นดั่งตัวตนที่ปรากฏอยู่แต่ในตำนานสำหรับอู๋หยาเทียน ทว่านางยังล่วงรู้ลักษณะของจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาจากในบันทึก!
“ที่แท้นางกลับมิใช่มนุษย์…แต่คิดไม่ถึงจริงๆว่านางจักเป็นจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาที่ยากจะพบพานในรอบหลายล้านปีของเผ่าจิ้งจอกมายา!”
“สมบัติ! สมบัติล้ำค่า!! แม่เฒ่าผู้นี้เจอสมบัติล้ำค่าเข้าให้แล้วจริงๆ!!”
ตอนนี้ในใจของเหลยอิงเต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดีนัก ร่างชรารู้สึกคึกคักคล้ายกลับกลายเป็นสาวแรกรุ่น!
ตอนนี้ต่อให้ฉือหล่างจะขอแลกตัวต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อนางก็ไม่ยอมแลกเด็ดขาด! จริงอยู่ตอนนี้หากให้สู้กันตรงๆฮ่วนเอ๋ออาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของต้วนหลิงเทียน แต่ถ้าฮ่วนเอ๋อใช้พรสวรรค์วิชาแต่กำเนิดของจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา ต้วนหลิงเทียนก็ต้องพ่ายแพ้แน่!
และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ…
ในฐานะที่เป็นจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา อนาคตของฮ่วนเอ๋อช่างสดใสเหลือเกิน! เพราะขอเพียงให้เวลาฮ่วนเอ๋อมากพอ นางย่อมทะลวงถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะได้แน่นอน!!
กระทั่งในบันทึกประวัติศาสตร์ของระนาบเทวโลก จิ้งจอกน้ำแข็งพันมายานั้นหากไม่ตกตายก่อนวัยอันควร ทุกตัวล้วนสามารถทะลวงผ่านขอบเขตจักรพรรดิอมตะกลับกลายเป็นเทพเจ้าได้อย่างราบรื่น!!
‘ทะลวงจักรพรรดิอมตะกลับกลายเป็นเทพเจ้า! นั่นเป็นเรื่องที่จักรพรรดิอมตะกว่า 9 ส่วนไม่อาจกระทำได้!!’
‘หากวันนึงฮ่วนเอ๋อทะลวงถึงขอบเขตเทพ…เช่นนั้นมิใช่ว่าข้าเหลยอิง จักรพรรดิอมตะไร้ใจ ก็จักมีสัมพันธ์อันดีกับเทพเจ้าแล้วรึ!?’
พอคิดถึงจุดนี้ ยามเหลยอิงมองไปที่ฮ่วนเอ๋ออีกครั้ง มันก็ฉายแววปิตินดีมากล้นไปด้วยความสุข
จนเมื่อเงาร่างจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาด้านหลังฮ่วนเอ๋อหายไป หลิงหูหยวนก็หลุดพ้นออกจากโลกมายา พอนางเห็นว่าฮ่วนเอ๋อยังลอยร่างอยู่เบื้องหน้าอย่างอยู่ดีมีสุข ชุดขาวยังไร้แม้กระทั่งรอยเปื้อน นางก็ผงะไปด้วยความตื่นตระหนกตกใจ กล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงแววตาไม่อยากจะเชื่อ “เจ้า…ไฉนเจ้าไม่เป็นอันใดเลยเล่า!?”
ต้องทราบด้วยว่าเมื่อครู่นั้น นางได้สั่งสอนบทเรียนให้ศิษย์น้องเล็กอย่างดี กระทั่งพูดได้ว่าจัดหนักจัดเต็มไปชุดใหญ่จนสภาพอีกฝ่ายดูแทบไม่ได้เป็นการระบายอารมณ์ ก่อนจะปล่อยให้อีกฝ่ายหนีไป…
แต่ไฉนอยู่ดีๆ อีกฝ่ายถึงกลับมาสมบูรณ์ดังเดิม แถมดูคล้ายไม่เป็นอะไรเลย?
แม้ไม่เข้าใจแต่หลิงหูหยวนก็เร่งสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อสงบอารมณ์ เตรียมตัวลงมือสืบต่อ
“พอได้แล้ว”
ทว่าทันใดนั้นเอง เหลยอิงพลันประกาศออกมาเสียงดังฟังชัด “เจ้า 3 การประลองครั้งนี้เจ้าแพ้…เมื่อครู่หากฮ่วนเอ๋อต้องการฆ่าเจ้า ป่านนี้เจ้าตายไปแล้ว!”