WSSTH ตอนที่ 3,279 : ร่างเดิมของฝานฉี
เวลาเพียง 10 ลมหายใจ ได้ผ่านไปในพริบตา
ทันใดนั้นท่ามกลางทุกสายตาชมมอง ร่างฝานฉีกระพริบคราหนึ่ง คนก็กลับกลายคล้ายสายลม พัดกรรโชกไปทางต้วนหลิงเทียนฉับไว จนเห็นเป็นเงาเลือนรางสายหนึ่ง!
ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม!
…
ความเคลื่อนไหวที่ฉับไวดั่งลมกรรโชกของฝานฉีนั้น กล่าวไปศิษย์วังเทียนฉือหลายคน ยังไม่อาจแลเห็นได้แม้แต่เงาด้วยซ้ำ เนื่องเพราะฝานฉีมันรวดเร็วเกินไป!
อย่างไรก็ตาม ต่อให้บางคนจะมองไม่เห็นแต่ที่นี่ก็ไม่ขาดยอดฝีมือ จึงค้นพบได้ทันทีว่า “ฝานฉีผู้นี้…ทะลวงถึงจอมราชันอมตะ 6 ผสานได้แล้วเรอะ?”
“ให้ตายเถอะ จอมราชันอมตะ 6 ผสาน…เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งลมถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ 7 ประการ…ฝานฉีผู้นี้ยังมีอายุไม่ถึง 300 ปีจริงๆ?”
“พรสวรรค์กับคววามเข้าใจของมัน เรียกว่าท้าทายสววรรค์จริงๆ!!”
“ถึงแม้จะเป็นต้นไม้อมตะที่จำแลงกายเป็นมนุษย์ได้คนอื่น…ก็ไม่น่าจะมีพรสวรรค์กับความเข้าใจระดับเดียวกับมันกระมัง?”
…
หลังได้ค้นพบด่านพลังฝึกปรือของฝานฉี ศิษย์วังเทียนฉือหลายคน็ได้แต่โพล่งออกมาอย่างตื่นตาตื่นใจ จากนั้นก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเวทนาสงสาร
นั่นเพราะพลังความแข็งแกร่งของฝานฉีตอนนี้ มันมากพอจะบดขยี้หลิวเจี้ยนที่ตกตายด้วยน้ำมือต้วนหลิงเทียนเมื่อเดือนก่อนให้ตายได้อย่างง่ายดาย
ที่ต้วนหลิงเทียนฆ่าหลิวเจี้ยนได้ มีโอกาสสูงที่จะเป็นเพราะหลิวเจี้ยนประมาท
ทว่าด้วยพลังของฝานฉีตอนนี้ ต่อให้ต้องปะทะกับหลิวเจี้ยน เกรงว่าต่อให้หลิวเจี้ยนไม่ประมาท แต่ถ้าชักช้าไม่เร่งกล่าวคำยอมแพ้ออกมาก็มีโอกาสตายคาที่สูง!
ฝานฉีทะลวงถึงจอมราชันอมตะ 6 ผสานแล้วแบบนี้ พลังของมันก็เรียกว่าเพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่ง
“เจ้าฝานฉีนั่น…ทะลวงผ่านแล้ว?”
สีหน้าหงเฟยเปลี่ยนไปไม่สู้ดี มันไม่คิดมาก่อนเลยว่าฝานฉีศิษย์อัจฉริยะอันดับ 1 ในช่วงอายุ 200-300 ปี จะไม่ใช่จอมราชันอมตะ 5 องค์ประกอบอีกต่อไป แต่อีกฝ่ายทะลวงถึงจอมราชันอมตะ 6 ผสานไปแล้ว!
และไม่ว่าจะหูเหมยหรือเวิ่นหว่านเอ๋อ ตอนนี้ก็ได้แต่ชักสีหน้าเครียยด ใจเต้นระส่ำไปด้วยความกังวล
มีเพียงฮ่วนเอ๋อเท่านั้นที่สีหน้าแลดูสงบไร้กังวล ในใจยังไร้คลื่นลมใดๆ
“ต้วนหลิงเทียน? วันนี้เจ้าต้องตาย!”
หานอวิ๋นจิ่นกล่าวเย้ย
ขณะเดียวกัน คนที่กำลังเผยสีหน้าเย้ยเยาะอยู่ตอนนี้ยังมีหวงลู่หนานศิษย์ของจักรพรรดิอมตะมังกรบู๊กู้ฉางเจียง รวมถึงเหลยจวิ้นศิษย์และลูกชายของจักรพรรดิอมตะไร้ใจเหลยอิง ที่ไม่ทราบมาปรากฏตัวที่นี่ตั้งแต่ตอนไหน
พวกมันล้วนแล้วแต่อยากเห็นต้วนหลิงเทียนถูกฆ่าตาย!
“เจ้าทำได้เท่านี้หรือ?”
ทว่าทันใดนั้นเอง ท่ามกลางสายตาของผู้มีพลังสูงมากพอ ร่างต้วนหลิงเทียนได้อันตรธานหายไปในฉับพลัน ปรากฏตัวอีกครั้งก็บนฟ้าสูงแล้ว
ทันใดนั้นสองตาต้วนหลิงเทียนยังเปลี่ยนเป็นเย็นชา ทั่วร่างระเบิดพลังมิติออกมาอย่างน่ากลัว!
และนี่เป็นครั้งแรกเลย ที่ต้วนหลิงเทียนได้เผยความลึกซึ้งของกฏมิติที่เข้าใจถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ออกมาถึง 7 ประการ แน่นอนว่าไม่รวมความลึกซึ้งเคลื่อนมิติ!
เปรียะ! เปรียะ! เปรียะ! เปรียะ! เปรียะ!
…
ทันใดนั้นเองอับัติรอยแยกมิติขึ้น 9 รอย ก่อนจะปรากฏคมมีดมิติสีเทาพุ่งวาบออกมา 9 สาย ผสานหลอมรวมเข้ากับพลังมิติอันน่าพรั่นพรึงโดยรอบในพริบตา เข่นฆ่าไปทางฝานฉี!
กักกัน!
และหวงมิติรอบๆตัวฝานฉี ก็ได้ถูกต้วนหลิงเทียนสะกดกักเอาไว้แล้ว
“เหอะ!”
ฝานฉีแค่นคำเสียงเย็น จากกนั้นพลังเซียนอมตะผสานพลังธาตุลมก็ถูกปลดปล่อยออกมาเต็มกำลัง
ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ!
…
เสียงของสายลมที่คมกล้าปานมีดดาบ ตัดผ่านอากาศฉับไวหมายทลายกรงมิติของต้วนหลิงเทียนเพื่อลุยฝ่าไปเข่นฆ่า
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่คมมีดสายลมจะได้ฟาดฟันทะลวงฝ่าผนังกรงมิติ ต้วนหลิงเทียนก็ได้ปลดปล่อยความลึกซึ้งประการอื่นๆของกฏมิติออกมา สามารถหยุดยั้งคมมีดสายลมของฝานฉีได้อย่างง่ายดาย
กระทั่งความลึกซึ้งของกฏมิติที่ต้วนหลิงเทียนปลดปล่อยออกมา ยังมีพลังอำนาจครอบงำคมมีดสายลมของฝานฉีอย่างสมบูรณ์ ไม่เพียงหยุดยั้งเท่านั้น ยังบดขยี้ทำลายปานย่ำเหยียบใบไม้แห้งกรอบ!
ปง! ปง! ปง! ปง! ปง!
…
พลังสายลมของฝานฉีเรียกว่าถูกพลังมิติของต้วนหลิงเทียนครอบงำกดดันทุกอย่าง!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคมมีดมิติทั้ง 9 ที่ต้วนหลิงเทียน มันลุยฝ่ามรสุมคมมีดสายลมเข้ามาได้อย่างง่ายดาย!
“ทรงพลังยิ่งนัก!!”
“ให้ตายเถอะ พลังมิติช่างน่ากลัวจริงๆ ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นสะกดข่มฝานฉีทุกทางเลย!!”
“บ้าไปแล้ว กักกันพายุแม่เหล็ก บิดเบือด เขตแดนมิติ และที่บรรยากาศสงบเสมือนไม่มีอะไรนั่น….รังสรรค์! ข้ามองไม่ผิดไปใช่หรือไม่!? หากนับรวมกับคมมีดมิติที่ผสานความลึกซึ้งส่งผ่านที่พุ่งเข่นฆ่าทะลุมิติมา นอกจากความลึกซึ้งเคลื่อนมิติที่ไม่แน่ชัดแล้ว ที่เหลือต้วนหลิงเทียนล้วนเข้าใจถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่หมดสิ้น!!”
“ให้ตายเถอะความเข้าใจในกฏมิติของต้วนหลิงเทียน ไม่ได้ด้อยไปกว่าความเข้าใจในกฏแห่งลมของฝานฉีเลย…นอกจากนั้นต้วนหลิงเทียนเข้าใจความลึกซึ้งที่เกี่ยวข้องกับพลังโจมตีหมดแล้ว แต่ฝานฉียังขาดความลึกซึ้งที่เสริมพลังโจมตีเป็นหลักอีกอย่างที่ยังไม่บรรลุถึงขั้นตอนยิ่งใหญ่!!”
“ต่อให้มันเข้าใจก็เท่านั้น! กฏมิติเป็น 1 ใน 4 กฏสูงสุดอย่างไรก็มีพลังเหนือกว่า! ที่สำคัญความลึกซึ้งเคลื่อนมิติของต้วนหลิงเทียนนั่นก็ไม่ได้ส่งผลต่อการโจมตีอะไร ฝานฉีโดนต้วนหลิงเทียนถล่มเละแน่!!”
“ไม่น่าเชื่อจริงๆ…กฏมิติเป็น 1 ใน 4 กฏสูงสุดที่ยากจะเข้าใจ แต่ต้วนหลิงเทียนกลับเข้าใจพวกมันถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ได้ 7 ประการแล้ว? นอกจากนั้นความลึกซึ้งเคลื่อนมิติที่ใช้ออก ก็ไม่มีใครบอกได้ว่าบรรลุถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่แล้วหรือยัง…”
…
คววามแข็งแกร่งที่ต้วนหลิงเทียนปลดปล่อยออกมาในชั่วพริบตา นับว่าอยู่เหนือความคาดหมายของทุกคนแล้วจริงๆ
ไม่มีใครคิดว่าที่แท้ต้วนหลิงเทียนจะมีพลังระดับนี้
“ดูเหมือนที่หลิวเจี้ยนตกตายไปเมื่อเดือนก่อน จะไม่ใช่เพราะโชคร้ายแล้วล่ะ…”
“จริง ด้วยพลังระดับนี้ของต้วนหลิงเทียน หากหลิวเจี้ยนมันไม่ได้เตรียมพร้อมกล่าวคำยอมแพ้ไว้แต่แรก…เกรงว่ามันก็คงไม่อาจรอดพ้นเงื้อมมือต้วนหลิงเทียนได้”
“พลังของกฏมิติมันร้ายกาจเกินไป สยบผู้อื่นแทบทุกทาง…ยิ่งไปกว่านั้นทุกความลึกซึ้งที่หนุนเสริมพลังต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจมันหมดแล้ว!!”
“ให้ตายเถอะ ตอนนี้พลังต้วนหลิงเทียนถือว่าบบดขยี้ฝานฉีทุกทาง…เกรงว่าฝานฉีคงเรือล่มในคูน้ำแล้ว”
(เรือล่มในคูน้ำ = เกิดปัญหาในเรื่องที่มั่นใจว่าสามารถควบคุมได้)
“ยังไม่แน่นักหรอก เจ้าอย่าลืมว่าฝานฉียังไม่ได้ใช้ร่างต้นไม้อมตะ…มันอย่างไรก็ต้องมีไพ่ตายอะไรสักอย่างอยู่แล้ว ไม่งั้นจะกล้าท้าต้วนหลิงเทียนสูไม่ตายไม่เลิกราหรือไร?”
“ถึงพลังความแข็งแกร่งต้วนหลิงเทียนจะน่าตกใจ แต่ไหนเลยฝาฉีจะไม่คิดคำนวณสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้เอาไว้แต่แรก? มันต้องคิดเผื่อไว้แล้ว!!”
…
ในขณะที่เหล่าศิษย์วังเทียนฉือที่ชมดูเรื่องราวกำลังคุยกันอย่างออกรส ด้านหูเหมย เวิ่นหว่านเอ๋อ และหงเฟยก็ตกใจกับพลังของต้วนหลิงเทียนยกใหญ่
“ศิษย์น้องเล็ก…ที่แท้ร้ายกาจขนาดนี้เชียวหรือ!?”
“ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไฉนหลิวเจี้ยนถึงตกตายในมือศิษย์น้อยเล็ก…”
…
ทั้ง 3 คนโดยเฉพาะหงเฟยตกตะลึงไปแล้วจริงๆ อย่างไรก็ตามใจทุกคนยังเต็มไปด้วยความกังวลประหนึ่งแขวนไว้บนเส้นดาย
เพราะฝานฉีไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นต้นไม้อมตะจำแลงกายมา
หากคืนร่างเดิม อย่างน้อยๆพลังก็ต้องเพิ่มขึ้น และรูปแบบการลงมือต้องแตกต่างออกไปจากเดิมแน่!
“สารเลวนั่นช่างน่าเหลือเชื่อนัก!”
หานอวิ๋นจวิ่นมองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเย็นชา “หากต้วนหลิงเทียนผู้นี้เติบโตขึ้นไปมันต้องกลายเป็นหลู่จี้อีกคน…ไม่อาจปล่อยให้มันเติบโตได้อีกเด็ดขาด!”
“อย่างไรเสียด้วยพลังที่มันเผยออกมาตอนนี้ แม้จะร้ายกาจแต่หากศิษย์น้อง 4 คืนร่างเดิมก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะฆ่ามัน!”
หานอวิ๋นจิ่นยังคงมั่นใจในตัวฝานฉี
ขณะเดียวไม่ว่าจะหวงลู่หนานก็ดีเหลยจวิ้นก็ดี บัดนี้สีหน้าแต่ละคนแทบดูไม่ได้ ด้วยไม่คิดเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะร้ายกาจขนาดนี้!
อย่างไรก็ตามแม้ต้วนหลิงเทียนจะเผยพลังร้ายกาจเหนือกว่าที่พวกมันคิดคาด แต่พวกมันก็หวังพึ่งฝานฉี ว่าจะสามารถฆ่าต้วนหลิงเทียนได้หลังคืนร่างจริง
“ไม่คิดเลย…ไม่คิดเลยจริงๆ”
อาวุโสตำหนักลองกระบี่แซ่ฉินที่รับผิดชอบการประลองเป็นตายได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ไหว ความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนก็ทำให้มันตกใจเช่นกัน
และมันก็พึงตระหนักได้ว่า…การตายของหลิวเจี้ยนเมื่อเดือนก่อนไม่น่าจะใช่เรื่องผิดพลาด!
“ต้วนหลิงเทียน!”
ฝานฉีที่ถูกพลังมิติของต้วนหลิงเทียนถล่มทำลายจนได้แต่ต้านทานอย่างไร้หนทางตอบโต้ พลันตะโกนออกมาเสียงดังลั่น “ที่แท้เจ้ากลับทรงพลังถึงขนาดนี้ ช่างน่าประหลาดใจเสียจริง!”
“แต่มันก็เท่านั้น! ทุกอย่างมันจบแล้ว!!”
เมื่อฝานฉีกล่าวจบคำ เหล่าศิษย์วังเทียนฉือทั่วไปที่มาชมดูเรื่องราวก็ดี เหล่าศิษย์อัจฉริยะรวมถึงอาวุโสแซ่ฉินก็ดี ทุกคนล้วนหันไปจับจ้องมองฝานฉีเป็นสายตาเดียวกัน ลูกตายังหดเล็กลง
เพราะทุกคนรู้ว่า…
ฝานฉีกำลังจะกลับคืนสู่ร่างที่แท้จริงแล้ว!
“แต่ก่อนข้ารู้แค่ว่าฝานฉีเป็นต้นไม้อมตะ…แต่ไม่รู้ว่ามันเป็นต้นไม้อมตะอันใด…”
“หากเป็นแค่ต้นไม้อมตะทั่วๆไป ก็ไม่น่าจะสู้ต้วนหลิงเทียนได้…”
“เหอะๆ พวกเจ้าไม่เห็นท่าทางมั่นใจเสียเต็มประดานั่นของฝานฉีหรือไร แล้วพวกเจ้าว่ามันจะเป็นต้นไม้อมตะธรรมดาๆได้หรือ?”
…
ในขณะที่ทุกคนเริ่มคาดเดากันไปเรื่อย ฝานฉีที่ตกเป็นเป้าทำลายของพลังห้วงมิติต้วนหลิงเทียนจากทุกทิศทาง ทั่วร่างฝานฉีก็ปรากฏพลังสีเขียวปะทุระเบิดออกมา!
จากนั้นในชั่วพริบตาร่างคนทั้งคนก็เปล่งแสงสว่างวาบ พอแสงดับลงคนก็ไม่อยู่แล้ว ถูกแทนที่ด้วยต้นไม้ต้นหนึ่ง!
แรกเห็นต้นไม้ที่ว่าก็สูงพอๆกับฝานฉี แต่เพียงเวลาชั่วพริบตามันก็ขยายใหญ่ขึ้น! กลับกลายเป็นต้นไม้มหึมาใหญ่ยักษ์ต้นหนึ่ง!!
ที่สำคัญในขณะที่ต้นไม้ขยายใหญ่เติบโต มันก็ทะลวงทำลายห้วงมิติกักกันของต้วนหลิงเทียนได้อย่างง่ายดาย บ่งบอกถึงความทรงพลังของลำต้นได้ชัดเจน!
แซ่ก! แซ่ก! แซ่ก! แซ่ก! แซ่ก!
…
มองปราดแรกต้นไม้นี้แลคล้ายต้นสน หากทว่าเมื่อพินิจกิ่งก้านใบของมันกลับพบว่ามีลักษณะเหมือนต้นหลิว
“โอทวยเทพ…นั่นมันไม่ใช่ต้นไม้อมตะ แต่เป็นต้นไม้เทพสนหลิว!!”
“จ้าวสวรรค์ช่วย…เป็นต้นไม้เทพสนหลิวจริงๆด้วย! ในบรรดาต้นไม้ บุปผา ต้นหญ้าทั้งหลายแหล่ ต้นไม้เทพสนหลิวก็ไม่ต่างอะไรจากสัตว์อมตะชั้นยอด แม้จะเทียบไม่ได้กับบสัตว์เทพ แต่ก็ไม่ได้ด้อยกว่ามากมายอะไร!!”
“ลือกันว่า ต้นไม้เทพสนหลิวนี้ แต่ละกิ่งหลิวที่ฟาดออกไปล้วนมีพลังมหาศาล…หากกิ่งหลิวมากมายถูกระดมฟาดออกมาพร้อมๆกัน คิดจะต้านทานพลังทำลายของมันตรงๆก็แทบเป็นไปไม่ได้เลย!”
“เหอะๆแต่ละกิ่งหลิวที่ฟาดออกมาจะรุนแรงขนาดไหน เอาแค่เห็นตอนลำต้นพุ่งทะลวงกรงมิติที่ต้วนหลิงเทียนใช้ล้อมกัก แถมยืนหยัดต้านทานพลังมิติที่กระหน่ำนั่นของต้วนหลิงเทียนได้อย่างไม่เป็นอะไรก็รู้แล้ว! ต้องทราบว่าก่อนหน้าฝานฉีในร่างมนุษย์ยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ!”
“คิดไม่ถึงจริงๆ เหนือความคาดหมายของข้านัก ปรากฏว่าร่างที่แท้จริงของฝานฉีคือต้นไม้เทพสนหลิว!”
“ต้วนหลิงเทียนซวยแล้วล่ะ!”
“ฝานฉีในร่างดั้งเดิม จากกลิ่นอายพลังที่เพิ่มขึ้นมาน่าจะไม่ได้ด้อยไปกว่า การเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งลม 2 ประการถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่…แถมความลึกซึ้งที่ว่ายังเป็นความลึกซึ้งเสริมการโจมตีได้อีกด้วย!!”
“พลังระดับนี้ ต่อให้ความเข้าใจในกฏมิติต้วนหลิงเทียนจะสูงลิบ ก็ยากจะต้านทานได้!”
“มารดามันเถอะ ต้วนหลิงเทียนก็แค่มนุษย์ จะเอาอะไรไปสู้กับต้นไม้เทพเล่า?”
…
เมื่อฝานฉีคืนร่างเดิม เหล่าศิษย์วังเทียนฉือที่ชมดูอยู่ก็แตกตื่นกันยกใหญ่ เพราะไม่มีใครคาดคิดจริงๆว่าร่างที่แท้จริงของฝานฉีจะเป็นต้นไม้เทพสนหลิว
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
…
ท่ามกลางสายตาของผู้คน กิ่งหลิวหนึ่งกิ่งของต้นไม้เทพสนหลิวก็ฟาดออกไปราวแส้ จากนั้นกิ่งหลิวก็งอกเงยแผ่ขยายกลับกลายเป็นข่ายฟ้าหนึ่งห้อมล้อมต้วนหลิงเทียนเอาไว้ทุกทาง!
อีกทั้งตัวต้นไม้เทพสนหลิวที่ตั้งตระหง่าน ก็เริ่มพุ่งกิ่งหลิวออกไปมากมายปานหนวด กระหน่ำฟาดไปดั่งแหสวรรค์คลี่กางตามซ้ำ! เพียงเวลาเสี้ยวพริบตาก็สามารถพลิกกลับสถานการณ์ได้!!