หากคิดจะขึ้นไปยังชั้น 3 ของส่วนคุมขังนักโทษ ต้วนหลิงเทียนก็ต้องผ่านชั้น 2 ก่อน แน่นอนว่าย่อมได้เห็นบิดามารดาของส่วนเอ๋อที่ถูกกักขังเอาไว้อีกครั้ง
ตู้เสวียน มารดาของส่วนเอ๋อก็ยังคงอยู่ในสภาพสลบไสลไม่ได้สติ และบาดแผลบนร่างของนางก็ต่างออกไปจากครั้งที่แล้ว เห็นได้ชัดว่าแผลเก่าพึ่งหายก็ได้แผลใหม่มาอีกเห็นชัดว่านางพึ่ง จะทนทุกข์ทรมานมาอีกรอบ
เห็นฉากนี้แววตาต้วนหลิงเทียนก็กลาเป็นเย็นชา สีหน้ายังมืดลงทันใด
“อาวุโส”
ในขณะที่เดินผ่านห้องขังที่บิดาของส่วนเอ๋อถูกขังอยู่ เขาก็ได้แลเห็นเหลียนชิวที่กําลังนั่งหลับ ตาบ่มเพาะพลังอยู่ ด้วยอาคมในห้องขัง ทําให้แม้เหลียนชิวจะพบว่ามีคนมาแต่หากไม่เห็นด้ว ยตาก็ไม่อาจตรวจสอบได้เลยว่าผู้มาเป็นใคร เพราะไม่อาจรับรู้ถึงกลิ่นอายใดๆได้ทั้งสิ้น
พอได้ยินเสียงผ่านพลังของต้วนหลิงเทียน คิ้วของเหลียนชิวก็กระตุกไปเล็กน้อย เปลือกตากระตุกเบาๆ ก่อนจะลืมตาตื่นขึ้นมาหันมองคนที่เดินผ่านอย่างเป็นธรรมชาติ
มันคิดว่าในเมื่อชายหนุ่มผู้นี้ย้อนกลับมา ลูกสาวของมันก็ต้องมาด้วย แต่พอมองไปก็เห็นแต่ชายหนุ่มไม่เห็นลูกสาวของมัน
“วันนี้ ข้าจะเริ่มดําเนินตามแผนการ เพื่อช่วยเหลือท่านกับอาวุโสตู้เสวียนออกไป..ช่วงนี้ขอให้ท่านพยายามรักษาสภาพร่างกายให้พร้อมที่สุด”
ในขณะที่เหลียนชิงคิดจะส่งเสียงผ่านพลังไปถามด้วนหลิงเทียนว่าส่วนเอ่อลูกสาวขอ งมันเป็นอย่างไรบ้าง เสียงผ่านพลังของต้วนหลิงเทียนก็ส่งตรงถึงหูเหลียนชิวอีกรอบ และทําให้ร่างเหลียนชิวอดสะท้านไปไม่ได้
ครูต่อมาเหลียนชิวก็ดึงสติกลับมาจากอาการตะลึง เร่งส่งเสียงผ่านพลังไปหาต้วนหลิงเทียนทันที “อย่าได้ทําเรื่องโง่เขลา!”
“หากเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าอีกคน แล้วส่วนเอ๋อจักอยู่อย่างไร!?”
ถึงแม้ครั้งก่อนจะเป็นการพบพานลูกสาวของตัวเองเป็นครั้งแรก แต่มันก็เห็นได้ชัดเจนถึงความห่วงหาของบุตรีที่มีต่อชายหนุ่มคนนี้ ในฐานะที่มันเองก็เป็นสามีของสตรีคนหนึ่งมันย่อมมองออกเป็นธรรมดาว่าหัวใจลูกสาวได้อยู่กับชายหนุ่มคนนี้แล้ว
และสายตาดังกล่าวนั้น ถึงขั้นตายแทนกันได้!
“ผู้อาวุโส ข้ามั่นใจ”
เผชิญกับคําห้ามปรามเสียงแข็งของเหลียนชิว ต้วนหลิงเทียนไม่ได้เผยท่าที่เชื่อฟัง เพียงส่งเสียงผ่านพลังกล่าวกับเหลียนชิวเสียงเข้ม “หลังจากนี้ท่านฟังสิ่งที่ข้าจะพูดให้ดี ข้าจะสอนท่านถึงวิธีทําลายค่ายกลและข่ายอาคมพันธนาการที่สะกดท่านกับอาวุโสตู้เสวียนอยู่”
“ถึงแม้ว่าค่ายกลกับข่ายอาคมพันธนาการที่กักขังพวกท่านทั้งคู่เอาไว้จะเหมือนกัน แต่ท่านพึงทราบไว้ว่าการทําลายจากภายในกับการทําลายจากภายนอกมันแตกต่างกันหลายขุม”
“ด้วยพลังฝึกปรือของท่าน เรื่องจะทําลายค่ายกลและข่ายอาคมที่พันธนาการท่านเอ งมันเป็นเรื่องง่ายดายแต่คิดจะทําลายข่ายอาคมพันธนาการเพื่อช่วยอาวุโสตู้เสวียนคงยากเย็นไม่น้อยแต่ท่านไม่ต้องรีบร้อนและกังวลไป พอข้าขึ้นไปจัดการบางเรื่องเสร็จแล้วหลังข้ากลับลงมา ท่านค่อยลงมือ และตอนนั้นข้าจะช่วยท่านอีกแรง”
พพอกล่าวจบคํา ตัวนหลิงเทียนก็ไม่รอให้เหลียนชิวตอบอะไร เพียงส่งเสียงผ่านพลังสอนวิธีการทําลายค่ายกลและข่ายอาคมทันที
เป็นธรรมดาว่าวิธีทําลายค่ายกลและข่ายยอาคมพวกนี้ เป็นเขาฟังมาจากวารีเทพชําระโลกาอีกที
“ผู้อาวุโสแผนของข้าเป็นแบบนี้”
และหลังจากกล่าวสอนอะไรไปหมดแล้ว ก่อนที่ตัวนหลิงเทียนจะเดินขึ้นไปยังชั้นสาม ต้วนหลิงเทียนก็ได้แจ้งเหลียนชิวเกี่ยวกับแผนการของเขาไม่เว้นเรื่องที่คิดจะปลดปล่อยจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 6 บนชั้น 3 ด้วย
เหลียนชิวที่ฟังอยู่ก็อื้ออึงไปแล้วจริงๆ มันคิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มที่เป็นว่าที่ลูกเขยมันคิดจะก่อการอุกอาจถึงขนาดนี้กระทั่งยังหมายใช้ประโยชน์จากจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 6 บนชั้น 3 อีก!
“เข้าใจแล้ว”
หลังได้ฟังเสียงผ่านพลังกล่าวเล่าแผนทั้งหมดของต้วนหลิงเทียน กระทั่งเหลียนชิวเองก็มองเห็นโอกาสที่จะหลบหนีออกไปจากที่นี่ สองตายังทอแสงข้าขึ้นมาทันที
แน่นอนว่าประกายตาดังกล่าวได้ถูกเปลือกตาที่ปิดตัวลงมาปกปิดเอาไว้ได้อย่างมิดชิดเช่นนั้นต่อให้มีคนอยู่รอบๆ ก็คงยากจะมีใครสังเกตเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของเหลียนชิวได้
ต่อมาต้วนหลิงเทียนกับอาวุโสเซีย ก็เดินขึ้นไปบนชั้น 3 พร้อมๆกัน
บนชั้นที่ 3 ของส่วนคุมขังนั้น หากอยู่ในบริเวณใกล้พื้นที่กักกันของนักโทษ แน่นอนว่าย่อมไม่อาจดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินเพื่อบ่มเพาะอะไรได้ กระทั่งยังไม่อาจทําความเข้าใจกฏใดๆได้เลย
มีเพียงแต่พื้นที่บริเวณติดกับบันไดเท่านั้นถึงจะสามารถดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดิน รวมถึงทําความเข้าใจกฏได้
“ต้วนหลิงเทียนหากเจ้าคิดจะปิดด่านบ่มเพาะก็เชิญเจ้าเถอะ ข้าจักคอยเดินดูค่ายก ลที่กักกักนักโทษเหล่านี้เอาไว้เองว่ามีใดผิดแปลกหรือไม่…”
การตรวจสอบส่วนคุมขังชั้น 3 นั้น ไม่ได้ยากอะไร ทั้งหมดที่ต้องสนใจก็คือดูว่าค่ายกลทํางานตามปกติหรือไม่หากเห็นอะไรผิดปกติก็ต้องรีบแจ้งไปยังวังเทียนฉือโดยเร็วที่สุดและวังเทียนฉือจะส่งเหล่าปรมาจารย์ค่ายกลมือฉมังมาจัดการทันที
“ไว้ก่อนก็ได้ ข้าไม่รีบร้อนขนาดนั้น”
ตัวนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา “ไหนๆข้าก็มาแล้ว และข้าก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าต้องดูอย่างไรถึงจะรู้ว่าค่ายกลกับข่ายอาคมทํางานปกติหรือไม่”
เป็นธรรมดาว่าต้วนหลิงเทียนไม่อาจนั่งอยู่ใกล้ๆบันไดเพื่อบ่มเพาะอย่างที่กล่าวอ้างออกไปได้เขาจําต้องสนทนาหารือกับจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 6 อีก กระทั่งยังต้องสอนวิธีทําลายค่ายกลและข่ายอาคมเพื่อช่วยให้ทั้งหมดหลบหนีออกไปได้
“ได้”
ชายชราก็ไม่ได้สงสัยอะไรกับคําพูดของต้วนหลิงเทียน มันเดินนําไปแล้วพยายามกล่าวอธิบายวิธีตรวจสอบการทํางานของค่ายกลและข่ายอาคมให้ตัวนหลิงเทียนฟังอย่าละเอียด
ต้วนหลิงเทียนก็ทําที่เป็นเออออไปตามประสา ตอบรับชายชราไปอย่างเป็นธรรมชาติ หากแต่หางตานั้นเหลือบไปมองคน 3 คนที่นั่งขัดสมาธิอยู่หน้ากระต๊อบทั้ง 3 หลัง
คนทั้ง 3 ที่ว่า ก็เป็น 3 ใน 4 คนที่เขาเคยเห็นมาก่อน
4 คนที่เขาเคยพบเจอในอดีตได้แก่ ชายร่างกํายํา หญิงชราผ่ายผอม ชายชรา และชายหนุ่ม
อย่างไรก็ตามตอนี้ชายหนุ่มไม่ได้อยู่นอกกระต๊อบ และประตูกระต๊อบมันก็ปิดอยู่ เห็นได้ชัดว่ามันเก็บตัวอยู่ด้านใน
“ผู้อาวุโส”
เป้าหมายที่ต้วนหลิงเทียนเลือกก็คือหญิงชราร่างผ่ายผอม และเสียงผ่านพลังที่ส่งตรงถึงหูอีกฝ่าย ก็เข้าประเด็นตรงๆไม่อ้อมค้อมวกวน “รุ่นน้องมีวิธีจะช่วยให้ผู้อาวุโสหลุดพ้นพันธนาการ กระทั่งหลบหนีออกไปจากที่นี่ได้อย่างไรก็ตาม จําต้องได้รับความร่วมมือจากผู้อาวุโสอีก 5 คน”
หญิงชราร่างผอมเดิมก็นั่งหลับตาอยู่หน้ากระต๊อบเงียบๆ พอได้ยินเสียงผ่านพลังของต้วนหลิงเทียนนางก็ลืมตาขึ้นมาทันทีและมองจ้องต้วนหลิงเทียนที่เดินอยู่ข้างๆอาวุโสเซียด้วยความสงสัย
“อาศัยเจ้า?”
เสียงผ่านพลังของหญิงชราร่างผอมเต็มไปด้วยความรังเกียจ ขณะเดียวกันมุมปากนางก็ยกยิ้มแสยะสองตาฉายชัดถึงความดูถูก
“ผู้อาวุโสอย่าพึ่งด่วนตัดสิน เพียงฟังรุ่นน้องกล่าวดูก่อน”
จากนั้นตัวนหลิงเทียนก็กล่าวบอกวิธีทําลายค่ายกลและข่ายอาคมพันธนาการ ที่วารีเทพชําระโลกากล่าวบอกเขามาอีกทีให้หญิงชราฟังทันที
หญิงชรานางนี้อย่างไรก็เป็นจักรพรรดิอมตะสมญานาม แม้จะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องพวกนี้เหมือนปรมาจารย์ค่ายกลแต่ระดับนางความรู้พื้นฐานไหนเลยจะไม่มี
เช่นนั้นหลังจากฟังวิธีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวมา นางก็รู้สึกว่ามีความเป็นไปได้ที่จะใช้ทําลายค่ายกลและข่ายอาคมน่ารังเกียจพวกนี้ได้จริงๆ!
“ไฉนเจ้าถึงต้องช่วยข้าด้วย?”
หญิงชราส่งเสียงผ่านพลังไปถามด้วนหลิงเทียนด้วยความสงสัย นางย่อมรู้ดีว่า “ไร้ผลประโยชน์อันใดมอบให้โดยไร้เหตุผล” หากชายหนุ่มชุดม่วงบอกว่าช่วยนางโดยไม่หวังผลตอบแทนนางไม่มีวันเชื่อแน่นอน
“ผู้อาวุโส ที่ข้าช่วยเหลือท่าน แน่นอนว่าย่อมหวังผลประโยชน์บางอย่าง…แต่สิ่งที่ข้าต้องการไม่ได้เกี่ยวอะไรกับท่านเลย และไม่จําเป็นที่ท่านต้องรู้สึกติดค้างอะไรข้า”
ต้วนหลิงเทียนไม่คิดปกปิดเรื่องราว เพียงกล่าวออกไปตรงๆ “ทั้งหมดที่ข้าช่วยท่าน เพียงเพราะคิดกวนน้ําจับปลาหมายอาศัยสถานการณ์วุ่นวายพานักโทษที่ข้าตั้งใจมาช่วยที่ชั้น 2 ให้หลบหนีออกไปจากคุกหมื่นพันธนาการเท่านั้น”
“นี่คือเหตุผลเดียวที่ข้าคิดจะปล่อยท่านกับอาวุโสคนอื่นๆให้ออกจากชั้น 3 เพราะด้วยพลัง ของท่านกับผู้อาวุโสคนอื่นๆ หลังออกไปจากคุกหมื่นพันธนาการได้แล้ว ต้องสามารถต้านทานรับ มือจักรพรรดิอมตะสมญานามของวังเทียนฉือจนหลบหนีไปได้แน่”
“หาไม่แล้วถึงข้าจะช่วยคนที่ข้าต้องการออกไป ก็ไม่มีทางหลบหนีไปจากยอดฝี มือของวังเทียนฉือได้”
ตัวนหลิงเทียนกล่าว
“พวกเรามีกันแค่ 6 คน…แต่วังเทียนฉือมีจักรพรรดิอมตะสมญานามถึง 9 แถมหลายคนยังแข็งแกร่งกว่าพวกเรา”
หญิงชรากล่าว “หากพวกมันทั้ง 9 ปรากฏตัววพร้อมกัน ต่อให้เป็นพวกเรา 6 คนก็ไม่ใช่คู่ต่อ
กระทั่งอาศัยจ้าววังเทียนฉืออย่างโหยวเชิงอวี่เพียงลําพัง ก็สามารถรับมือพวกเราได้ถึง 2-3 คนแล้ว”
ขณะกล่าวถึงจ้าววังเทียนฉือ สองตาหญิงชราก็ฉายความหวั่นเกรงหลายส่วน
“อาวุโส เรื่องนี้ท่านไม่ต้องกังวล
ต้วนหลิงเทียนกล่าวด้วยน้ําเสียงจริงจัง “ข้าได้เตรียมคนที่จะต้านทานรับมือจ้าววังเทียนฉือโหยวเชิงอวี ผู้นั้นเอาไว้แล้ว”
“โฮ่?”
หญิงชราแปลกใจอยู่บ้าง ถามผ่านพลังต่อว่า “มิทราบเจ้าเตรียมให้ผู้ใดมารับมือมันกัน? อาศัยจักรพรรดิอมตะสมญานามทั่วๆไปไม่น่าจักรับมือมันได้”
“ผู้อาวุโสคนที่ข้าพามาเป็นใครท่านอาจไม่รู้จักเพราะคนที่ข้าพามาไม่ใช่คนของอู่หยาเทียนแต่เป็นคนจากพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมียเทียน”
ตัวนหลิงเทียนกล่าว
“พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ ขี้เมียเทียน?!”
หญิงชราคลี่ยิ้มโง่งม “ช่างบังเอิญจริงๆแม่เฒ่าผู้นี้ก็บังเอิญมีพื้นเพอยู่ในขี้เมียเทียนเช่นกันหลังจากมาถึงอู่หยาเทียนก็ไปมีเรื่องมีราวจนฆ่าอาวุโสวังเทียนฉือไปโดยบังเอิญถึงได้ถูกจับมาขังที่
“จักรพรรดิอมตะสมญานามของเมียเทียน ยิ่งเป็นคนที่อยู่ในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ ตราบใดที่มิใช่ผู้ปลีกวิเวกบ่มเพาะอย่างสันโดษ แม่เฒ่าเช่นข้าย่อมรู้จักไม่น้อย เป็นผู้ใดที่เจ้าตระเตรียมมาเล่า?”
หญิงชราเอ่ยถาม
“จักรพรรดิอมตะหยกกุ้ง เมิ่งชวน”
ตัวนหลิงเทียนกล่าว
“เมิ่งชวน!?”
ได้ยินคําตอบของต้วนหลิงเทียน ลูกตาหญิงชราหดเล็กลงเร็วไว แลดูเสียอาการไปไม่น้อย “เจ้าหนู…นี่เจ้าคงไม่ได้หลอกข้ากระมัง? เจ้านี้เจ้าไปเชิญเมิ่งชวนผู้นั้นมาที่นี่ได้จริงๆหรือ?”
“ผู้อาวุโส ข้าจะไปโกหกท่านเพื่ออะไร”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มขึ้นขม “ข้ามีเหตุผลอะไรที่ต้องโกหกท่านเรื่องนี้ด้วย? หรือท่า นคิดว่าข้าจะว่างถึงขั้นมาแต่งเรื่องราวหลอกท่านเชียวหรือ?
“หากเจ้าสามารถเชิญเยิ่งชวนมาได้จริงๆ ถึงแม้พลังฝีมือของมันจักด้อยกว่าโหยวเพิ่งออยู่บ้างแต่หากให้ถ่วงรั้งพัวพันนับว่ามากพอ.สิ่งที่สําคัญที่สุดคือโหยวเชิงอวไม่กล้าฆ่ามันแน่นอน!”
“เมิ่งหลัว พี่ชายของเมิ่งชวนผู้นั้นมิใช่คนธรรมดา แต่เป็นมือขวาคนสนิทของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมียเทียน…หากโหวเชิงอวกล้าแตะต้องเมิ่งชวน น่ากลัวเมิงหลัวจะมาเหยียบวังเทียนฉือพินาศแล้ว”
“โหยวเชิงอนั่นแม้จักเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามระดับต้นๆของอู่หยาเทียน แต่พลังฝีมือยังนับว่าอ่อนด้อยกว่าเพิ่งหลัวหลายส่วน หากจะรอดพ้นหายนะก็มีแต่ต้องเชิญจักรพรรดิสวรรค์แห่งอิหยาเทียนมาไกล่เกลี่ยเท่านั้น”
“พลังฝีมือของจักรพรรดิสวรรค์ของอู่หยาเทียน แน่นอนว่าย่อมเหนือกว่าเมิ่งหลัว…แต่เบื้องหลังเมิ่งหลัวก็คือจักรพรรดิสวรรค์แห่งเมี่ยเทียน! ตัวตนที่ทุกคนสงสัยกันว่าน่ารัก ทะลวงถึงขอบเขตเทพแล้ว!!”
ขณะกล่าวยิ่งมาสองตาหญิงชราก็ยิ่งทอประกายเร่าร้อน
“ขอบเขตเทพ?”
ต้วนหลิงเทียนตกใจ
“ผู้อาวุโส ท่านบอกว่าจักรพรรดิสวรรค์แห่งเมี่ยเทียน อาวุโสฟงชิงหยาง….อาจจะ ทะลวงถึงขอบเขตเทพแล้วหรือ?”
ตัวนหลิงเทียนเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ใช่”
หญิงชรากล่าวตอบ “หลังกลับมาจากนรกอสุรา ทุกคนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ ได้ลงมือสังหาร เฉินชิวบัว ผู้ที่ประพฤติตัวเป็นนกพิราบชิงรังนกกางเขนได้อย่าง ง่ายดาย. และวันนั้นหลายคนได้ยินเฉินชิวบัวกล่าวเองก่อนตาย ว่าใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ได้บรรลุถึงขอบเขตเทพแล้ว”
“ผู้อาวุโส ท่านถึงกับล่วงรู้เรื่องพวกนี้ได้หมายความว่าท่านยังไม่ได้ถูกจับขังอยู่ในคุกหมื่นพันธนาการนานนัก”
ต้วนหลิงเทียนไม่คิดเลย ว่าหญิงชราจะล่วงรู้เรื่องราวที่สมควรเกิดขึ้นในช่วง 100-200 ปีที่ผ่านมาได้
“เจ้าหนูต่อให้จะมีคนถ่วงรั้งจ้าววังเทียนฉืออย่างโหวเฟิงอวี่เอาไว้แล้ว แต่อย่างไรก็ยังมีจักรพรรดิอมตะสมญานามเหลืออีก 8 คน อาศัยพวกเรา 6 คนก็ยังยากจะต่อกรพวกมันได้อยู่ดี”
หญิงชราเผยความกังวลสืบต่อ
“ผู้อาวุโสอย่าได้ห่วงเรื่องนี้”
ต้วนหลิงเทียนกล่าววออกเสียงเรียบ “ก่อนที่จะเข้ามาที่นี่ข้าได้เตรียมการเอาไว้แล้วตอนนี้จักรพรรดอมตะทุ่งขจี กับจักรพรรดิอมตะหอนฟ้าแห่งวังเทียนฉือ สมควรเร่งรุดเดินทางออกจากวังเทียนฉือไปแล้ว…”
“ข้าหวังให้ท่านผู้อาวุโสนเรื่องนี้ไปบอกกล่าวกับผู้อาวุโสอีก 5 ท่านที่เหลือให้ดี…แต่ขอให้ทั้งหมดอย่าพึ่งลงมือทําลายค่ายกลและพันธนาการ! หากเป็นไปได้ให้รอเวลา 5 วันจะดีที่สุดถึงตอนนั้นข้าจะให้สัญญาณพวกท่านลงมือทําลายค่ายกลและข่ายอาคมในชั้น 3 พร้อมกัน จากนั้นก็หลบหนีไปจากที่นี้ทันที”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวกําชับหญิงชราผ่านพลัง