War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 3332 : จ้าววังเทียนฉือ

ตอนที่ 3332 : จ้าววังเทียนฉือ

ตอนที่ 3,332 : จ้าววังเทียนฉือ
  “ไม่—!!”
  เผชิญหน้ากับลำแสงทำลายล้างของมังกรชั่วร้ายทั้งสอง เหลยจวิ้นที่ไม่ได้มีใจจะสู้แต่แรก แม้วินาทีสุดท้ายมันจะพยายามเร่งเร้าพลังชั่วชีวิตมาต้านทาน แต่มันก็ไม่อาจพลิกฟ้าอันใด ถูกลำแสงทำลายล้างกลืนหายไปทันที
  จากนั้นเหลยจวิ้นก็ตกตาย ร่างอันตรธานหายไปจากโลกหล้าโดยสิ้นเชิง ยังหมดจดยิ่งกว่าอาวุโสคุกหมื่นพันธนาการเมื่อครู่เสียอีก..
  “หืม? นั่นมันมังกรชั่ววร้ายไม่ใช่รึไร!?”
  “เจ้าหนูหลิงเทียนผู้นี้ช่างเหนือความคาดหมายเสียจริง ถึงกับมีลูกเล่นอะไรเช่นนี้ด้วย! การผสานพลังจู่โจมของมังกรชั่วร้ายเมื่อครู่นั่น พลังทำลายมันไม่ได้ด้อยไปกว่าการลงมือเต็มกำลังของจักรพรรดิอมตะสมญานามทั่วๆไปเลยเชียว!!”
  …
  จักรพรรดิอมตะอัสนีกัมปนาท หม่าฉือ รวมถึงจักรพรรดิอมตะผกาทอง ที่เห็นต้วนหลิงเทียนเรียกมังกรชั่วร้ายออกมาลงมือเข่นฆ่าสังหารเหลยจวิ้นในชั่วพริบตา ก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจอยู่บ้าง
  แน่นอนว่าพวกมันประหลาดใจที่ต้วนหลิงเทียนสามารถควบคุมมังกรชั่วร้ายได้ถึงระดับนี้ ต้องทราบด้วยว่าตามสามัญสำนึกของพวกมัน มังกรชั่วร้ายนั้นเป็นสัตว์อมตะไร้สติปัญญา! กระทั่งชั่วชีวิตยังไม่แม้แต่จะเคยได้ยินว่าใต้หล้ามีใครสามารถทำให้มังกรชั่วร้ายอมรับเป็นนายได้ เพราะเท่าที่ทราบมาเคยมีคนหลายคนลองแล้ว แต่สุดท้ายมังกรชั่วร้ายก็ยอมตายมากกว่ายอมจำนน
  “หากเจ้าไม่แส่หาที่ตาย ไหนเลยต้องตาย…”
  สำหรับความตายของเหลยจวิ้น แต่ต้นจนจบต้วนหลิงเทียนเพียงมองเรื่องราวด้วยสายตาเฉยเมยไร้แยแส ตัวเขาไม่เคยคิดจะสนใจอะไรเหลยจวิ้นสักกะผีก แต่ในเมื่อเหลยจวิ้นอยากให้เขาตายนัก เช่นนั้นเขาก็ไม่คิดให้มันมีลมหายใจสืบไปเป็นธรรมดา
  เดิมที เขายังไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่าหลังหลบหนีไปจากวังเทียนฉือวันนี้ จะได้ย้อนกลับมาที่นี่อีกครั้งเมื่อไหร่ นับประสาอะไรกับมาจัดการคนอย่างเหลยจวิ้น
  อย่างไรก็ตาม เขาไม่คิดจริงๆว่าเหลยจวิ้นมันจะอยู่ดีไม่ว่าดี ดันทะลึ่งสมัครมาทำหน้าที่เป็นผู้คุมคุกหมื่นพันธนาการเสียอย่างนั้น ทำให้เขามีโอกาสงามๆในการฆ่ามันแบบนี้
  หากเหลยจวิ้นไม่มอบโอกาสประเสริฐให้เขาด้วยตัวเอง เขาก็บอกไม่ได้ว่าจะได้ฆ่าเหลยจวิ้นเมื่อไหร่
  “อาวุโสทั้งหลาย ตอนนี้พวกเราหลบหนีไปให้พ้นที่นี่ก่อนเถอะ มีเรื่องใดไว้สนทนากันภายหลัง”
  หลังต้วนหลิงเทียนเก็บมังกรชั่วร้ายทั้ง 2 เข้าโลกใบเล็กแล้ววเสร็จ เขาก็หันไปมองกล่าวกับจักรพรรดิอมตะสมญานามเบื้องหลังที่กำลังมองมาที่เขาตาปริบๆด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้มีคนตายไปแล้ว 2 คน ถึงแม้การสื่อสารใดๆจะไม่อาจส่งตรงไปถึงเบื้องนอก แต่ค่ายกลที่นี่สมควรไม่ได้ปิดกั้นการเชื่อมโยงชีวิตของพวกมันกับลูกแก้ววิญญาณด้านนอก…คนที่มีลูกแก้ววิญญาณของพวกมันสมควรรู้เรื่องแล้วเป็นแน่”
  “แถมเหลยจวิ้นที่ข้าพึ่งฆ่าไปก็มีมารดาเป็นจักรพรรดิอมตะไร้ใจ เหลยอิง 1 ใน 9 จักรพรรดิอมตะสมญานามของวังเทียนฉือ…พอรับทราบการตายของลูกชายคนเดียว นางไม่พ้นต้องเร่งรุดมาตรวจสอบเรื่องราวที่นี่แน่”
  ต้วนหลิงเทียนกล่าว
  “และเมื่อนางมาถึงที่นี่ พอพบว่าพวกเราหลบหนีออกไปแล้ว ไม่พ้นนางต้องเร่งติดต่อจักรพรรดิอมตะสมญานามคนอื่นๆของวังเทียนฉือทันที”
  “ดังนั้นพวกเรารีบไปจากที่นี่ก่อนจะดีกว่า หากหนีไปได้พ้นก่อนที่นางจะมาพบเจอได้จะดีที่สุด เพราะถ้าเลือกได้ ข้าก็ไม่อยากเผชิญหน้ากับจักรพรรดิอมตะสมญานามของวังเทียนฉือ”
  ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมารวดเดียวจบ
  และคำพูดของเขาก็เป็นที่เห็นพ้องต้องกันของจักรพรรดิอมตะสมญานามคนอื่นๆ เพราะไม่มีใครอยากอยู่จนปะทะกับจักรพรรดิอมตะสมญานามสักเท่าไหร่
  “แน่นอนว่า ข้างนอกยังมีคนที่ข้าหามา รอรับมือจ้าววังเทียนฉืออยู่”
  “อย่างไรก็ตาม คนผู้นั้นทำได้แค่ถ่วงรั้งจ้าววังเทียนฉือแค่คนเดียวเท่านั้น”
  “หากจ้าววังเทียนฉือค้นพบเรื่องที่พี่ใหญ่เผยกับทุกท่านแหกคุกออกมาแล้ว ไม่พ้นมันต้องรีบแจ้งให้จักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียนทราบเรื่องราวแน่…หากรอจนจักรพรรดิสวรรค์อู๋หยาเทียนมาถึง เรื่องราวก็ยากคลี่คลาย ไม่แน่พวกท่านอาจถูกจับขังอีกครั้ง”
  ต้วนหลิงเทียนเร่งกล่าวกับจักรพรรดิอมตะสมญานามทุกคน
  ต้วนหลิงเทียนแน่นอนว่ารู้ดีแก่ใจ หากจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียนมาถึง ถึงแม้มันจะไม่อาจฆ่าเผยหยวนจี๋กับคนอื่นๆได้ แต่ก็สามารถเลือกจะประวิงเวลารอกำลังเสริม ถึงตอนนั้นหากถูกกลุ้มรุมมากเข้า ทุกคนก็ยากจะรอดพ้นความตาย
  บิดามารดาของฮ่วนเอ๋อก็ถูกลิขิตให้กลับไปถูกจองจำอีกครั้ง
  “ไปเถอะ”
  พอต้วนหลิงเทียนกล่าวจบเผยหยวนจี๋ก็กล่าวชวนก่อนจะพุ่งร่างนำออกไปเร็วไว และไม่ว่าค่ายกลหรือข่ายอาคมใดๆ ก็ได้วิธีที่ต้วนหลิงเทียนสอนมาทำลายลงได้อย่างง่ายดาย
  สำหรับผู้ที่ถูกขังอยู่ในเรือนจำชั้น 1 เดิมทีคนอื่นๆก็คิดจะปล่อย แต่ต้วนหลิงเทียนไม่อยากให้มีใครดอดออกไปแจ้งข่าวเพื่อหวังทำดีไถ่โทษ เช่นนั้นจึงตัดสินใจบอกทุกคนว่าไม่ต้องปล่อยคน
  “ออกมาได้แล้ว!”
  หลังจากออกจากเรือนจำที่มีไว้คุมขังนักโทษ ทุกคนก็ผ่านช่องงทางแคบๆสั้นๆ ไม่นานก็มาถึงหน้าหอเกิดดับ แน่นอนว่าที่เวทีศิลากลางหาวหลังหอเกิดดับก็มีคนกำลังทำความเข้าใจกฏแห่งความตายอยู่ไม่น้อย
  ทำให้ยามต้วนหลิงเทียนกับคนอื่นๆที่พึ่งปรากฏตัวออกมา และกำลังมุ่งหน้าเพื่อไปยังช่องทางสู่หน้าหอชำระบาป ก็มีคนที่เห็นความเคลื่อนไหวเร่งเหินร่างออกมาไล่ตาม
  “หยุด!!”
  “พวกเจ้าเป็นผู้ใดกัน!?”
  …
  อาวุโสหลายคนในหอเกิดดับที่สังเกตเห็นความวุ่นวาย ไม่ว่าจะชราหนุ่มสาว ล้วนเหินร่างโจนทะยานออกมาจากหอเกิดดับ ไล่หลังพวกต้วนหลิงเทียนไปทันที ปากยังตะโกนห้ามเสียงดังโวยวาย
  อย่างไรเสีย ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนกับพวกก็ไม่ได้มีกันแค่ 9 คน แต่ด้านหลังยังมีนักโทษของชั้นสองอีกเป็นร้อย คนมากขนาดนี้เป็นไปไม่ได้เลยที่จะหนีออกไปเงียบๆ
  “หากไม่อยากตายก็ถอยไปเสีย!”
  อย่างไรก็ตามพวกมันไล่ตามมาได้ไม่ทันไร ก็ปรากฏร่างหนึ่งหยุดลงและหันมาขวางทางพวกมันเอาไว้ เป็นชายหนุ่มที่มีใบหน้าเย็นชา มองเหล่าอาวุโสของหอเกิดดับด้วยสายตาเฉยเมยไร้แยแส ตะคอกคำดุร้ายเสียงเย็น
  “มารดามันเถอะ! นั่นจักรพรรดิอมตะน้ำแข็งทมิฬ!!”
  และอาวุโสของหอเกิดดับบางคนที่ถูกเวียนให้ไปทำหน้าที่เป็นผู้คุมในเรือนจำชั้น 3 เพราะขาดศิษย์อัจฉริยะมาสมัครทำหน้าที่ ก็จดจำชายหนุ่มหน้าเย็นได้ทันที ว่าอีกฝ่ายก็คือ 1 ใน 6 จักรพรรดิอมตะสมญานามที่ถูกขังไว้บนเรือนจำชั้น 3 จักรพรรดิอมตะน้ำแข็งทมิฬ!!
  “ภายใน 10 ลมหายใจ หากพวกเจ้ายังอยู่ให้ข้าผู้เฒ่าเห็นหน้าอีก…ก็อย่าได้โทษข้าผู้เฒ่าว่าโหดร้าย!!”
  หลังจากชายหนุ่มหน้าเย็นเหินร่างมาหยุดขวางเหล่าอาวุโสหอเกิดดับเอาไว้ ชายชราที่เส้นผมขนคิ้วขาวโพลนก็เหินร่างตามออกมาเช่นกัน ยังกล่าวคำกับเหล่าอาวุโสหอเกิดดับไกลๆด้วยรอยยิ้มลี้ลับ
  “จักรพรรดิอมตะกวางขาว!!”
  หากบอกว่าตอนที่เหล่าอาวุโสของหอเกิดดับเห็นจักรพรรดิอมตะน้ำแข็งทมิฬ ก็กลัวจนไม่กล้าคิดไล่ตามแล้ว คราวนี้พอมาเห็นจักรพรรดิอมตะกวางขาวอีกคน พวกมันก็อื้ออึงจนเริ่มสงสัยว่านี่ใช่พวกมันกำลังฝันอยู่รึเปล่า
  ไฉนจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 2 ถึงได้หลุดออกมาจากเรือนจำชั้น 3 ได้เล่า!?
  จักรพรรดิอมตะสมญานามที่เป็นชายชรานั่น พวกมันก็จดจำได้ดีว่าคือจักรพรรดิอมตะกวางขาว! เคอไป๋ลู่!!
  “ไปกันเถอะ อย่ามัวเสียเวลากับพวกมัน”
  เผยหยวนจี๋ที่นำหน้าเอ่ยออกเสียงเบา
  ถึงแม้เผยหยวนจี๋จะไม่ได้หันหน้ากลับมา แต่ร่างสูงสมส่วนในชุดขาวกระจ่างแลดูเสมือนมีรัศมีขาวเรืองรองโดดเด่นกว่าใคร ก็ทำให้อาวุโสของหอเกิดดับรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาทันทีแม้จะเห็นแค่แผ่นหลังก็ตาม..
  พอมารวมกับวาจาที่กล่าวราวกับสั่งการ 2 จักรพรรดิอมตะสมญานามได้แบบนี้ ตำแหน่งที่นำหน้าสุด ทั้งยังใส่ชุดขาวกระจ่างไร้รอยเปื้อนใดๆที่เป็นเอกลักษณ์ พวกมันก็ตระหนักได้ลางๆว่าคนผู้นี้เป็นใคร…
  จักรพรรดิอมตะไร้ธุลี เผยหยวนจี๋!!
  จังหวะนี้มีอาวุโสหอเกิดดับหลายคนที่หน้าซีดจนแทบไร้สีเลือด พวกมันเร่งหันหน้ามองสบตากันจ้าละหวั่น ก่อนจะปะทุพลังชั่วชีวิตมุดกลับหอเกิดดับเร็วไว ยังว่องไวกว่าขามาเสียอีก ราวกับกำลังหนีเทพเจ้าแห่งโรคห่าอย่างไรอย่างนั้น หลายคนยังร่ำร้องออกมาอย่างเสียขวัญไม่หยุด “มารดามันฟ้าเปลี่ยนสีแล้ว! คุกหมื่นพันธนาการฉิบหายแล้ว!!”
  “จักรพรรดิอมตะไร้ธุลีหลบหนี จักรพรรดิอมตะกวางขาวกับจักรพรรดิอมตะน้ำแข็งทมิฬก็หลบหนีออกมาได้…เช่นนั้นพวกตัวร้ายที่เหลืออีก 3 ก็ไม่พ้นออกมาได้เช่นกัน!!”
  “นรกเถอะ! 6 จักรพรรดิอมตะสมญานามตัวอันตรายฆ่าไม่ตายนั่น ไฉนพวกมันแหกคุกออกมาได้หมดเลยเล่า…ตลอดประวัติศาสตร์คุกหมื่นพันธนาการเรา เรื่องฉิบหายพรรค์นี้เคยเกิดขึ้นด้วยหรือ!?”
  “มารดามันเถอะ พวกมันหนีออกมาได้อย่างไรกัน!?”
  “แล้วพวกมันจะฝ่าจัตุรัสสิ้นสุดออกไปได้หรือไม่!?”
  “ค่ายกลสังหารและข่ายอาคมปิดกั้นที่จัตุรัสสิ้นสุด กล่าวไปก็ไม่ได้สลับซับซ้อนและทรงพลังมากไปกว่าค่ายกลและข่ายอาคมบนเรือนจำชั้น 3…ในเมื่อพวกมันถล่มมารดาค่ายกลของเรือนจำชั้น 3 ออกมาได้ แล้วจัตุรัสสิ้นสุดจะไปเหลือบ่ากว่าแรงพวกมันได้อย่างไร!?”
  …
  ตอนนี้หอเกิดดับอลหม่านกันยกใหญ่
  กระทั่งอาวุโสของวังเทียนฉือรวมถึงศิษย์อัจฉริยะที่กำลังทำความเข้าใจกฏแห่งความตายอยู่ก็แตกตื่นไม่แพ้กัน
  อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ทุกคนทำเป็นหูทวนลมสองตาฝ้าฟางคล้ายไม่เห็นเรื่องราวใด นั่งหยั่งรากอยู่บนเวทีศิลากลางหาวไม่ไหวติง ไม่คิดจะโดดลงน้ำบ่อนี้แม้แต่น้อย
  ล้อกันเล่นหรือไร!?
  กลุ่มนักโทษหลบหนีนั่น มันจักรพรรดิอมตะสมญานามตัวเป้งทั้งนั้น! เกิดพวกมันเสนอหน้าไปให้อีกฝ่ายรำคาญใจขึ้นมา พวกหลังมือมาสักเปรี้ยงพวกมันไม่เป็นปุ๋ยคาหอเกิดดับแล้วรึ?
  ถึงเวลานั้นต่อให้มีอภินิหารอันใดทำให้พวกมันรอดตายมาได้ แต่ก็ต้องมีหนังลอกกันบ้าง!!
  ส่วนอีกด้าน
  ต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆหลังผ่านหน้าหอเกิดดับ เข้าสู่ช่องทางแคบๆสายหนึ่งมาไม่ทันไร ในที่สุดก็มาถึงสถานที่เปิดโล่งอีกครั้ง และด้านซ้ายมีก็มีลานกว้างใหญ่ รวมถึงหอชำระบาปตั้งตระหง่านอยู่ ยังแลเห็นขบวนนักโทษและคนของหอเกิดดับที่ลำเลียงผู้คนเข้าไปทรมาน กับลำเลียงคนกลับออกมาหนาตา
  เรียกว่าบริเวณหน้าหอชำระบาป มีผู้คนเนืองแน่นกว่าบริเวณหน้าหอเกิดดับหลายสิบเท่า
  การมาของพวกต้วนหลิงเทียน ไม่เว้นนักโทษจากชั้น 2 อีกกว่าร้อยที่เรียงแถวมาเป็นขบวนแบบนี้ ย่อมดึงดูดความสนใจของทุกคนเป็นธรรมชาติ
  อย่างไรก็ตามพวกต้วนหลิงเทียนและนักโทษไม่มีใครสนใจสายตาชมมองด้วยความแตกตื่นงุนงงของพวกมัน ทั้งหมดเร่งก้าวอาดๆหมายเข้าสู่ช่องแคบเบื้องหน้าไกลๆ เพื่อออกไปยังจัตุรัสสิ้นสุดถ่ายเดียว
  หลังจากผ่านช่องทางแคบเบื้องหน้า รวมถึงผ่านจัตุรัสสิ้นสุดออกไปได้แล้ว ก็จะสามารถออกจากคุกหมื่นพันธนาการได้อย่างราบรื่น
  ถึงตอนนั้นก็เสมือน ทะเลกว้างแล้วแต่ปลาจะแหวกว่าย ฟ้าไพศาลสุดแล้วแต่วิหกจะเหินบิน!
  ‘เดิมทีข้ากังวลว่าจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 6 ที่ช่วยออกมา หลังออกจากคุกหมื่นพันธนาการได้อย่างงราบรื่นแล้วจะแยกย้ายกันไปโดยไม่สนใจใยดีข้ากับอาวุโสเหลียนชิวและอาวุโสตู้เสวียน…จนอาจเกิดเรื่องผิดพลาดอะไรจนหนีไปไม่ได้’
  ‘แต่ตอนนี้ดูจากสถานการณ์ในปัจจุบัน ข้าไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนั้นแล้ว’
  ‘จักรพรรดิอมตะสมญานามคนอื่นอาจไม่สนใจความเป็นตายของข้ากับอาวุโสเหลียนชิวและอาวุโสตู้เสวียน…แต่พี่ใหญ่เผยต้องใส่ใจแน่นอน’
  ‘ด้วยมีพี่ใหญ่เผยช่วยเหลือ เว้นเสียแต่จะเจอเรื่องราวสุดที่พี่ใหญ่เผยจะรับมือหรือเอาตัวรอดได้…เช่นนั้นปกติแล้วพวกเราไม่สมควรเกิดเรื่องอะไรแน่’
  คิดถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็พอจะสรุปสถานการณ์ได้
  ยิ่งไปกว่านั้น สถานการณ์ตอนนี้ยังคงเป็นไปตามที่เขาบอกเหลยจวิ้นทุกประการ ทุกอย่างยังคงอยู่ในการคำนวณของเขา และในเมื่อจักรพรรดิอมตะทุ่งขจีฉือหล่าง กับจักรพรรดิอมตะหอนฟ้าถูกคนที่เขาจัดเตรียมมาล่อออกไปห่างวังเทียนฉือ คราวนี้อย่างดีก็มีแค่จักรพรรดิอมตะสมญานามแค่ 7 คนเท่านั้นที่จะมาขวางทาง
  และในบรรดา 7 จักรพรรดิอมตะสมญานามของวังเทียนฉือ สำหรับโหยวเฟิงอวี้ จ้าววังเทียนฉือที่ร้ายกาจที่สุด เขาก็ได้เตรียมเมิ่งชวน จักรพรรดิอมตะหยกรุ้งแห่งพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนมารับมืออีกฝ่ายไว้แล้ว
  สำหรับคนที่เหลือนั้นไม่เกินมือพี่ใหญ่เผยแน่นอน!
  เพราะตราบใดที่จักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 6 ที่เขาช่วยมาจากคุก มีพี่ใหญ่เผยนำกลุ่มลงมือบุกฝ่า จักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 6 ของวังเทียนฉือก็ไม่มีหนทางสกัดขัดขวางได้เลย!
  ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังคิดไปพลางๆ และทุกคนกำลังจะวิ่งผ่านช่องทางแคบๆปังจัตุรัสสิ้นสุดนั้นเอง
  ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
  …
  เบื้องหน้าจากช่องทางแคบ บังเกิดเสียงแหวกฝ่าสายลมรุนแรงหอนดังแต่ไกล จากนั้นก็ปรากฏร่างนับสิบๆเหินตัดอากาศมาด้วยความเร็วสูง ร่างนับสิบที่ว่านำมาโดยชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีดำสนิทใบหน้าเคร่งขรึมผู้หนึ่ง!
  “พวกเจ้าเป็นผู้ใด!?”
  ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีดำที่นำหน้า พอพาทุกคนมาหยุดลอยหน้ากลุ่มพวกต้วนหลิงเทียน มันก็กวาดตามองพวกต้วนหลิงเทียนทั้งหมดผ่านๆรอบหนึ่ง พลางเอ่ยถามออกมาเสียงเย็น
  และตอนนี้ต้วนหลิงเทียนกับคนอื่นๆก็หยุดลงโดยไม่รู้ตัว
  “เจ้านั่นคือ 1 ใน 3 พัสดีของคุกหมื่นพันธนาการ จ้าวหอชำระบาป ฟางฉี่หาน!”
  ในกลุ่มต้วนหลิงเทียน มีนักโทษจากชั้น 2 หลายคนที่จดจำผู้มาใหม่ได้ จึงโพล่งออกมาเสียงดังฟังชัดให้ทุกคนรับทราบตัวตนของผู้มาขวางทาง
  และคนที่โพล่งออกมา ก็ล้วนแล้ววแต่เป็นนักโทษที่เคยถูกคุมตัวไปรับทัณฑ์ทรมานที่หอชำระบาปทั้งสิ้น
  ฟางฉี่หาน จ้าวหอชำระบาปนั้น ได้สั่งให้คนจับพวกมันไปทรมานต่างๆนาๆ มีสหายนักโทษของพวกมันหลายคนตกตายคาห้องทรมานในหอชำระบาป แต่ยังดีที่พวกมันสามารถเก็บกู้ชีวิต อดทนจนรอดมาได้
  ด้วยเหตุนี้พวกมันจึงมีความแค้นฝังลึกกับฟางฉี่หานผู้นี้นัก
  “จ้าวหอชำระบาป?”
  ต้วนหลิงเทียนเลิกคิ้ว ก่อนสองตาจะจับจองมองไปยังชายวัยกลางคนในชุดคลุมดำด้วยความสนใจ เจ้านี่ไม่ใช่ 1 ใน 3 พัสดีที่ชอบเขม่นกับศิษย์พี่หญิงใหญ่ของเขาหรือไร?

War sovereign Soaring The Heavens

War sovereign Soaring The Heavens

Status: Ongoing

จิตวิญญาณของผู้เชี่ยวชาญการใช้อาวุธในโลกปัจจุบัน ได้ทะลุข้ามไปยังโลกอื่นรวมเข้ากับความทรงจำของของเด็กหนุ่ม ที่ถูกกลั่นแกล้งตลอดเวลา จนกระทั้งขาดใจตาย

การฝึกฝนเทคนิค เก้ามังกรเทพสงคราม จะสามารถกวาดล้างศัตรูได้โดยไม่มีวันแพ้!

ขณะที่เขา มีความสามารถในการปรุงยา การสร้างอาวุธ และเชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ …

ทักษะทั้งหมดนี้ คือวิถีทางแห่งราชันย์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท