War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 3797 : พบกันอีกครั้งหลังผ่านไป 30 ปี

ตอนที่ 3797 : พบกันอีกครั้งหลังผ่านไป 30 ปี

   หา!? เจ้าว่าอะไรนะ!? 

   เจ้าเนี่ยนะ เป็นศิษย์ฝ่ายในของนิกายมังกรสวรรคืแล้ว!? 

  ติงเหยียนที่เร่งรุดเหินร่างมาจนอยู่ใกล้เทือกเขาเหยียนหลงแล้ว ถึงกับหยุดลงกลางหาวหลังได้ยินข้อความดังกล่าวของโหวชิ่งหนิง ร่างสูงใหญ่บึกบึนของมันเสมือนโดนถูกแช่แข็งก็ไม่ปาน

  ในดวงตาของมันยังฉายแววไม่อยากจะเชื่อออกมา

  มันพึ่งจะออกจากการปิดด่านมาเมื่อวาน

  ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา หากไม่ได้ปิดด่านบ่มเพาะ ก็เข้าใช้ห้องลับแห่งกฏเพื่อทำความเข้าใจกฏแห่งไฟ

  ครั้งนี้ที่มันออกจากการปิดด่านมา ก็เพื่อจะเข้าร่วมการแข่งขันมังกรซ่อนโดยเฉพาะ

  และเมื่อครู่ตอนมันเดินผ่านฝ่ายทะเบียนของฝ่ายในนิกาย มันก็ได้ยินเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนสำแดงพลังอำนาจอันเหนือชั้นในรอบคัดเลือกเมื่อ 3 วันก่อน

  เดิมทีมันก็คิดว่าอาจเป็นคนที่มีชื่อเดียวกัน และไม่ใช่ว่าจะเป็นต้วนหลิงเทียนที่มันรู้จัก

  เพราะถึงแม้ต้วนหลิงเทียนที่มันรู้จักจะมีพรสวรรค์ไม่ใช่ชั่ว แต่ในเวลาเพียงแค่ 30 ปี ก็ไม่ควรจะเติบโตก้าวหน้ามาถึงจุดดังกล่าว

  อย่างไรก็ตาม พอมันได้ยินผู้คนกล่าวถึงความเป็นมาของต้วนหลิงเทียน มันก็อดตะลึงไม่ได้

   เป็นเจ้านั่นจริงๆหรือ?! 

  ต้วนหลิงเทียนนั้น ออกจากสถานศึกษาหมอกเร้นลับ ไปเข้าร่วมกับนิกายหมอกเร้นลับ แต่มีเหตุให้ต้องออกไปอยู่ตระกูลหลิงหู…

  นอกจากนั้นยังมีวีรกรรมทั้งหลายที่ต้วนหลิงเทียนได้สร้างไว้ในช่วง 30 ปี และมันที่พึ่งได้ยินเรื่องราวเป็นครั้งแรกก็ถึงกับตกใจกลัว

   ต้วนหลิงเทียนกลายเป็นราชาเทพขั้นกลางไปแล้วหรือ…ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อ 20 ปีก่อน ยังสามารถหลอมโอสถระดับเทพขั้นสุดยอดได้ตามอำเภอใจ ทั้งความสามารถในการหลอมโอสถเทพของต้วนหลิงเทียนยังไม่ได้ไปกว่าปรมาจารย์หลอมโอสถเทพระดับจอมราชันชั้นแนวหน้า!? 

  ต้องบอกเลยว่าติงเหยียนหวาดกลัวแล้วจริงๆ

  ต้องทราบด้วยว่าหลังจากมันถูกคนไปรับตัวกลับมาจากสถานศึกษาหมอกเร้นลับสาขาเมืองวายุสวรรค์ แหวนพื้นที่ในมือของมันก็ถูกยึดไป จากนั้นก็ถูกบังคับให้ฝึกฝนบ่มเพาะเพื่อเตรียมความพร้อมเข้าร่วมการแข่งขันมังกรซ่อนในวันนี้

  กระทั่งเมื่อวาน มันถึงพึ่งจะออกจากการกักตัวฝึกฝน

  มันเองก็กำลังจะเดินทางไปสังเวียนเหยียนหลงเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันมังกรซ่อน พอได้รู้ว่าต้วนหลิงเทียนก็สมควรอยู่ที่นั่นด้วย ก็เลยติดต่อไปหาต้วนหลิงเทียน

  และในเมื่อมันพึ่งจะออกจากการปิดด่านเมื่อวาน ก็เลยพึ่งได้แหวนพื้นที่คืนมาเมื่อวานเช่นกัน

  ตอนนั้นมันยังคิดอยู่เลย ว่ารอให้จบการแข่งขันมังกรซ่อนไปก่อน มันจะติดต่อไปหาโหวชิ่งหนิงกับต้วนหลิงเทียน สหายทั้ง 2 ที่มันพบเจอในสถานศึกษาหมอกเร้นลับสาขาเมืองวายุสวรรค์เพื่อบอกว่ามันยังปลอดภัยดีอยู่

  แต่ไม่คิดไม่ฝัน ว่ามันไม่ทันจะได้ติดต่อไปหาอีกฝ่าย มันกลับได้รับทราบเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนอยู่ในนิกายมังกรสวรรค์แล้ว มันก็เลยเร่งติดต่อไปหาต้วนหลิงเทียนทันที

  และเรื่องที่มันคิดไม่ถึงจริงๆก็คือ หลังจากมันติดต่อไปหาต้วนหลิงเทียนได้ไม่ทันไร โหวชิ่งหนิงก็ส่งข้อความมาหามัน แถมยังบอกว่าบัดนี้ได้กลายเป็นศิษย์ฝ่ายในของนิกายมังกรสวรรค์แล้วเช่นกัน

   โลกนี้มันบ้าไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!? 

  จังหวะนี้ติงเหยียนอื้ออึงเสมือนไม่รู้เหนือรู้ใต้ของจริง

  ด้วยน้ำเสียงที่กล่าวออกมาอย่างภาคภูมิใจนั่นของโหวชิ่งหนิง เห็นชัดว่าอีกฝ่ายไม่ได้โกหกมันเลย แต่ถ้าเป็นเรื่องจริง โลกนี้มันจะไม่บ้าเกินไปหน่อยหรือ?

  ต้วนหลิงเทียนประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ได้ แม้จะทำให้มันตกใจ แต่มันก็ไม่ได้ประหลาดใจอะไรมากมาย

  ท้ายที่สุดแล้ว ในอดีตมันก็เห็นๆกันอยู่ว่าต้วนหลิงเทียนมีพรสวรรค์ขนาดไหน

  แต่เกิดอะไรขึ้นกับโหวชิ่งหนิงกัน?

  พรสวรรค์กับความเข้าใจของโหวชิ่งหนิงนั่น มันกล้าพูดได้เต็มปากว่าไม่สู้มันด้วยซ้ำ ถึงแม้ในอดีตโหวชิ่งหนิงจะแข็งแกร่งกว่ามัน แต่เป็นเพราะโหวชิ่งหนิงเป็นนายน้อยของนิกายระดับราชาเทพ จึงมีทรัพยากรบ่มเพาะไม่ขาด ส่วนมันติงเหยียนก็แค่ดิ้นรนอยู่ในโลกภายนอกอย่างทุลักทุเลเท่านั้น

  ถึงแม้มันจะมีโอกาสเข้าร่วมนิกายมังกรสวรรค์แต่แรก มันก็ปฏิเสธไป

  แต่ไม่นาน อาวุโสของมันก็เดินทางมาหามันถึงสถานศึกษาหมอกเร้นลับสาขาเมืองวายุสวรรค์ กระทั่งบังคับจับตัวมันกลับมาฝึกปรือที่นิกายมังกรสวรรค์ และมอบทรัพยากรบ่มเพาะล้ำค่าที่ในอดีตมันไม่กล้าแม้แต่จะฝันให้มันไม่ขาด

  เดิมทีมันก็คิดจะติดต่อไปหาต้วนหลิงเทียนกับโหวชิ่งหนิง แต่อาวุโสคนนั้นกลับยึดแหวนพื้นที่มันไปหน้าตาเฉย เพื่อให้มันตั้งใจฝึกฝนบ่มเพาะ ไม่ฟุ้งซ่าน จนมันไม่มีโอกาสติดต่อไปบอกเรื่องราวใดๆกับโหวชิ่งหนิงและต้วนหลิงเทียน

  สุดท้ายการจะส่งข้อความก็ต้องใช้ลูกแก้ววิญญาณเป็นสื่อ

  และลูกแก้ววิญญาณของต้วนหลิงเทียนกับโหวชิ่งหนิงก็อยู่ในแหวนพื้นที่

   เพ่ย! น้ำเสียงไม่เชื่อนั่นของเจ้ามันอะไรกันหา!? 

  ได้ยินคำถามด้วยน้ำเสียงไม่อยากจะเชื่อของติงเหยียน โหวชิ่งหนิงก็บ่นออกมาด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะถามว่า  แล้วนี่ตอนนี้เจ้าอยู่ที่ไหนกัน ฟังจากที่ต้วนหลิงเทียนพูด เหมือนเจ้าจะอยู่ในนิกายมังกรสวรรค์ด้วยงั้นรึ?! 

   ตอนนี้ข้ากับต้วนหลิงเทียนอยู่ที่สังเวียนเหยียนหลง เจ้ารีบมาเร็วๆ จะได้รับทราบความร้ายกาจของพี่หนิงคนนี้ไวๆ! 

   ราชาเทพขั้นต่ำอะ ราชาเทพขั้นต่ำเจ้ารู้จักรึเปล่า!! 

  น้ำเสียงอวดโอ่อย่างไร้ความเขินอายของโหวชิ่งหนิง ทำให้ต้วนหลิงเทียนที่อยู่ข้างๆรู้สึกคันมืออยากตีคนขึ้นมาตงิดๆ

  ราชาเทพขั้นต่ำ!?

  ได้ยินคำพูดผ่านข้อความของโหวชิ่งหนิง ติงเหยียนก็ประหลาดใจจนอ้าปากค้าง สุดท้ายก็ส่งข้อความด้วยน้ำเสียงโพล่งดัง  เจ้ารออยู่ตรงนั้นล่ะ ไม่กี่ 10 ลมหายใจข้าก็ถึงแล้ว!! 

  พอกล่าวจบคำ คนก็คล้ายกลับกลายเป็นลูกไฟดวงเขื่อง พุ่งวาบผ่านฟ้าไปด้วยความเร็วปานอุกกาบาต มุ่งหน้าไปยังทิศทางที่ตั้งของสังเวียนเหยียนหลง

  สังเวียนเหยียนหลง เป็นลานประลองใหญ่ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาที่สูงที่สุดในเทือกเขาเหยียนหลง ยังเป็นสถานที่จัดการแข่งขันมังกรซ่อนมาโดยตลอด

  เป็นธรรมดาว่าการแข่งขันมังกรซ่อนจริงๆ ก็ไม่ใช่ว่าจะให้ผู้คนสู้กันบนสังเวียนเหยียนหลง

  สังเวียนเหยียนหลงเป็นดั่งสถานที่รวมตัวเท่านั้น

  เพราะการแข่งขันมังกรซ่อน มันต่างจากการประลองวัดฝีมือของเหล่าศิษย์ นั่นคือการต่อสู้กันอย่างไม่มีใครยอมใครเพื่อแสดงฝีมือหรือช่วงชิงรางวัลจากการจัดอันดับ แม้ตัวเวทีจะสร้างจากศิลาแกร่งชั้นดี แต่ไหนเลยจะทนรับพลังจากการต่อสู้ได้ไหว

  เช่นนั้นแล้ว การแข่งขันมังกรซ่อนนั้น ผู้คนจะต่อสู้กันบนฟ้าเหนือสังเวียนเหยียนหลง

  …

   เจ้านั่นมันบอกว่าไม่กี่สิบลมหายใจมันก็จะมาถึงที่นี่ 

  หลังได้ยินข้อความของติงเหยียน โหวชิ่งหนิงก็หันไปกล่าวบอกต้วนหลิงเทียนทันที

   อือ 

  ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าพลางยิ้ม แต่ในใจก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมติงเหยียนถึงมาอยู่ในนิกายมังกรสวรรค์ได้? และถ้าอีกฝ่ายเข้าร่วมรอบคัดเลือกด้วยไฉนไม่เห็นเขากับโหวชิ่งหนิง?

  ต้องทราบด้วยว่าการลงมือของเขาในรอบคัดเลือกนั้น ค่อนข้างจะโดดเด่นสะดุดตาเป็นที่สุด ไม่ว่าใครต่อให้ไม่สนใจจะชมดูการทดสอบรอบคัดเลือก ก็ต้องสังเกตเห็นหรือได้ยินการลงมือของเขา

  ‘บางทีมันพึ่งจะได้ยินเรื่องข้ามาเฉยๆแต่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ก็เลยรู้ว่าข้าอยู่ที่นี่ เช่นนั้นก็เลยติดต่อมาหาข้า…แต่มันไม่ได้ยินใครพูดถึงโหวชิ่งหนิง’

  ‘หากเป็นแบบนี้ก็อธิบายได้’

  ‘เพราะถ้ามันอยู่ในเหตุการณ์จริงๆ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เห็นโหวชิ่งหนิง’

  พอนึกไปนึกมา ต้วนหลิงเทียนก็พอจะมองเรื่องราวได้ออก

   อาคันตุกะต้วน พวกท่านคุยเรื่องอะไรกันอยู่หรือ 

  มู่หรงอวิ๋นเยว่ที่ยืนอยู่ข้างๆ เอ่ยถามด้วยสีหน้าว่างเปล่า

   อ้อ พอดีสหายของพวกเรากำลังจะมาหาน่ะ 

  ต้วนหลิงเทียนหัวเราะ

  เวลาเพียงสิบกว่าลมหายใจ ไม่ทันไรก็ผ่านพ้นไป

   นั่นไง มันมานู่นแล้ว! 

  ไม่ทันที่ต้วนหลิงเทียนจะละสายตาออกจากมู่หรงอวิ๋นเย่ว เสียงของโหวชิ่งหนิงก็โพล่งดังขึ้น จากนั้นก็ชี้ไปยังขอบฟ้าทิศทางหนึ่ง

  ต้วนหลิงเทียนที่หันตามนิ้วของโหวชิ่งหนิงไป เพียงมองปราดเดียวก็จดจำได้ว่าผู้ที่กำลังเหาะมาด้วยความเร็วสูงคือติงเหยียน

  ติงเหยียนนั้นร่างสูงบึกบึน มันสูงราวสองหมี่มัดกล้ามใหญ่โตจนคนคล้ายหมีควาย เพียงพบเจอครั้งเดียวก็จดจำได้ไม่รู้ลืม

  อย่างไรก็ตามพอได้เห็นติงเหยียนอีกครั้ง ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ว่าบุคลิกทั้งอารมณ์ความรู้สึกที่ส่งออกมาของอีกฝ่ายมันแตกต่างจากในอดีตพอสมควร

  ติงเหยียนในอดีตนั้น ให้ความรู้สึกเหมือนนักเลงแลดูโผงผาง

  ทว่าบัดนี้กลับแลดูสำรวมขึ้นไม่น้อย

  กระทั่งมองปราดเดียวยังรู้สึกเสมือนอีกฝ่ายเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก

  เมื่อต้วนหลิงเทียนกับโหวชิ่งหนิงสังเกตเห็นติงเหยียน ด้านติงเหยียนก็สังเกตเห็นทั้งคู่เช่นกัน จากนั้นสองตามันก็ลุกวาวสว่างจ้า เร่งเหินร่างมาหาสหายทั้งสองคนทันที

  พริบตาเดียวมันก็มาหยุดลงเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนกับโหวชิ่งหนิง

  ผ่านไปเกือบ 30 ปี ในที่สุดทั้ง 3 ก็ได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง

  ครั้งสุดท้ายที่เจอกันก็ตั้งแต่ที่สถานศึกษาหมอกเร้นลับสาขาเมืองวายุสรรค์แล้ว

   โหวชิ่งหนิง นี่เจ้าผ่านการทดสอบจนเป็นศิษย์ฝ่ายในนิกายมังกรสวรรค์แล้วจริงๆเหรอ!? 

  สิ่งแรกที่ติงเหยียนทำหลังได้พบเจอต้วนหลิงเทียนกับโหวชิ่งหนิงอีกครั้ง ก็คือมองไปยังบริเวณเอวของโหวชิ่งหนิง และพอเห็นป้ายประจำตัวศิษย์ฝ่ายในของนิกายมังกรสวรรค์ที่ห้อยแขวนไว้ สองตามันก็เป็นประกายจ้า เอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงประหลาดใจทั้งไม่อยากจะเชื่อตาตัวเอง

  และในขณะที่ติงเหยียนมองไปยังป้ายประจำตัวของโหวชิ่งหนิง ด้านโหวชิ่งหนิงก็เหลือบมองไปยังบริเวณเอวของติงเหยียนโดยไม่รู้ตัว จึงเห็นป้ายที่ติงเหยียนห้อยแขวนไว้ทันที

   ติงเหยียนเจ้า…นี่เจ้าก็เป็นศิษย์ฝ่ายในของนิกายมังกรสวรรค์ด้วยงั้นเหรอ!? 

   ไม่สิ! นี่เจ้าได้ป้ายนั่นมาได้อย่างไรกัน เพราะหากจะว่ากันตามช่วงเวลา เจ้าก็น่าจะเข้าร่วมรอบคัดเลือกเหมือนพวกเรานี่นา? 

  โหวชิ่งหนิงเอ่ยทักด้วยความสงสัย คิ้วยังขดย่นเป็นปม  แต่ไฉนข้าถึงไม่เห็นเจ้าในรอบคัดเลือกเลยเล่า กระทั่งตอนมารวมตัวกันรอทดสอบ ก็ไม่เห็นเจ้าอยู่ที่ไหนเลย? 

  ต้วนหลิงเทียนเองก็เหลือบไปมองป้ายที่ห้อยไว้บริเวณเอวของติงเหยียนเช่นกัน ซึ่งมันเป็นป้ายประจำตัวบ่งบอกฐานะศิษย์ฝ่ายในของนิกายมังกรสวรรค์ไม่ผิดแน่ และตัวป้ายยังมีลวดลายเฉพาะ

  ลวดลายเฉพาะที่ว่า ถูกนิกายมังกรสวรรค์สลักจารึกขึ้นมาด้วยวิธีและวัสดุเฉพาะ แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะปลอมแปลงขึ้นมา และป้ายดังกล่าวก็มีอายุใช้งานแค่เดือนเดียวเท่านั้น

  เพราะลวดลายเฉพาะดังกล่าว มันมีความหมายว่า ศิษย์ฝ่ายในหรือศิษย์ฝ่ายนอกที่ห้อยแขวนป้ายประจำตัวอันมีลวดลายนี้นั้น ก็คือผู้ที่มีสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันมังกรซ่อน

  ปกติแล้วลวดลายดังกล่าวจะไม่ปรากฏอยู่บนป้ายประจำตัวศิษย์ฝ่ายในหรือศิษย์ฝ่ายนอก ที่ไม่ได้พึ่งเข้าร่วมนิกายมังกรสวรรค์ในการทดสอบครั้งนี้

   ติงเหยียน ที่แท้มันยังไงกันแน่? 

  ต้วนหลิงเทียนก็สงสัยเช่นกัน

   ไว้ข้าจะอธิบายให้ฟังทีหลัง 

  ติงเหยียนคลี่ยิ้มร่า จากนั้นก็หันไปมองมู่หรงอวิ๋นเยว่ข้างๆโหวชิ่งหนิง  พวกเจ้าสองคนยังไม่แนะนำให้ข้ารู้จักแม่นางท่านนี้เลย 

   นี่คือคุณหนู 3 ของตระกูลมู่หรง มู่หรงอวิ๋นเยว่ 

  ต้วนหลิงเทียนก็แนะนำมู่หรงอวิ๋นเยว่ให้ติงเหยียนรู้จักทันที ขณะเดียวกันก็ส่งเสียงผ่านพลังไปบอกมันว่า  นางชอบโหวชิ่งหนิง และเจ้าโหวชิ่งหนิงก็สนใจนางเช่นกัน…หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกไม่นานเจ้ากับข้าคงได้ดื่มสุรามงคลของมันแล้ว 

  พอต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ สองตาติงเหยียนก็ลุกวาวขึ้นมาทันที จากนั้นก็หันไปมองกล่าวกับมู่หรงอวิ๋นเยว่ด้วยรอยยิ้มว่า  ที่แท้เป็นแม่นางมู่หรงอวิ๋นเยว่ คุณหนู 3 ของตระกูลมู่หรงนี่เอง 

   ยินดีที่ได้รู้จัก ข้าเรียกว่าติงเหยียนเป็นเพื่อนของต้วนหลิงเทียนกับโหวชิ่งหนิง 

  ติงเหยียนก็กล่าวแนะนำตัวเองออกมา

   ยินดีที่ได้พบ 

  มู่หรงอวิ๋นเยว่ย่อมสังเกตเห็นสายตายิ้มกริ่มของติงเหยียนหลังจากมองนางสลับกับโหวชิ่งหนิง ราวกับสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง ทำให้นางอดไม่ได้ที่จะหน้าแดงขึ้นมาเพราะความเขิน และยังรู้ได้ทันทีว่าต้วนหลิงเทียนต้องบอกอะไรบางอย่างให้ติงเหยียนฟังแน่ หาไม่แล้วติงเหยียนคงไม่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แบบนี้

  ถึงแม้ตอนนี้นางจะอยู่ข้างกายโหวชิ่งหนิง แต่ก็ไม่ได้จับมือถือแขนโหวชิ่งหนิงแต่อย่างใด

   เพ่ย! เจ้ายังรู้ด้วยหรือว่าข้ากับต้วนหลิงเทียนเป็นเพื่อนเจ้า? 

  โหวชิ่งหนิงมองค้อนติงเหยียน  อยู่ๆเจ้าก็จากไปโดยไม่ลาสักคำ ข้ากับต้วนหลิงเทียนส่งข้อความหาเจ้ากี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็เหมือนถมทะเล 

   หากไม่ใช่เพราะข้ากับต้วนหลิงเทียนเห็นว่าลูกแก้ววิญญาณของเจ้ายังอยู่ดี คงนึกว่าเจ้าไปนอนตายกลางป่าเปลี่ยวแล้ว 

   เอาล่ะ ไหนๆเจ้าก็มาแล้ว สมควรเล่าให้พวกเราฟังได้แล้วกระมัง ว่าที่แท้เกิดอะไรขึ้นกับเจ้ากันแน่ 

  กล่าวถึงจุดนี้ โหวชิ่งหนิงก็มองจ้องติงเหยียนด้วยสายตาเอาเรื่อง

  ได้ยินดังนั้น ติงเหยียนก็ได้แต่คลี่ยิ้มโง่งมยกมือขึ้นเกาหัวแกรกๆ เพราะเรื่องนี้ก็ผิดที่มันจริงๆ  ช่วยไม่ได้นี่นา ตอนนั้นอะไรๆมันก็ปุบปับไปหมด 

   ข้าเองก็อยากจะบอกพวกเจ้าเหมือนกัน แต่พอดีแหวนพื้นที่ข้าดันโดนยึดไปซะก่อน ข้าพึ่งจะได้คืนมาก็เมื่อวานนี้เอง 

  คำพูดของติงเหยียนก็ยืนยันข้อสันนิษฐานที่ต้วนหลิงเทียนกับโหวชิ่งหนิงคาดไว้ก่อนหน้า

   แล้วใครยึดแหวนเจ้าไปเล่า? 

  โหวชิ่งหนิงเอ่ยถามออกไปโดยไม่รู้ตัว

  ขณะเดียวกัน คล้ายโหวชิ่งหนิงจะนึกอะไรขึ้นได้ จึงไม่รอให้ติงเหยียนกล่าวตอบ เพียงยิงคำถามเพิ่มไปอีกครั้งว่า  แล้วไฉนเจ้าถึงมาอยู่ในนิกายมังกรสวรรค์ได้ เพราะเหตุใดเจ้าถึงมีป้ายประจำตัวศิษย์ฝ่ายในที่มีสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันมังกรซ่อนเหมือนพวกเรา? 

 

War sovereign Soaring The Heavens

War sovereign Soaring The Heavens

Status: Ongoing

จิตวิญญาณของผู้เชี่ยวชาญการใช้อาวุธในโลกปัจจุบัน ได้ทะลุข้ามไปยังโลกอื่นรวมเข้ากับความทรงจำของของเด็กหนุ่ม ที่ถูกกลั่นแกล้งตลอดเวลา จนกระทั้งขาดใจตาย

การฝึกฝนเทคนิค เก้ามังกรเทพสงคราม จะสามารถกวาดล้างศัตรูได้โดยไม่มีวันแพ้!

ขณะที่เขา มีความสามารถในการปรุงยา การสร้างอาวุธ และเชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ …

ทักษะทั้งหมดนี้ คือวิถีทางแห่งราชันย์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท