War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 3819 : พวกนาง…ที่แท้เป็นใครกันแน่?

ตอนที่ 3819 : พวกนาง...ที่แท้เป็นใครกันแน่?

   ขยันฝึกฝนให้มาก 

   ข้าเองก็ช่วยเจ้าได้แค่นี้ 

  เสียงผ่านพลังเพียงกล่าวบอกเขาไม่กี่คำ จากนั้นก็เงียบหายไปเลย ไม่มีส่งมาอีก

  อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนสามารถบอกได้ทันทีว่าผู้ที่ส่งเสียงผ่านพลังดังกล่าวมา สมควรเป็นจักรพรรดิเทพสตรีอันทรงพลังที่พึ่งจะบุกฝ่าค่ายกลพิทักษ์ของนิกายมังกรสวรรค์เข้ามาได้อย่างง่ายดาย

  หลังได้ยินเสียงผ่านพลังดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนก็หันรีหันขวางมองไปรอบๆ แต่กลับไม่พบเจอใคร ทั้งยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายส่งแหวนมาถึงฝ่ามือเขาได้อย่างไร

  ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังหันรีหันขวางมองไปรอบๆ เสียงสตรีก็ดังก้องไปทั่วนิกายมังกรสวรรค์อีกครั้ง  ข้าไปแล้ว ทิวทัศน์ของนิกายมังกรสวรรค์นับว่าไม่เลวทีเดียว 

  ยังคงเป็นเสียงของจักรพรรดิเทพที่ทรงพลังผู้นั้น

  ได้ยินเสียงดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนก็อดเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัยไม่ได้ ด้านโหชิ่งหนิงที่พึ่งแงะร่างออกมาจากผนังผา ก็ยืนทึมทื่ออยู่ตรงนั้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

  ส่วนเซวียหมิงจื่อรองประมุขนิกายมังกรสวรรค์ ที่กำลังกล่าวเตือนพวกศิษย์อาจารย์กวงเทียนเจิ้ง สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที แต่ในขณะเดียวกันมันก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกลับๆ

  ในเมื่อตัวตนขอบเขตจักรพรรดิเทพอันทรงพลังได้จากไปแล้ว เช่นนั้นหมายความว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตั้งใจจะฆ่ามันจริงๆ

   ไปแล้ว? 

   จากไปง่ายๆเช่นนี้เลยหรือ? 

   จักรพรรดิเทพอันทรงพลังที่สามารถบุกฝ่าค่ายกลพิทักษ์เข้ามาในนิกายมังกรสวรรค์ของพวกเราง่ายๆ ที่แท้แค่มาชมวิวเฉยๆ? 

   หากไม่ใช่แค่นั้นแล้วยังจะมีอะไรได้เล่า? เจ้าคิดว่านางจะมีเจตนาอะไรกับนิกายมังกรสวรรค์ของพวกเราหรือ? แถมในประวัติศาสตร์ของนิกายมังกรสวรรค์เรา ก็ไม่เคยปรากฏตัวตนระดับจักรพรรดิเทพที่ทรงพลังถึงขั้นนี้มาก่อน 

   มิผิด จักรพรรดิเทพที่สามารถบุกฝ่าค่ายกลพิทักษ์ของนิกายมังกรสวรรค์ของพวกเราได้ง่ายๆ ไม่ใช่จักรพรรดิเทพธรรมดาๆแน่นอน! 

  …

  ห่างออกไปจากจุดที่ต้วนหลิงเทียนลอยร่างไม่ไกล เหล่าศิษย์ฝ่ายในก็คุยกันเสียงดังระงม น้ำเสียงของพวกมันยังเต็มไปด้วยความตกใจนัก

  จักรพรรดิเทพอันทรงพลัง!

  ถึงแม้พวกมันจะอยู่ในนิกายมังกรสวรรค์ซึ่งเป็นขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพ แต่ตัวตนระดับจักรพรรดิเทพนั้นเป็นอะไรที่ชั่วชีวิตของพวกมันยังไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน และผู้ที่มาวันนี้ดูทรงแล้วก็เป็นจักรพรรดิเทพอันทรงพลังถึงขั้นไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์นิกายมังกรสรรค์ เช่นนั้นถึงแม้พวกมันจะได้ยินแค่เสียงแต่ก็รู้สึกตื่นเต้นมากแล้ว

  นิกายระดับจักรพรรดิเทพเฉกเช่นนิกายมังกรสวรรค์ ในระนาบเทพมักเรียกหาว่านิกายจักรพรรดิเทพถดถอย

  แต่เป็นธธรมดาว่าถึงจะเป็นนิกายจักรพรรดิเทพถดถอย แต่ก็ยังคงเป็นขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพอยู่ดี และนิกายระดับจักรพรรดิอื่นๆที่มีตัวตนระดับจักรพรรดิเทพดำรงอยู่ หากไม่แน่ใจโดยสมบูรณ์ ก็ไม่มีใครกล้าลงมือแตะต้องนิกายจักรพรรดิเทพถดถอยเช่นนิกายมังกรสวรรค์มั่วซั่ว

  ดั่งคำกล่าวที่ว่า ‘อูฐผอมใกล้ตายยังตัวใหญ่กว่าม้า’ ถึงแม้จะเป็นนิกายระดับจักรพรรดิเทพถดถอย ที่ในปัจจุบันไร้ซึ่งตัวตนระดับจักรพรรดิเทพดำรงอยู่ แต่ผู้ใดจะไปรู้ว่าบรรพบุรุษขอบเขตจักรพรรดิเทพในอดีตใช่ยังมีชีวิตอยู่ที่ไหนสักแห่ง หรือมีสหายหรือไม่?

  หากในบรรดาบรรพบุรุษเหล่านั้น มีสหายสนิทขอบเขตจักรพรรดิหรือกระทั่งขอบเขตอริยะเทพที่ฝากฝังไว้ให้ดูแลนิกายก่อนตาย แม้ตัวเองจะตายไปแล้วแต่ใครกล้ารับประกันได้ว่าสหายจะไม่ลงมือ?

  ในประวัติศาสตร์อันยาวนานของระนาบเทพ เรื่องพรรค์นี้ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

  ในดินแดนดาราพิศวงแห่งนี้เองก็เช่นกัน ในอดีตเคยมีขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพที่มีตัวตนระดับจักรพรรดิเทพอันทรงพลังมากมายดำรงอยู่ และพวกมันก็ได้ลงมือทำลายล้างนิกายระดับจักรพรรดิเทพถดถอยเพราะหมายยึดครองทรัพยากรสั่งสมอำนาจ

  อย่างไรก็ตาม หลังพวกมันลงมือทำเช่นนั้นได้ไม่กี่ปี กลับปรากฏตัวตนระดับอริยะเทพคนหนึ่งบุกมาเข่นฆ่าสังหาร จนคนในขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพดังกล่าว ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการลงมือไม่เหลือรอดแม้แต่คนเดียว

  จากนั้นขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพที่ว่าก็ถดถอยลง จนในที่สุดก็ล่มสลาย

  นอกจากนั้นยังมีกรณีดังกล่าวมากกว่าหนึ่งครั้ง

  ด้วยมีกรณีดังกล่าวเป็นบทเรียน เช่นนั้นถึงแม้จะเป็นขุมกังระดับจักรพรรดิเทพถดถอย ที่ไร้ตัวตนระดับจักรพรรดิเทพดำรงอยู่มานาน แต่ก็ไม่มีขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพธรรมดาๆที่ไหน หาญกล้ายื่นมาออกมาแตะต้องง่ายๆ

  สำหรับขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพที่แข็งแกร่งเข้าหน่อย ก็ดูถูกเหยียดหยาม จนไม่อยากลดตัวลงมารังแกขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพถดถอยทั้งหลาย

  ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้มีขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพอันแข็งแกร่งคิดลงมือจริงๆ ทว่าต่อหน้าตัวตนระดับอริยะเทพแล้ว พวกมันก็ไม่ต่างอะไรจากลูกเจี๊ยบไร้เรี่ยวแรง…

  ‘นางเป็นใครกันแน่ ไฉนถึงส่งแหวนพื้นที่วงนี้มาให้ข้า’

  ‘แล้วในแหวนพื้นที่วงนี้มีอะไรอยู่กัน…’

  ในขณะที่เหล่าศิษย์ฝ่ายในของนิกายมังกรสวรรค์กำลังคุยกันออกรส ต้วนหลิงเทียนก็ผูกพันธะครองแหวน จากนั้นก็แผ่สำนึกเทวะลงไป มองดูสิ่งของที่อยู่ในแหวนพื้นที่

  สิ่งแรกที่เขาพบก็คือพื้นที่ในแหวนนั้นกว้างใหญ่มาก แถมยังมีหินเทพกองเป็นภูเขา มองคร่าวๆแล้วก็บอกได้ทันทีว่มากกว่าหินเทพในมือเขาเสียอีก

  กล่าวได้ว่าหากนับรวมกับหินเทพที่เขามีอยู่ก่อน ตอนนี้เขาสมควรมีหินเทพราวๆ 3 ล้านตำลึง!

  ‘หินเทพมากมายขนาดนี้เชียว…’

  หลังจากใจสั่นเพราะเห็นกองหินเทพแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มมองสำรวจสิ่งของอื่นๆที่อยู่ในแหวน และเขาก็พบได้ไมยากว่ามีผลไม้เทพ สมุนไพรเทพ รวมถึงโอสถเทพเก็บไว้มากมาย

  จำนวนก็ไม่ได้น้อยเลย!

  ต้วนหลิงเทียนลองเปิดขวดโอสถเทพในแหวนดู 2-3 ขวด ยกเว้นโอสถเทพบางขนานที่เขาไม่รู้จักแล้ว โอสถเทพที่เก็บไว้ในขวดล้วนเป็น โอสถเทพระดับจอมราชันทั้งสิ้น

  ยิ่งไปกว่านั้น มันยังเป็นโอสถเทพระดับจอมราชันที่สามารถส่งเสริมพลังฝึกปรือให้เขาได้!

  และนอกจากนั้น ในแหวนยังมีอุปกรณ์เทพมากมายหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น มีด ดาบ กระบี่ หอก แถมไม่มีข้อยกเว้น ทั้งหมดเป็นอุปกรณ์เทพขั้นสูงทั้งสิ้น

  และบริเวณมุมหนึ่งของพื้นที่ในแหวน เขาก็พบแส้สีแดงขดอยู่ ตัวแสดังกล่าวเต็มไปด้ยแสงพลังสีเลือดเรืองรอง พอแผ่สำนึกเทวะไปตรวจสอบให้แน่ชัด เขาก็สัมผัสได้ถึงความผันผวนของวิญญาณ

  ‘นี่มัน…จิตวิญญาณศาสตรา!?’

  สีหน้าต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนไปทันที เนื่องเพราะแส้ยาวสีแดงดังกล่าว กลับเป็นอุปกรณ์เทพที่มีจิตวิญญาณ!

  อย่างไรก็ตาม จิตวิญญาณในแส้ยังไม่ได้เติบโตเต็มที่ เรียกว่าพึ่งจะตั้งครรภ์วิญญาณก็ได้ มันอยู่ในระดับเดียวกับกระบี่เทพขั้นสูงที่ตั้งครรภ์วิญญาณแล้ว เล่มเดียวกับที่หวูเฟิงได้รับไปในอดีต

  อาจกล่าวได้ว่า สิ่งของอื่นๆภายในแหวนนั้น ต่อให้มัดรวมกันก็ยังมีมูลค่าไม่เท่าอุปกรณ์เทพขั้นสูงที่ตั้งครรภ์วิญญาณแล้ว

  ‘นางเป็นใครกันแน่?’

  ‘ไฉนถึงมอบของเหล่านี้ให้ข้า?’

  ต้วนหลิงเทียนได้แต่อื้ออึง ด้วยนึกไม่ออกจริงๆว่าอีกฝ่ายเป็นใครกันแน่ ไฉนถึงมอบสิ่งของให้เขามากมาย แถมแต่ละอย่างยังเป็นของดีทั้งนั้น โดยเฉพาะอุปกรณ์เทพขั้นสูงที่ตั้งครรภ์วิญญาณแล้วนั่น ให้นำไปวางไว้ที่ไหนในระนาบเทพ ต่อให้เป็นตัวตนระดับจักรพรรดิเทพทั่วไป ก็เกรงว่าคงคิดช่วงชิงกันอย่างเสียสติ

   ให้ตายเถอะ… 

  ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่บัดนี้โหวชิ่งหนิงที่ถูกซัดจนปลิวไปฝังร่างในผนังผา ก็ได้เหินร่างกลับมาหาต้วนหลิงเทียนกับติงเหยียนแล้ว ยังกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มเหยเก  จักรพรรดิเทพอันทรงพลัง ไฉนดุร้ายนักเล่า? 

   แต่ยังดีที่นางมีเมตตา หาไม่แล้วเมื่อครู่ข้าคงถูกนางตีจนตาย 

  ขณะกล่าว โหวชิ่งหนิงก็หันไปมองหัวไหล่ด้านขวาที่บัดนี้เสื้อผ้าบริเวณนั้นฉีกขาด รอยฝ่ามือยังแดงชัด เนื้อแตกเลือดคั่งกันเลยทีเดียว

   มิน่าล่ะ ข้าก็สงสัยอยู่แล้วเชียวว่าอยู่ๆเจ้าหายไปไหน…ที่แท้ถูกจักรพรรดิเทพอันทรงพลังผู้นั้นตบเข้าให้เพราะปากพล่อยนี่เอง… 

  ติงเหยียนตกใจนัก  เจ้าบ้าเอ๊ย คราวนี้ปากเจ้าเกือบพาซวยแล้วไหมล่ะ 

   ผู้ใดจะไปรู้เล่า… 

  โหวชิ่งหนิงได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ สีหน้าแววตายังฉายชัดถึงความหวาดกลัว

   แยกย้ายกันไปได้แล้ว 

  ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงหนึ่งดังลงมาจากฟากฟ้าเบื้องบน เสียงที่ว่ายังกระจายไปทั่วนิกายมังกรสวรรค์

  จากนั้นท่ามกลางสายตาของทุกคนทีมองขึ้นไปบนฟ้า ก็พบว่าม่านพลังที่เคยถูกทำลายหายไปก่อนหน้า ได้ก่อตัวขึ้นมาปกคลุมนิกายอีกครั้ง

  อย่างไรก็ตาม วินาทีไม่มีใครคิดว่าม่านพลังของค่ายกลมันจะทรงพลังอย่างที่เคยอีกต่อไป ยังตระหนักกันชัดเจน ว่าที่แท้ม่านพลังจากค่ายกลพิทักษ์ก็มิได้อยู่ยงคงกระพัน

  เพราะตราบใดที่เป็นจักรพรรดิเทพอันมีพลังเข้มแข็งมากพอ ม่านพลังดังกล่าวก็เหมือนกระจกแก้วบอบบาง ทุบให้แตกสลายได้ง่ายดายนัก

   รองประมุขเซวีย อาวุโสฉีถงหยวนตายแล้ว! 

  ในสถานที่พักบ่มเพาะของ เซวียหมิงจื่อ รองประมุขนิกายมังกรสวรรค์ มีอาวุโสฝ่ายในคนหนึ่งมาเพื่อแจ้งข่าว ทำให้สีหน้าของกวงเทียนเจิ้งกับลูกศิษย์เปลี่ยนไปทันที จากนั้นแต่ละคนก็หันไปมองเซวียหมิงจื่อด้วยความสงสัย

   อะไร อาวุโสฉีตายแล้ว? 

  เซวียหมิงจื่อ ก็แสร้งหยีตาชักสีหน้าประหลาดใจออกมาได้อย่างแนบเนียน  เป็นไปได้อย่างไรกัน…ไม่นานมานี้ข้าพึ่งจะติดต่อไปเรียกตัวมันกลับมา ทั้งมันก็แจ้งว่ากำลังเดินทางกลับ… 

  ขณะที่เซวียหมืงจื่อกล่าวถึงจุดนี้ มันก็สะบัดมือเบาๆ จากนั้นก็นำเศษลูกแก้ววิญญาณกองหนึ่งออกมาจากแหวน สายตายังเปลี่ยนเป็นเย็นชาโดยพลัน  เป็นผู้ใดที่หาญกล้าฆ่าอาวุโสมังกรดำของนิกายมังกรสวรรค์เรา! 

  กล่าวจบคำ ทั่วร่างเซวียหมิงจื่อก็ปรากฏพลังเทพลุกโชนขึ้นมาปานเพลิงไฟ

   เรื่องนี้ต้องสืบให้รู้ชัด! 

   ข้าจักไปหาท่านประมุขเดี๋ยวนี้! 

  ไม่ทันที่กวงเทียนเจิ้งและลูกศิษย์รวมถึงอาวุโสฝ่ายในที่มาแจ้งข่าวจะตอบสนองเรื่องราว ร่างเซวียหมิงจื่อก็แว่บหายไปเสียแล้ว

  สุดท้ายก็คงเหลือแต่กวงเทียนเจิ้งกับลูกศิษย์สองคน

  ลูกศิษย์ที่ว่าก็เป็นศิษย์คนรองของกวงเทียนเจิ้ง และเป็นลูกเขยของเซวียหมิงจื่อ จงซ่าน

   ซ่านเอ๋อ เจ้าคิดว่าเรื่องนี้…เป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่? 

  หลังเซวียหมิงจื่อจากไปสักพัก กวงเทียนเจิ้งก็หันไปเอ่ยถามจงซ่านผ่านพลัง  รองประมุขเซวียพึ่งกล่าวว่า สหายสนิทคนหนึ่งนั้นสนิทสนมกับบรรพบุรุษของหลิงหูเหรินเจี๋ย เช่นนั้นก็ขอให้พวกเราอย่าได้แตะต้องคนจากตระกูลหลิงหูอีก กระทั่งหากเจอคนของตระกูลหลิงหูก็ให้ไว้หน้า 3 ส่วน… 

   มาตอนนี้ อยู่ๆอาวุโสฉีถงหยวนกลับตกตายเสียอย่างนั้น 

   อาวุโสฉีถงหยวน…คงมิใช่ว่าถูกสหายของรองประมุขเซวียฆ่าทิ้งไปกระมัง? 

  กวงเทียนเจิ้งคาดเดา

   ท่านอาจารย์ ข้อสันนิษฐานของท่าน จะดีเสียกว่าที่พวกเราคุยกันสองคน และท่านอย่าได้นำไปบอกผู้ใดอีก…ข้าเกรงว่าหากท่านพ่อตาล่วงรู้ขึ้นมา คงไม่ใช่เรื่องดีสำหรับพวกเราแน่ 

  จงซ่านเอ่ยออกเสียงขรึม  สุดท้ายแล้วการตายของอาวุโสมังกรดำ ก็ไม่ใช่เรื่องเล็กสำหรับนิกายมังกรสวรรค์ของพวกเราเลย 

   อาจารย์ย่อมรู้เป็นธรรมดา 

  กวงเทียนเจิ้งพยักหน้า จากนั้นสองตาก็เผยประกายเย็นชาเรืองขึ้นวาบหนึ่ง  อย่างไรก็ตาม รองประมุขเซวียเพียงบอกให้พวกเราอย่าได้แตะต้องคนของตระกูลหลิงหู…ทว่ากับต้วนหลิงเทียนนั่น พวกเราจักทำอันใดกับมันก็ได้! 

   นอกจากนั้น เท่าที่ข้าฟังจากคำพูดของรองประมุขเซวีย เห็นได้ชัดว่ารองประมุขเซวียเองก็คิดจะฆ่าต้วนหลิงเทียนเช่นกัน ไม่จำเป็นต้องให้แม่นางเซวียไปร้องขออีกต่อไป 

   อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้กลับพิกลนัก…ไฉนอยู่ๆต้วนหลิงเทียนถึงกลายเป็นหนามตำตารองประมุขเซวียขึ้นมาได้? 

  เห็นได้ชัดว่ากวงเทียนเจิ้งเองก็กำลังสับสนกับเรื่องดังกล่าว

   อย่างไรก็ช่างเถอะ เรื่องนี้นับเป็นเรื่องดีสำหรับพวกเรา 

  จงซ่านกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า  ลองท่านพ่อตาคิดจะฆ่าต้วนหลิงเทียนนั่นแบบนี้ สำหรับพวกเราแล้วนับเป็นข่าวดียิ่ง ส่วนพวกคนของตระกูลหลิงหู ขอเพียงพวกมันไม่มาตอแยพวกเรา เช่นนั้นพวกเราก็ไม่ต้องไปสนใจอะไรพวกมัน 

   จริงของเจ้า 

  กวงเทียนเจิ้งพยักหน้า

  …

  เดิมทีโหวชิ่งหนิงคิดว่าเพราะคำพูดเหลวไหลไร้แก่นสารของมันชักนำเภทภัยมาสู่ตัวแบบนี้ ต้วนหลิงเทียนเองก็ไม่พ้นต้องกล่าวล้อมันเหมือนกับติงเหยียนแน่นอน

  ทว่า ต้วนหลิงเทียนกลับลอยร่างแน่นิ่ง แลดูใจลอยสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเสียอย่างนั้น

   เฮ่ ต้วนหลิงเทียน เจ้าเหม่ออะไรอยู่? 

  โหวชิ่งหนิ่งเอ่ยถามด้วยความสงสัย ติงเหยียนเองก็รู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนผิดแปลกไป

   ก็ไม่อะไรหรอก 

  ต้วนหลิงเทียนที่กลับมารู้สึกตัวก็ส่ายหัวไปมา แต่ในใจยังสงสัยไม่หาย

  จักรพรรดิเทพที่ทรงพลังเมื่อครู่เป็นใครกันแน่?

  ไฉนจู่ๆก็มอบแหวนพื้นที่ให้เขา แถมในแหวนยังมีทรัพยากรบ่มเพาะและของล้ำค่ามากมาย?

  ‘จะเป็นอวี๋ชิวซวนผู้นั้นหรือไม่?’

  ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนก็นึกถึง ต้วนเฉียวอวี่ ที่เขารู้จักในเมืองวายุสวรรค์ กับผู้ที่ติดตามข้างกายนางอย่าง อวี๋ชิวซวน ขึ้นมา

  อย่างไรก็ตามความคิดดังกล่าวพึ่งจะผุดขึ้นไม่ทันไร เขาก็ปัดทิ้งไปทันที

  เพราะฟังจากเสียงกล่าวเมื่อครู่ มันต่างจากเสียงของอวี๋ชิวซวนอย่างสิ้นเชิง

  นอกจากนั้น อวี๋ชิวซวน ก็ไม่น่าจะใช่ตัวตนขอบเขตจักรพรรดิเทพ

  ที่สำคัญหากอีกฝ่ายคิดจะมอบสิ่งของเหล่านี้ให้เขาจริง อีกฝ่ายก็สามารถมอบให้เขาตั้งแต่วันนั้น ไม่จำเป็นต้องรอมาจนถึงวันนี้

   พวกนาง…ที่แท้เป็นใครกันแน่? 

  พอนึกถึงความคุ้นเคยและท่าทีสนิทสนม ที่ต้วนเฉียวอวี่มีต่อเขายามพบเจอกันวันนั้น ต้วนหลิงเทียนรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่น่าจะแค่รู้สึกว่าเขาอาจจะเป็นพี่ชายอย่างที่พูด

  แต่อีกฝ่ายให้ความรู้สึกเหมือนว่ารู้จักเขาแต่แรก

 

War sovereign Soaring The Heavens

War sovereign Soaring The Heavens

Status: Ongoing

จิตวิญญาณของผู้เชี่ยวชาญการใช้อาวุธในโลกปัจจุบัน ได้ทะลุข้ามไปยังโลกอื่นรวมเข้ากับความทรงจำของของเด็กหนุ่ม ที่ถูกกลั่นแกล้งตลอดเวลา จนกระทั้งขาดใจตาย

การฝึกฝนเทคนิค เก้ามังกรเทพสงคราม จะสามารถกวาดล้างศัตรูได้โดยไม่มีวันแพ้!

ขณะที่เขา มีความสามารถในการปรุงยา การสร้างอาวุธ และเชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ …

ทักษะทั้งหมดนี้ คือวิถีทางแห่งราชันย์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท