大姐大 บทที่ 145: หน้าตาก็ยังต้องการอยู่
“ฉิบ นั่นเป็นเซี่ยหมินหยูจริงๆ เซี่ยหมินหยูของวงจูปีเตอร์”
หลัวซิ่วเอินตื่นเต้นขึ้นมาในทันใด เธอดึงเฉิงอี้ถอยกลับมาและรัดคอเขาจนหายใจไม่ออก
“เฉิงอี้ดูสิ นี่เป็นเซี่ยหมินหยูจริงๆ”
“พี่สาวเอิน ตอนที่พี่เห็นไอดอล พี่ต้องรีบเข้าไปหาขอให้เขาเซ็นต์ลายเซ็นต์…” เฉิงอี้หายใจไม่ค่อยออกและพูดออกมาอย่างยากลำบาก
แทนที่จะรัดคอเขา ไปขอลายเซ็นต์จะดีกว่า
“ใช่ๆ ขอลายเซ็นต์ ถ่ายรูปคู่”
เมื่อตอนที่หลัวซิ่วเอินรู้สึกตัว เธอรีบล้วงกระเป๋าสะพาย และก็พบว่าไม่มีทั้งปากกาและกระดาษ
ถ้าอย่างนั้นก็ทำได้แค่เพียงถ่ายรูปคู่อย่างเดียว หลัวซิ่วเอินรีบคว้าโทรศัพท์มือถือของเธอออกมา
เมื่อเห็นว่าหลัวซิ่วเอินต้องการที่จะถ่ายรูปคู่กับเขา เจี่ยนหยู่หมินรีบหมุนตัวหนีหน้าและหลบไปที่เตียงของเจี่ยนอีหลิง คว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุมฝังตัวเองอยู่ใต้ผ้าห่ม
แฟนเพลงนั้นไม่จำเป็น แต่หน้าตานั้นยังต้องการอยู่
ถ้าจะว่าไปแล้ว เขาก็ยังเป็นไอดอลนักร้องอยู่
เจี่ยนอีหลิงผงกหัวขึ้นมองไปยังก้อนผ้าห่มก้อนใหญ่ที่หุ้มห่อรอบตัวของเขา
เธอยื่นมือเล็กๆของเธอออก ช่วยดึงผ้าห่มให้คลุมตัวเขามิดชิดยิ่งกว่าเดิม
เฉิงอี้แตะปลายจมูกของตนเอง “เอ่อ พี่สาว พี่ทำให้ไอดอลของพี่กลัวได้สำเร็จแล้ว”
ตอนแรกนั้นหลัวซิ่วเอินยืนงงงันไปพักหนึ่ง จากนั้นเธอก็รู้สึกว่ามีอะไรที่ผิดแปลกไปจากปกติ
“ทารกใหญ่อีหลิง น้องรู้จักเซี่ยหมินหยู่เหรอ”
“อื้อ” เจี่ยนอีหลิงตอบ
ในเวลานี้ เจี่ยนหยู่หมินก็ส่งเสียงออกมาจากผ้าห่ม
“ฉันเป็นพี่ชายของเธอ”
เพราะว่าผ้าห่ม เสียงที่ออกมาจึงค่อนข้างทึบมากกว่าปกติ แต่ก็ยังฟังดูดี
เซี่ยหมินหยู่กลับกลายเป็นพี่ชายของทารกใหญ่อีหลิงอย่างนั้นเหรอ
“ไม่ นายสกุลเซี่ย เธอนั้นสกุลเจี่ยน” หลัวซิ่วเอินมองไปยังภูเขาผ้าห่มที่ตั้งอยู่ด้วยความแปลกใจ จากนั้นก็หันกลับไปที่เจี่ยนอีหลิง
“นั้นเป็นชื่อฉายาใช้บนเวที”
เจี่ยนหยู่หมินโต้ตอบออกมาจากผ้าห่ม
ไม่ใช่เรื่องผิดปกติที่ศิลปินจะใช้ชื่อบนเวทีสำหรับการเปิดตัว มีศิลปินมากมายหลายคนที่ไม่ได้ใช้ชื่อจริง
“โอใช่ นักแสดงมักจะใช้ฉายาบนเวที นั่นหมายความว่านายเป็นพี่ชายของทารกใหญ่ของฉันจริงๆสินะ”
เซี่ยหมินหยู่เป็นพี่ชายของเจี่ยนอีหลิงจริงด้วย
ความจริงนี้ทำให้หลัวซิ่วเอินทั้งประหลาดใจและตื่นเต้น ดังนั้นเธอผู้ซึ่งรวดเร็วและเด็ดขาดจึงกลายเป็นตอบสนองได้ช้าลงกว่าเดิมถึงสองสามเท่าในตอนนี้
“แล้วอะไรกันกับทารกตัวโตของเธอ นั่นเป็นคนในตระกูลของเรานะ”
การพูดว่าเจี่ยนอีหลิงเป็นของเธอต่อหน้าคนในตระกูลนั้นถือว่าเป็นสิ่งเหมาะสมหรือไม่ แน่นอนว่านั่นต้องไม่เหมาะสม
เฉิงอี้กระแอมไอสองสามครั้งเพื่อลดทอนความลำบากใจลง “อะแฮ่ม พี่สาวเอิน พวกเราควรที่จะออกไปก่อนเพื่อให้พี่ชายของอีหลิงได้แต่งตัวก่อนดีไหม”
คนเขาเป็นถึงดาราไอดอล ดังนั้นเธอไม่ควรที่จะจ้องมองเขาตลอดเวลาตอนที่เขาอยู่ในสภาพแบบนี้ หน้าตาก็ยังไม่ได้ล้างเลย
แฟนก็ควรทำตัวแบบแฟนสิ
อย่าทำตัวเป็นแฟนแค่ครึ่งๆกลางๆ
หลัวซิ่วเอินถูกเฉิงอี้ลากตัวออกไปจากห้อง ก่อนที่เธอจะออกไป เธอก็ยังคงมองไปยังผ้าห่มของเจี่ยนอีหลิงอย่างละโมบ แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถมองทะลุผ่านผ้าห่มไปเห็นตัวคนด้านในได้
หลังจากที่ประตูห้องปิดลงแล้ว เจี่ยนหยู่หมินก็โผล่หน้าออกมาจากใต้ผ้าห่ม
เจี่ยนหยู่หมินยิ้มให้กับเจี่ยนอีหลิง จากนั้นก็ปีนออกมาจากเตียงและไปทำการชำระล้างร่างกายในห้องน้ำเฉพาะสำหรับห้องนี้
หลังจากที่ออกจากหอผู้ป่วยแล้ว หลัวซิ่วเอินยังคงอยู่ในสภาพตื่นเต้นเมื่อได้เห็นไอดอลตัวจริง
“เฉิงอี้ พี่สาวได้เห็นเซี่ยหมินหยู่ตัวจริงด้วยอ๊าา”
“พี่สาวเอิน ผมกำลังคิดว่าจูปีเตอร์ได้ทำบุญประเภทไหนกันเมื่อชาติปางก่อน เขาจึงได้ครอบครองหัวใจของพี่สาวไปจนหมดสิ้น”
จิตใจความเป็นหญิงของหลัวซิ่วเอินนั้นมีไม่มากนัก และเท่าที่มีนั้นล้วนมอบให้กับจูปีเตอร์ไปจนหมดสิ้น
“เฉิงอี้ นายกำลังรู้สึกคันเนื้อคันตัวอยู่ใช่ไหม”
“ไม่ ไม่ ไม่ ผมไม่ แน่นอนว่าไม่ ผมเพียงแค่รู้สึกยินดีไปกับพี่สาว”
เฉิงอี้เปลี่ยนคำพูดไปในพริบตา
“เอ้อ ด็อกเตอร์เฉิง ด็อกเตอร์หลัว… พวกคุณว่างหรือยังตอนนี้”
ทันใดนั้นหงไป่จาง ซึ่งรอคอยอยู่ที่ด้านนอกก็ได้เข้ามาขัดจังหวะการสนทนาของพวกเขาสองคน
เขาไม่ได้ไปไหน เขาเพียงแค่รอคอยคนทั้งคู่อยู่ที่ประตูหอผู้ป่วย