大姐大 บทที่ 228 หลังการผ่าตัด 3
เจี่ยนหยู่หมินก็เข้ามาหาด้วยเช่นเดียวกัน “เด็กขี้แย ทำไมเธอถึงทักทายแค่หยู่เจี๋ย ทำไมไม่ทักทายฉันด้วย”
เจี่ยนหยู่หมินแทบจะไม่ได้กลับไปที่บ้านหลังเก่าในตอนกลางคืน เพราะงานคอนเสิร์ตที่ยุ่งวุ่นวาย และถึงจะกลับไปก็เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว และเขาก็ไม่ได้พบกับเจี่ยนอีหลิง
เจี่ยนหยู่หมินรู้สึกไม่ค่อยมีความสุข เมื่อเขาได้ยินน้องสาวของเขาเรียกพี่ชายหยู่เจี๋ยเบาๆ แทนที่จะเรียกเขาแบบนั้น
ตามอายุแล้ว เขาก็ควรจะเป็นคนแรกที่ได้รับการทักทายก่อน ไม่ใช่เหรอ
เจี่ยนหยู่หมินเริ่มรู้สึกอิจฉา
ใบหน้าของเจี่ยนหยุ่นเฉิงมืดหม่นลง
เขาเป็นพี่ชายแท้ๆของเธอ แต่ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วที่น้องสาวของเขาเรียกเขาว่าพี่ชาย
เจี่ยนหยุ่นน่าวรู้สึกแปลกๆอยู่บ้างในครั้งนี้
เขาไม่สามารถบอกได้ว่ามันเป็นอารมณ์แบบไหน
เขาเคยเกลียดเจี่ยนอีหลิงมาก่อน และรู้สึกว่ามือของเขานั้นสิ้นหวัง ดังนั้นเขาจึงไม่ได้คิดเรื่องอื่นอีก
เขาลืมแม้กระทั่งเศษเสี้ยวความทรงจำทั้งหมดที่เขาเคยใช้ร่วมกับน้องสาวของเขามาก่อน
อารมณ์เดียวที่เหลือตอนนั้นคือความเกลียดชัง
ตอนนี้การผ่าตัดเสร็จสมบูรณ์และทำให้เขามีความหวังในชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง
ความทรงจำเหล่านั้นที่เคยกลบฝังไว้ก็ปรากฎออกมาอีกครั้ง
ในวันนั้นก่อนที่เธอจะอารมณ์เสียและผลักเขาลงไปที่ชั้นล่างอย่างไร้เหตุผล ความสัมพันธ์ของเขาทั้งคู่ก็ไม่ได้เลวร้ายเลย
เขายังยินดีที่จะดูแลและปกป้องเธอ
เขารู้สึกว่าเธอไม่ยอมให้เขาอยู่ร่วมกับกับโม่ชืออวิ้นอโดยไร้เหตุผล
อย่างไรก็ตามหากสงบสติอารมณ์และคิดถึงเรื่องนี้ ก็เป็นเพราะว่าเธอเป็นห่วงพี่ชายของตัวเอง เธอจึงไม่ต้องการให้เขาเข้าใกล้เด็กผู้หญิงคนอื่นๆในวัยเดียวกันมากเกินไป
ในเวลานั้นเขาหลงไหลโม่ชืออวิ้นและเขาก็มีความประทับใจดีๆให้กับโม่ชืออวิ้น
เขาคิดว่าพฤติกรรมของน้องสาวของเขานั้นก้าวร้าวเกินไปและไร้เหตุผล
จริงแล้วพวกเขาสามารถพูดคุยให้ดีกว่านี้ก็ได้
ถึงแม้ว่าน้องสาวต้องการโต้เถียงกับเขา เขาก็สามารถเลือกวิธีที่ดีกว่านี้ในการอธิบายกับเธอ แทนที่จะเถียงกับเธอ
ยิ่งไปกว่านั้น ความคิดดีๆที่มีต่อโม่ชืออวิ้นนั้นได้หมดสิ้นไปแล้วในตอนนี้
เมื่อปราศจากความผูกพันทางอารมณ์นั้นอีกต่อไปแล้ว เจี่ยนหยุ่นน่าวก็ได้ย้อนระลึกถึงเรื่องนี้และก็รู้สึกว่าการทะเลาะกันนั้นไม่เหมาะสม
ในเมื่อเขารู้สึกว่าน้องสาวของเขาไม่ควรมาทะเลาะกับเขา แล้วทำไมเขาจึงไปทะเลาะกับเธอล่ะ
ตบมือข้างเดียวไม่ดัง การทะเลาะกันก็เหมือนกัน มันเป็นการโต้เถียงด้วยความโกรธของคนสองคน ไม่ใช่แค่คนเดียวก็จะทำให้เกิดการทะเลาะได้
บางครั้งคนเราก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่ประหลาดพิกลแบบนี้
เห็นได้ชัดว่าฉันอยากจะเกลียดเธอไปชั่วชีวิต แต่ตอนนี้ …
เจี่ยนหยุ่นน่าวมองไปที่เจี่ยนหยู่หมิน เจี่ยนหยู่เจี๋ยและเจี่ยนอีหลิง
เจี่ยนหยู่เจี๋ยยิ้มและพูดกับเจี่ยนอีหลิง “น้องสาวอีหลิงไม่สนใจพี่ชาย เขาเลยอิจฉา”
เจี่ยนหยู่หมินไม่มีความสุข แต่เจี่ยนหยู่เจี๋ยมีความสุข
เขาไม่เคยชนะพี่ชายมาก่อน แต่ตอนนี้พี่ชายเอาชนะเขาไม่ได้
“แกว่าใครหึง”
เจี่ยนหยู่หมินต้องการบอกให้น้องชายคนสุดท้องของเขารู้ว่าสังคมที่เลวร้ายนั้นเป็นอย่างไร เมื่อคิดอะไรไม่ระวัง
เจี่ยนหยู่หมินอาศัยร่างกายที่สูงและกล้ามเนื้อที่แข็งแรงกว่าของเขา เบียดเจี่ยนหยู่เจี๋ยออกไปและครองตำแหน่งที่ใกล้เคียงกับน้องสาวแทน
ร่างกายของเจี่ยนหยู่เจี๋ยไม่ได้ผอมบางในหมู่คนรอบข้าง แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ด้อยกว่าพี่ชายของตัวเอง
เจี่ยนหยู่หมินฝึกฝนการเต้นและการออกกำลังกายมาโดยตลอด ดังนั้นเขาจึงมีกล้ามเนื้อหน้าท้อง กล้ามอก และกล้ามเนื้อแขน
เมื่อเผชิญหน้ากับ “การรังแก” ของเจี่ยนหยู่หมิน เจี่ยนหยู่เจี๋ยก็ทำอะไรไม่ได้
เขาทำได้เพียงยืนอยู่ข้างๆอย่างขมขื่น จ้องมองพี่ชายด้วยสายตาขุ่นเคือง แต่ว่านั่นไม่ทำให้เกิดความเสียหายใดๆเลย
เจี่ยนหยู่หมินก้มหัวลงและพูดกับเจี่ยนอีหลิง “เด็กขี้แย ไม่ว่ายังไง เธอต้องมีความยุติธรรม เธอเรียกหยู่เจี๋ยเป็นพี่ชาย ฉันก็ต้องได้รับไม่น้อยไปกว่านั้น”
เจี่ยนหยู่หมินเริ่มทำตัวหน้าด้าน