ย่าเจียนไม่สามารถตัดสินใจเรื่องนี้ได้ ดังนั้นเธอจึงทําได้เพียงแค่รอให้สามีเป็นคนตัดสินใจ
ปู่เจี่ยนครุ่นคิดเรื่องนี้ชั่วระยะหนึ่ง
เหตุผลที่เขาปฏิเสธที่จะให้ธุรกิจครอบครัวกับเจี่ยนหยู่โป๋เพราะเขาโกรธ
ปู่เจี่ยนอยากจะทําลายธุรกิจของครอบครัวมากกว่าจะส่งต่อให้กับคนที่ข่มขู่เขาทางอ้อม
แต่ว่า…ถ้าเจี่ยนหยู่โป๋เกลียด…
หากเป็นกรณีนี้ บางทีเขาก็ย่อมยินดีที่จะมอบทรัพย์สมบัติของตระกูลให้เจี่ยนหยู่โป๋
ปู่เจี่ยนพูดกับเจี่ยนอี่หลิง “ปู่จะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่ต้องกังวล ปู่ยังไม่แก่ ปู่สามารถปกป้อง ระกูลของเราได้”
“อื้อ” เจี่ยนอี่หลิงตอบกลับ
หลังจากวางสายแล้ว ปู่เจี่ยนและย่าเงี่ยนก็ได้พูดคุยกันเป็นเวลานาน
ในที่สุด การตัดสินใจที่ยากลําบากก็จบลง
จากนั้นปู่เจี่ยนก็เรียกเจี่ยนหยู่โป๋มาที่บ้านเก่าตระกูลเจี่ยน
ทันทีที่เขามาถึง เจี่ยนหยู่โป๋ก็ถามปู่เจี่ยน “ปู่ตัดสินใจแล้วเหรอ”
“ใช่ ฉันตัดสินใจแล้ว คราวนี้ปู่เจียนนิ่งขึ้นมาก “ไม่ว่ายังไง ก่อนที่ฉันจะบอกเธอถึงการตัดสินใจของฉัน ฉันอยากจะบอกเธอว่าทําไมฉันถึงตัดสินใจแบบนี้ตั้งแต่แรก”
เจี่ยนหยู่โป๋ไม่ตอบ แต่เขามองไปที่ปู่เจี่ยนและรอให้อีกฝ่ายพูดต่อ
“นั่นเป็นเพราะน้องสาวของเธอ น้องสาวของเธอพบข้อมูลมากมาย จากนั้นน้องสาวของเธอก็ขอให้ฉันวางโชคชะตาของตระกูลให้กับเธอ”
คําพูดของปู่เจี่ยนทําลายความเยือกเป็นและความสงบบนใบหน้าของเจี่ยนหยู่โป๋
คําพูดของปู่เจี่ยนไม่ควรทําให้เขาแปลกใจ
ย้อนกลับไปในตอนนั้น เธอได้หยุดเขาด้วยร่างเล็กๆ เธอเคยถามเขาในสิ่งเดียวกัน
ปู่เจียนพูดต่อ “ฉันไม่รู้ว่าน้องสาวเธอถามใครและใช้เวลานานแค่ไหนในการค้นหาข้อมูลนี้ แต่ไม่ว่าอย่างไรน้องสาวของเธอก็ได้ยินเกี่ยวกับคําที่เธอสารภาพกับอาจารย์สอนโกะของเธอ”
เจี่ยนหยู่โป๋ไม่ค่อยเปิดเผยความคิดเขาให้ใครรู้
ครั้งเดียวที่เขาทําคือกับอาจารย์สอนโกะของเขา
อาจารย์ถามเขาว่าทําไมเขาถึงแสดงพฤติกรรมต่อต้านสังคมและไม่เป็นมิตวเช่นนั้น
อาจารย์รับรู้ได้ถึงพฤติกรรมของเจี่ยนหยู่โป๋ คนส่วนใหญ่อาจจะไม่ชัดเจน แต่ว่ามันกลับง่ายที่จะอ่านจากวิธีที่เขาเปิดแมตช์ในโกะ
อาจารย์บอกเขาว่า เขาจะไม่สามารถกลายเป็นผู้เล่นโกะอันดับต้นๆได้ ถ้าเขายังคงเปิดเผยสิ่งต่างๆที่เกี่ยวกับตัวเอง
การจะเป็นผู้เล่นโกะ เราต้องเรียนรู้ที่จะเยือกเย็น
จากนั้นอาจารย์ก็ขอให้เขาบอกว่าทําไมเขาถึงโกรธมาตั้งแต่แรก
นั่นเป็นครั้งเดียวที่เจี่ยนหยู่โป๋เปิดเผยความคิดลึกๆในใจของเขา เขาเปิดเผยความเกลียดชังที่แผดเผาในหัวใจของเขาในช่วงวัยเด็ก
เจี่ยนอีหลิงขอใครบางคนให้ช่วยติดต่ออาจารย์ของเจี่ยนหยู่โป๋ เธอได้รับข้อมูลนี้จากอาจารย์ของเจียนหยู่โป๋
นี้เป็นวิธีเดียวที่พวกเขาจะเข้าใจการกระทําของเจี่ยนหยู่โป๋
ปู่เจี่ยนจ้องไปที่เจี่ยนหยู่โป๋ “อี่หลิงบอกว่าเธอเต็มใจจะมอบโชคชะตาของตระกูลเราทั้งหมดให้ หลังจากที่ฉันกับย่าได้คุยกันในเรื่องนี้ เราก็ตัดสินใจสนับสนุนการตัดสินใจของอี่หลิง ฉันคิดว่าน้องสาวของเธอยังอยากให้เธอเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเรา”
ในที่สุด คําพูดของปู่เจี่ยนก็ทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในสีหน้าท่าทางของเจี่ยนหยู่โป๋
เมื่อเจี่ยนหยู่โป๋เปิดปากพูดขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็พูดด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่านเล็กน้อยว่า “เธอ ยังเหมือนแต่ก่อน”
เจี่ยนอี่หลิงยังคงเป็นเด็กน้อยคนเดิม
เธอเป็นคนโง่ คนโง่ตัวเล็กๆ ที่ไม่ลังเลที่จะให้เงินทั้งหมดแก่เขา เพียงเพราะเขาพูดออกมาอย่างนั้น
ในฐานะเจ้าหญิงแห่งตระกูลเจี่ยน สิ่งที่เธอเห็นคุณค่าไม่เคยเป็นเงิน แต่เธอกลับให้ความสําคัญกับตระกูลของเธอ
สําหรับเธอ ตระกูลของเธอนั้นประเมินค่าไม่ได้
ไม่ว่าเธอจะถูกขอให้มอบทรัพย์สินของเธอหรือทรัพย์สมบัติตระกูลเจี่ยนทั้งหมด เธอก็เต็มใจที่จะทําแบบเสียวกัน
แต่ทว่า ในไม่ช้าเจี่ยนหยู่โป๋ก็เปลี่ยนกลับไปเป็นพฤติกรรมที่ไม่ใส่ใจดังเดิม
เขาขอให้ปู่เจี่ยนลงนามโอนหุ้น ซึ่งหมายความว่าหุ้นทั้งหมดที่อยู่ภายใต้ชื่อของปู่เจียนถูกย้ายไปอยู่ภายใต้ชื่อเขา
หุ้นของตระกูลเจียนในเบื้องต้นนั้นทั้งหมดอยู่ในมือของปู่เจี่ยนและภรรยาของเขา แต่ว่าเมื่อตระกูลของพวกเขาเติบโตขึ้น ส่วนแบ่งก็ค่อยๆแบ่งกันไประหว่างสมาชิกในตระกูล
บทที่ 418 หวังว่าการตัดสินใจของเราจะถูกต้อง
เมื่อใดก็ตามที่มีสมาชิกใหม่เข้ามาในตระกูล ไม่ว่าจะเป็นทารกคนใหม่หรือลูกสะใภ้คนใหม่ คู่สามีภรรยาเก่าจะมอบส่วนแบ่งของตระกูลเจี่ยนให้พวกเขา
แต่ทว่า หุ้นส่วนใหญ่ก็ยังคงอยู่ในมือปู่และย่าเจี่ยน
เจี่ยนซูฉิงและเจี่ยนซูหงมีสิทธิ์ในการจัดการการถือหุ้นในบริษัทเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ปู่เจี่ยนลงนามในข้อตกลง
เมื่อลงนามแล้ว หมายความว่ามีการโอนกรรมสิทธิ์ในหุ้น
ตอนนี้เจี่ยนหยู่โป๋เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของตระกูลเจี่ยน
จากนั้นย่าเจี่ยนพูดกับเจี่ยนหยู่โป๋ว่า “ยังมีหุ้นที่น้องสาวของเธอถืออยู่อีก แต่ว่าน้องของเธอ ไม่ได้อยู่ที่นี่ในตอนนี้ เมื่อน้องสาวของเธอกลับมาจากการแข่งขันในอีกสองสามวัน เธอก็ควรกลับมาอีกครั้ง น้องสาวของเธอบอกว่ายินดีที่จะให้หุ้นที่เป็นชื่อของตัวเองกับเธอเช่นกัน”
เจี่ยนหยู่โป๋หยุดชะงักไปชั่วขณะ
จากนั้นเขาก็พูดว่า “ผมไม่ต้องการส่วนแบ่งของเธอ”
เจี่ยนหยู่โป๋ปฏิเสธข้อเสนอของเจี่ยนอี่หลิง
จากนั้น เขาก็รับเอกสารข้อตกลงโอนหุ้นและเดินออกจากห้องทํางานของปู่เจี่ยน
ขณะที่ย่าเจี่ยนมองดูเจี่ยนหยู่โป๋จากไป เธอแสดงความเห็นด้วยความเป็นห่วง “ฉันหวังว่าเรา ตัดสินใจถูกต้องในครั้งนี้
ในเวลาอาหารเย็น ทุกคนมารวมตัวกันที่ห้องอาหารของโรงแรมที่พวกเขาพักอยู่
นี้เป็นสถานที่ทานอาหารที่ทางเจ้าหน้าที่จัดให้
เมื่อคืนเจี่ยนอีหลิงและคนอื่นๆกินข้าวในห้องของตัวเอง ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่ได้ลงมา
วันนี้ทุกคนอยู่ในโรงอาหาร
ทันทีที่พวกเขาเข้าไปในห้องอาหาร ทุกคนก็จับจ้องมาที่พวกเขา
วันนี้มีการปะทะกันหลายแมตซ์ แต่ว่าการต่อสู้ระหว่าง [จอมอหังการ] กับทีมต่างประเทศนั้น น่าตื่นเต้นที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
มันยังคงเป็นหัวข้อสนทนายอดนิยมบนอินเทอร์เน็ต
[จอมอหังการ] ได้เอาชนะทีมอื่นทั้งหมดในแง่ของความนิยม
ฉินหยูฝานก็อยู่ที่นั่นด้วย เธอได้รับอนุญาตให้มาทานอาหารเย็นกับทีมที่เธอลงทุนไป
ทันทีที่ฉินหยูฝานเห็นจ๋ายหวินเชิ่ง เธอก็เดินตรงไปหาเขา
“นายท่านเชิ่ง” ฉินหยูฝานทักทาย เธอยิ้มและท่าทางเธอก็มั่นใจ
จ๋ายหวินเชิ่งไม่สนใจ ฉินหยูฝานดังเช่นปกติ
แต่ทว่า ฉินหยูฝานก็ไม่รู้สึกอึดอัด เธอยังคงพูดกับเขาต่อไป “นายท่านเชิ่ง ฉันผิดเองที่อยากให้ของขวัญชิ้นนั้นแก่นาย ก่อนที่ฉันจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”
“พูดกับตัวเองไปก็แล้วกัน” จ๋ายหวินเชิ่งเยาะเย้ย
ไม่มีใครต้องการของขวัญของเธอตั้งแต่แรก
“นายท่านเชิ่ง ดูเหมือนว่านายท่านมีอคติกับฉันงั้นเหรอ”
“ไม่ได้เป็นแบบนั้น” จ๋ายหวินเชิ่งตอบ น้ําเสียงเขาไม่แยแสแม้แต่น้อย
หลังจากพูดอย่างนั้นแล้ว จ๋ายหวินเชิ่งก็เดินออกไป เขาไปที่โต๊ะว่างตรงมุมไกลๆ พร้อมกับเพื่อนร่วมทีม เขาไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง
ฉินหยูฝานยิ้ม เธอไม่ได้โกรธเลยแม้แต่น้อย
สมาชิกของ [ไล่เมฆาคว้าชัยชนะ] รู้สึกแย่กับบอสของพวกเขา
สมาชิกในทีมทุกคนมีอายุใกล้เคียงกับฉินหยูฝาน
ในสายตาของพวกเขา ฉินหยูฝานไม่เพียงมาจากภูมิหลังที่ดีเท่านั้น แต่เธอยังมีความสามารถในการทําสิ่งต่างๆอีกด้วย เธอมีวิธีคิดและความคิดเห็นของตัวเองเมื่อต้องทําสิ่งต่างๆ
นั่นคงถือเป็นการประเมินที่ต่ำไปมากหากจะบอกว่าเธอเป็นเทพธิดาของพวกเขา
แต่ว่า จ๋ายหวินเชิ่งกลับเย็นชากับผู้หญิงแบบนี้
ที่จริง เขาได้ทําสิ่งนี้ต่อหน้าผู้คนมากมาย เขาพยายามจะทําให้เธออับอายอย่างโจ่งแจ้ง
ชายจาก [พึ่งพาผู้อื่น] ที่ได้ทะเลาะกับหนูมองไปที่จ๋ายหวินเชิ่งและเจี่ยนอี่หลิงด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร
ขณะที่จ๋ายหวินเชิ่งและคนอื่นๆเดินผ่านไป เขาก็ตั้งใจขึ้นเสียงดังพูดกับเพื่อนร่วมทีมว่า
“บางทีมเพิ่งชนะเกมเดียว แล้วอินเทอร์เน็ตก็ยกย่องพวกเขาเหลือเกิน พวกเขาคิดว่าจะชนะทัวร์นาเมนต์นี้ได้จริงงั้นเหรอ”
“อาา ลืมไปเถอะเผิงเจี๋ย อย่าไปยุ่งกับพวกเขา” เพื่อนร่วมทีมเขาแนะนํา
“เอ่อ ฉันแค่พูดตามความจริง ฉันไม่ได้ยุ่งกับใคร” เผิงเจี๋ยตอบ
เพื่อนร่วมทีมเขากระซิบกลับ “นายโกรบพวกเขาในตอนแรกเพราะนายคิดว่าข่าวลือนี้เป็นความจริง ทีมของเพื่อนนายอยู่ในอันดับที่ 21 และยังไงก็ไม่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้ ไม่ว่ายังไงพวกเขาก็ได้พิสูจน์ตัวเองแล้ว พวกเขาไม่ได้ชื่อตําแหน่งในการแข่งขันไม่จําเป็นต้องอารมณ์เสีย กับพวกเขาอีกต่อไป”
“ทําไมนายถึงต้องสนใจในสิ่งที่ฉันคิด นายกําลังขอให้ฉันขึ้นไปขอโทษพวกเขางั้นเหรอ”