บทที่ 415 ทรัพย์สินของเหอเยี่ยนถูกใช้เป็นหลักประกัน 2
“แกเป็นบ้าอะไรไป แกไม่รับโทรศัพท์แล้วก็ไม่ตอบฉันที่ประตูด้วย” เหอเยี่ยนถามลูกชายอย่างโกรธจัด
“ผมไม่ชอบถูกรบกวนเวลาเล่นโกะ” เจี่ยนหยู่โป๋ตอบกลับ
“แก แต่ฉันเป็นแม่แกนะ”
“แม่ต้องการอะไร” เจี่ยนหยู่โป๋ถามอย่างเฉยเมย
ดวงตาเขายังคงอยู่บนกระดานโกะ นิ้วชี้และนิ้วกลางของเขาคีบเม็ดหมากสีดําที่เขาเตรียมจะวางลง
ท่าทางที่ไม่แยแสของเจี่ยนหยู่โป๋ทําให้เหอเยี่ยนโกรธอย่างมากมาย เธอไม่รู้ว่าตัวเองว่าควรจะตั้งใจทําอะไรดี
“หยู่โป๋ แม่อยากถามว่าทําไมแกถึงเอาทรัพย์สินของฉันไปลงทุนสร้างภาพยนตร์ที่มีแนวโน้มว่าจะเสียเงินจนหมด แล้วทําไมเธอถึงเลือกโม่ชื่ออขึ้นเป็นนางเอกในหนังเรื่องนี้”
“เพราะว่าแม่คิดว่าเธอมีศักยภาพ” เจี่ยนหยู่โป๋ตอบกลับ
“แก… ฉัน ฉันพูดว่าเธอมีศักยภาพตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เอ่อ ก็แม่ให้ทุนทั้งหมดนั้นกับเธอ”
“แต่… แต่นั่นไม่เหมือนกัน ฉันบอกแกว่าให้ทุนสนับสนุนมากพอที่จะทําให้เธอกลายเป็นคนดัง ฉันไม่ได้พูด…”
“เอาล่ะ ถ้าแม่คิดว่าเธอไม่มีศักยภาพ แล้วทําไมแม่ถึงลงทุนกับเธอล่ะ” เจี่ยนหยู่โป๋ตอบกลับ เขาพูดเหมือนหุ่นยนต์ไร้อารมณ์
“นั่นเป็นเรื่องของฉัน” เหอเยี่ยนโต้กลับ สีหน้าของเธอบิดเบี้ยวน่าเกลียดอย่างมากขณะที่เธอพูดแบบนี้ “ไม่ว่ายังไง แกได้บอกฉันว่าแกกําลังจะช่วยฉันให้ได้สมบัติของตระกูลเจี่ยน แต่แกก็ต้องไม่ทําให้ฉันเสียเงินแบบนี้ เธอต้องหยุดการผลิตหนังเรื่องนี้”
“สายเกินไป” เจี่ยนหยู่โป๋ตอบกลับ น้ำเสียงเขาไม่เปลี่ยนในขณะที่เขาพูดสามคํานี้
เมื่อได้ยินสามคํานี้เหอเยี่ยนรู้สึกว่าความดันพุ่งปรี๊ด “หยูโป๋ แกกําลังพยายามจะฆ่าฉันด้วยวิธีนี้เหรอ ด้วยความคิดแบบนั้นแกจะวางแผนแข่งขันกับเจี่ยนหยุ่นเฉิงตั้งแต่แรกได้ยังไง”
เจี่ยนหยู่โป๋ไม่มีวิสัยทัศน์ในการลงทุนเลยแม้แต่น้อย เขาเทียบไม่ได้กับเจี่ยนหยุ่นเฉิง
เหอเยี่ยนเริ่มเสียใจกับการตัดสินใจครั้งก่อน เธอไม่ควรให้ทรัพย์สินทั้งหมดแก่เขาเพียงเพราะเขาช่วยให้เธอได้รับผลกําไรเล็กน้อยในตอนเริ่มต้น
เป็นการดีที่เขามีใจที่จะช่วยให้เธอได้รับทรัพย์สินเงินทองของตระกูลเจี่ยน
ไม่ว่าอย่างไร เธอก็น่าจะรู้ว่าเจี่ยนหยู่โป๋เป็นเพียงผู้เล่นโกะ เขาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับการลงทุน
ก่อนหน้านี้ เขาแค่โชคดีเท่านั้น
เหอเยี่ยนหายใจเข้าลึกๆก่อนเธอจะพูดว่า “เอาละ แกต้องแก้ไขสถานการณ์นี้ นี่เป็นสิ่งสําคัญสําหรับฉันอย่างมาก ฉันทํางานหนักเพื่อสิ่งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นของฉันในตระกูลเจี่ยน ฉันเสียหุ้นพวกนั้นไปไม่ได้”
“พ่อได้มอบทรัพย์สินให้แม่เมื่อตอนแต่งงาน หลังจากที่แม่แต่งงานแล้ว ปู่เจี่ยนก็ได้มอบส่วนแบ่งนี้ให้กับแม่ แม่ได้ทํางานหนักเพื่อให้ได้สิ่งเหล่านี้ตรงไหน”
เหอเยี่ยนสําลัก
เป็นความจริงที่ตระกูลเจี่ยนมอบทรัพย์สินปัจจุบันส่วนใหญ่ที่เธอมีอยู่ตอนนี้ให้กับเธอ
เงินที่เธอทํามาในฐานะนักแสดงได้หมดสิ้นไปแล้ว ไม่อย่างนั้น เธอคงไม่ยักยอกเงินจากกองทุนเพื่อการกุศลของตระกูลเจี่ยนตั้งแต่แรก
เหอเยี่ยนถามเจี่ยนหยู่โป๋ “แกหมายความว่ายังไง แกเยาะเย้ยแม่แกเหรอ ตอนนี้แกมีเหตุผลที่จะให้ทรัพย์สินแม่แกสูญสิ้นไปงั้นเหรอ”
เจี่ยนหยู่โป๋ค่อยๆวางหมากสีดําที่เขาถืออยู่ลงบนกระดาน จากนั้นเขาก็หันไปมองเหอเยี่ยน
“ ผมสัญญาว่าผมจะช่วยแม่ ผมย่อมไม่คืนคํา”
คําพูดเหล่านี้ช่วยทําให้อารมณ์ของเหอเยี่ยนเย็นลง ไม่ว่าอย่างไรเธอยังคงไม่สามารถปล่อยวางเรื่องนี้ลงไปได้ “หยู่โป๋ แม่ดีใจที่แกยินดีช่วย ไม่ว่ายังไง วิธีการที่แกใช้อยู่นั้นไม่น่าเชื่อถือและมีความเสี่ยงมากเหลือเกิน มันง่ายมากที่จะเสียเงินกับภาพยนตร์เรื่องนี้”
“แม่ไม่มีทางเลือก” เจี่ยนหยู่โป๋ตอบกลับ
แม้ว่าเหอเยี่ยนจะไม่เต็มใจ มันก็เกิดขึ้นไปแล้ว
เมื่อได้เริ่มต้นอะไรไปแล้ว ย่อมไม่มีการหวนกลับ ทรัพย์สินของเหอเยี่ยนถูกใช้เป็นหลักประกัน
หากหนังไม่ได้เงิน ทรัพย์สินทั้งหมดของเธอจะถูกธนาคารยึดไปด้วยเช่นกัน
“เอาล่ะ หวังว่าหนังจะประสบความสําเร็จ ถ้าไม่เช่นนั้น บ้านที่แกเติบโตมาอาจจะหายไป ที่จริงหุ้นของฉันก็จะหายไปด้วย เงินของฉันย่อมต้องเป็นเงินของแกในอนาคต มันเป็นเงินของแกเองที่แกได้ทําผิดพลาด แกรู้ไหม”
บทที่ 416 ให้เงินทั้งหมดของเรากับเจี่ยนหยู่โป๋
เหอเยี่ยนอารมณ์เสียไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง จากนั้นเธอก็พูดกับเจี่ยนหยู่โป๋ด้วยตาที่แดงบวม “ฉันแค่อยากให้พวกแกประสบความสําเร็จในอนาคต ฉันต้องการให้พวกแกสามารถรักษาธุรกิจของครอบครัวได้ นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันบังคับให้พวกแกเรียนการเงินตั้งแต่แรก ถ้าแกฟังฉันในตอนนั้น แกก็คงไม่ลงทุนในโครงการนั้น เฮ้อ…”
เจี่ยนหยู่โป๋เงียบเมื่อเหอเยี่ยนพูดเรื่องนี้
คําพูดของเหอเยี่ยนไม่ได้กระตุ้นอารมณ์ของเขาแม้แต่น้อย
อารมณ์เขาไม่ได้พลุ่งพล่าน ไม่มีความโกรธ ที่จริงแล้วเขาก็เพียงแค่ฟังเธออย่างใจเย็น
ราวกับว่าเขาเป็นผู้ชม
แม้ว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ใจของเขาไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่เกิดขึ้น ราวกับว่าสิ่งนี้ไม่ได้สําคัญสําหรับเขา
ท่าทีของเจี่ยนหยู่โป๋ทําให้เหอเยี่ยนอารมณ์เสียไปเกือบครึ่งวัน ไม่ว่าอย่างไรความโกรธส่วนใหญ่ของเธอก็ยังไม่ได้ลดลง กลับกัน นี่ยิ่งทําให้เธอเริ่มรู้สึกกังวลมากกว่าเดิม
ไม่ว่าอย่างไร เธอก็รู้ว่าเธอไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ต่อให้เธอถามคําถามเขาในตอนนี้
ตอนนี้ สิ่งเดียวที่เธอทําได้ก็คือหาวิธีที่จะทําให้แน่ใจว่าภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถฉายออกอากาศได้โดยไม่มีปัญหา
ด้วยสิ่งที่มีอยู่ในใจนี้ เหอเยี่ยนรีบออกจากห้องของเจี่ยนหยู่โป๋ เธอเริ่มติดต่อกับคนที่เธอรู้จักในวงการบันเทิง
เธอต้องการลดความเสียหายและความสูญเสียให้น้อยที่สุด
การเข้าร่วมทัวร์นาเมนต์ของเจี่ยนอีหลิงคงจะเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นอย่างมากสําหรับปู่เจี่ยน และย่าเจี่ยน หากสิ่งนั้นเกิดขึ้นในเวลาอื่น ทั้งสองคนคงจะคิดตามทัวร์นาเมนต์ทั้งหมดด้วยความสนใจอย่างมาก
จริงแล้วเป็นไปได้ที่พวกเขาจะได้ไปยังเมืองถงไห้ เพื่อให้กําลังใจหลานสาวด้วยตัวเองตัวยซ้ำไป
แต่ทว่า สิ่งต่างๆได้เกิดขึ้นกับตระกูลเจี่ยนเมื่อเร็วๆนี้ ด้วยเหตุนี้ ปู่เจี่ยนจึงไม่มีอารมณ์ที่จะดูการแข่งขัน
“ ตาเฒ่า อย่ากังวลกับมันมากเกินไป บริษัทของเจี่ยนหยุ่นเฉิงก็ไปได้ดีทีเดียว ยิ่งไปกว่านี้ ทัวร์นาเมนต์ครั้งนี้ก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากเช่นเดียวกัน เราแก่เกินไปที่จะกังวลเกี่ยวกับเรื่องราวหลายอย่าง ต่อให้ธุรกิจตระกูลเราจะจบสิ้น แต่เราก็ยังมีอสังหาริมทรัพย์ภายใต้ชื่อของเรา เราไม่อดตายอยู่แล้ว”
ย่าเจี่ยนพยายามปลอบสามี
ปเจี่ยนถอนหายใจก่อนจะพูดว่า “ถ้าคนนอกทําให้เราตกที่นั่งลําบาก ฉันก็ไม่มีอะไรจะพูด แต่ว่าคนที่ทําแบบนี้คือหยู่โป๋”
ปู่เจี่ยนเจ็บปวดในใจ มันเจ็บปวดที่หลานชายของเขากําลังทําลายธุรกิจของตระกูล
อายุปนนี้แล้ว คู่สามีภรรยาสูงอายุไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าความสงบร่มเย็นและความสามัคคีในตระกูล
ขณะที่พวกเขากําลังคุยกัน โทรศัพท์ของย่าเจี่ยนก็ดังขึ้น เจี่ยนอีหลิงกําลังโทรหาย่าเจี่ยน
ย่าเจี่ยนรับสายทันที “หลานรัก มีอะไรผิดไปหรือเปล่า คิดถึงย่าเหรอ หนูต้องการให้ย่าไปหาพรุ่งนี้เป็นเพื่อนไหม”
หลานรักของพวกเขาไม่ได้เดินทางบ่อยนัก แม้ว่าเจี่ยนหยู่เจี๋ยจะไปกับเธอในการเดินทางครั้งนี้ แต่ย่าเจี่ยนก็ยังไม่ค่อยสบายใจนัก เธอยังคงเป็นห่วงหลานสาวล้ำค่าของเธอ
“ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้น” เจี่ยนอีหลิงตอบกลับ เธอไม่รู้ว่าจะใช้ถ้อยคําของเธออย่างไร หลังจากหยุดไปชั่วขณะ เจี่ยนอีหลิงก็ทําการจัดระเบียบถ้อยคําของเธอ แล้วพูดว่า “หนู ส่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์บางอย่าง ให้ปู่เจี่ยน”
เมื่อพูดถึงความสัมพันธ์ในตระกูล เจี่ยนอีหลิงก็ยังคงพูดตะกุกตะกักอยู่บ้าง
ย่าเจี่ยนเรียกปู่เอี่ยน “เฮ้ หลานรักของเราบอกว่าเธอได้ส่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาให้ แกรีบมาดูเลย”
ปู่เจี่ยนอยู่ในห้องทํางานมายะหนึ่งแล้ว เขากังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของตระกูลของพวกเขา ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ได้อ่านข้อความ
เมื่อย่าเจี่ยนเตือน เขาก็เปิดโทรศัพท์ จากนั้น เขาเห็นข้อความที่หลานสาวล้ำค่าส่งมา
เมื่อเขาเปิดข้อความ ปู่เจี่ยนก็ตกใจ
ข้อมูลนี้
เมื่อเห็นสีหน้าของสามี ย่าเจี่ยนก็รีบเข้าไปอ่านข้อความด้วยเช่นเดียวกัน สีหน้าประหลาดใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเธอ
ย่าเจี่ยนเปลี่ยนเสียงโทรศัพท์ออกที่ลําโพง “หลานรัก หนูได้ข้อมูลนี้มาจากไหน”
“จากเพื่อน”
“หนูควรขอบคุณเพื่อนคนนั้นนะ”
“อื้อ” เจี่ยนอีหลิงตอบกลับ หลังจากหยุดไปชั่วครู่ เธอก็พูดต่อไปว่า “ให้เงินทั้งหมดของเรากับเจี่ยนหยู่โป๋เถอะ ได้ไหม”
คําขอของเจี่ยนอีหลิงทําให้สองผู้เฒ่าหยุดชะงัก
พวกเขาดูข้อมูลในมือ และคิดอย่างรอบคอบเกี่ยวกับคําแนะนําของเจี่ยนอีหลิง