บทที่ 29 พวกเธอแต่งงานกันเหรอ
ชางหลิงตื่นเต้นขึ้นมาฉับพลัน หยิบเอกสารมาทันที ถึงได้พบว่านี่เป็นเอกสารเกี่ยวกับการแจ้งเข้ารับตำแหน่ง เธอจ้องไปที่ตราประทับสีแดงของบริษัท เซิ่งซื่อ กรุ๊ปที่ด้านหลังอย่างตื่นเต้นมาก
แต่ว่า…
“ทำไมถึงเป็นเด็กฝึกงาน” ชางหลิงคิดว่าโหมวยู่เอามาผิดไปใช่หรือไม่ “คุณบอกว่าชางฉิงไปที่แผนกดีไซเนอร์แนวหน้า แล้วทำไมฉันถึงเป็นเด็กฝึกงานเล็กๆ”
“ฉันแค่ตกลงให้เธอเข้าบริษัท เซิ่งซื่อ กรุ๊ป ไม่ได้บอกว่าจะให้เธอไปแผนกไหน” โหมวยู่กอดอก
“คุณเป็นคนหลอกลวง!” ชางหลิงระเบิด เขานอนก็นอนแล้ว ตอนนี้มาบอกว่าไม่รับรู้ก็คือไม่รับรู้เหรอ
“คุณสมบัติและทักษะอย่างเธอ ทุกปีบริษัท เซิ่งซื่อ กรุ๊ปจะคัดทิ้งนับไม่ถ้วน เธอบอกมาสิว่าอาศัยอะไรเธอจะได้ทำแผนกเดียวกับดีไซเนอร์เหรียญทอง”
“แล้วชางฉิงล่ะ เธอด้อยกว่าฉันอีก เธออาศัยอะไร” ชางหลิงไม่พอใจ
“ถ้าเธออยากแข่งกับชางฉิงจริงๆ ทั้งบริษัท เซิ่งซื่อ กรุ๊ป ยังมีตำแหน่งไหนที่สูงกว่าตำแหน่งภรรยาของประธานอีก ไม่สู้ฉันเปิดเผยต่อสาธารณชนตอนนี้เลยดีกว่าไหม” โหมวยู่จะหยิบเอาโทรศัพท์มือถือออกมา
“ได้ เด็กฝึกงานก็เด็กฝึกงาน” ชางหลิงประนีประนอม
เธอไม่ควรเชื่อใจไอ้ผู้ชายหมาคนนี้ ตอนนี้ถูกกินแล้วเช็ด เธอมาเสียใจภายหลังก็สายเกินไปแล้ว
เป็นทองคำก็จะส่องแสงอยู่เสมอ เธอไม่เชื่อ เธอเป็นอัจฉริยะด้านดีไซเนอร์ ตั้งแต่เด็กก็เก่งกว่าชางฉิง อยู่ในบริษัท เซิ่งซื่อ กรุ๊ปจะสามารถถูกเธอเทียบได้งั้นเหรอ
คุณธรรมไม่เหมาะกับตำแหน่ง ยิ่งปีนขึ้นไปสูงเท่าไรก็ยิ่งตกลงมาเจ็บเท่านั้น เธออยากจะดูว่าชางฉิงจะหยิ่งผยองได้นานแค่ไหน
ชางหลิงมองโหมวยู่อย่างโกรธๆ กลับไปห่อตัวบนเตียงอีกครั้ง ความแค้นนี้เธอจะจำไว้ ต่อไปถ้ามีโอกาส ต้องแก้แค้นกลับมาให้ได้
“พรุ่งนี้หลีซินจะพาเธอไปเตรียมงาน ฉันมีข่าวดีบอกเธอได้หนึ่งเรื่อง การแจ้งเข้ารับตำแหน่งนี้ซูเสี่ยวเฉิงก็ได้รับสำเนาด้วย ฉันอวยพรให้เธอทั้งคู่ล่วงหน้า ให้ทำงานได้อย่างราบรื่นในบริษัท เซิ่งซื่อ กรุ๊ป”
โหมวยู่ยิ้มชั่วร้าย
“ซูเสี่ยวเฉิงก็ไปเหรอ” ดวงตากลมโตของชางหลิงเปล่งประกายสดใสขึ้นมาอีกครั้ง
โหมวยู่ไม่พูดซ้ำเป็นครั้งที่สอง หันหลังแล้วออกไป
จิตวิญญาณการต่อสู้ของชางหลิงกลับมาอีกครั้ง มีซูเสี่ยวเฉิง เธอก็จะไม่ต้องต่อสู้อยู่คนเดียวในบริษัท เซิ่งซื่อ กรุ๊ป
เช้าวันต่อมา ชางหลิงเพิ่งตื่น หลีซินเฝ้าอยู่หน้าประตูแล้ว ชางหลิงแปลกใจเรื่องที่โหมวยู่บอกว่าเตรียมงานมันคืออะไร จนกระทั่งหลีซินพาเธอไปห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ของเมือง
“คืออะไร” ชางหลิงยืนอยู่กลางห้างสรรพสินค้า รู้สึกได้อยู่ตลอดว่าโหมวยู่ไม่ได้มีเจตนาที่ดีแน่
“บอสสั่งว่า คุณจะเริ่มทำงานแรกในชีวิต เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้คุณ วันนี้คุณซื้ออะไรก็ได้ เขาจะเป็นคนจ่ายให้ทั้งหมดครับ” หลีซินอธิบาย
“อะไรก็ได้เหรอ” ชางหลิงดีใจมากแต่ก็ค่อนข้างไม่อยากเชื่อ จึงยืนยันอีกครั้ง “ได้ทุกอย่างเลยเหรอ ถ้าฉันอยากซื้อบ้านล่ะ ฉันซื้อวิลล่าในอ่าวใต้ได้ไหม หรือว่า โรลส์รอยซ์รุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นที่ฉันสนใจมานาน…”
“เอ่อ…” หัวหลีซินมีแต่เส้นสีดำ เขาก็รู้ว่าพี่สะใภ้ของเขาจะไม่ทำตามกฎ แต่บอสก็รู้เหตุการณ์ล่วงหน้าแล้ว “บอสบอกว่า นอกเหนือจากในอาคาร จะถูกหักออกจากเงินเดือนของคุณครับ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของชางหลิงค่อยๆ แข็งค้าง
ชิ! เธอเป็นเด็กฝึกงานที่ได้รับเงินเดือนเพียงไม่กี่เซนต์ ถ้าเธอซื้อวิลล่าในอ่าวใต้ ทำงานฟรีให้เขาไปแปดชีวิตยังไม่พอด้วยซ้ำ
ในขณะที่เธอกำลังก่นด่าในใจ ก็เห็นร่างหนึ่งวิ่งรวดเร็วเข้ามาหาเธอ
“หลิงหลิง!”ซูเสี่ยวเฉิงตะโกนพร้อมกับวิ่งเข้ามาหาเธอ เดิมทีอยากจะกอดชางหลิงครั้งใหญ่ แต่ทันทีที่หันไปเห็นหลีซิน เธอก็หลุบหน้าลงทันที
“เธออยู่กับเขาได้ยังไง”ซูเสี่ยวเฉิงมองพวกเขาทั้งสองอย่างสงสัยมาก
ครั้งที่แล้วเพื่อปกป้องให้ชางหลิงหลบหนี เธอถูกหลีซินจับได้ ถูกขังไว้ที่โรงแรมหนึ่งวันหนึ่งคืน เธอยังคงติดอยู่ในใจจนทุกวันนี้
“เอ่อ…” ชางหลิงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาทั้งสอง กำลังพยายามหาเหตุผลบางอย่างเพื่อโกหก
“เธอคงจะไม่ได้เป็นอย่างที่พวกเขาพูดกันว่าอยู่กับเขาจริงๆ หรอกใช่ไหม”ซูเสี่ยวเฉิงไม่อยากจะเชื่อเลย
“นี่ ผมไม่ได้…” หลีซินรีบอธิบาย
“ถูกต้อง! เป็นแบบนั้นแหละ!” ชางหลิงก้าวไปข้างหลีซิน คล้องแขนของเขาอย่างที่ไม่เคยทำ
เมื่อเทียบกับข่าวลือระหว่างคุณชายรองโหมว หลีซินตรงหน้าดูจะมีความสำคัญต่ำมาก
หลีซินตกใจฉับพลัน รีบมองไปรอบๆ ถ้าบอสอยู่แถวนี้ ไหล่เขาต้องหลุดแน่
“เธอๆๆ…”ซูเสี่ยวเฉิงตื่นตระหนกจนพูดไม่ออก รีบลากชางหลิงไปข้างหนึ่ง
“เธอไม่รู้ข่าวลือของเขากับโหมวยู่เหรอ”
ชางหลิงงุนงง
“เธออย่ามองว่าตอนนี้เขายังเด็กแต่ดูเป็นผู้ใหญ่ ฉันได้ยินมาว่าเขากับโหมวยู่นั่น เป็นความสัมพันธ์แบบ…มาหลายปีแล้ว ข้างกายโหมวยู่ไม่มีผู้หญิงสักคน มีแต่หลีซินกับผู้ชายอื่นหลายคนอยู่ข้างกายเขา ทุกคนพูดกันว่า ที่จริงแล้วโหมวยู่ชอบ…”ซูเสี่ยวเฉิงพูดอย่างจริงจัง ทำให้หลีซินเหลือบมองอย่างระแวดระวัง
ชางหลิงดวงตาเบิกกว้าง ตอนนี้ข่าวลือภายนอกของโหมวยู่ ล้วนเป็นพวกข่าวเสียหายแบบนี้เหรอ
“หืม…” เธอลูบคางของตัวเอง “ที่จริงฉันก็รู้เรื่องนี้ตั้งนานแล้ว”
ชางหลิงมองไปที่ซูเสี่ยวเฉิงด้วยอาการเศร้าโศกเสียใจ “นั่นคือเหตุผลที่ฉันตัดสินใจอยู่กับเขา เธอลองคิดดูสิ เรื่องนี้มันน่าอายมาก หลีซินในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง ก็ยังต้องการหน้า…”
“เพราะงั้นพวกเธอเลยแต่งงานกันเหรอ”ซูเสี่ยวเฉิงกระจ่างในฉับพลัน
“โธ่เอ๊ย เธอรู้ก็ดีแล้ว อย่าพูดไปล่ะ” ชางหลิงตบไหล่เธอ
ผู้หญิงสองคนมองไปที่หลีซินพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย มันทำให้หลีซินขนหัวลุก สถานการณ์อะไร พวกเธอคุยอะไรกันแน่ ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าสายตาของพวกเธอมีบางอย่างไม่ปกติ
ผู้หญิงสองคนปล้นอยู่ในห้างสรรพสินค้า จนสุดท้าย หลีซินมีแต่ถุงช็อปปิ้งท่วมตัว รู้สึกว่าเมื่อก่อนการฝึกในกองทัพยังไม่เหนื่อยเท่านี้
ซูเสี่ยวเฉิงกับชางหลิงไปหาร้านอาหารแล้วนั่งลง แต่ละคนสั่งเครื่องดื่ม
“ที่บริษัท เซิ่งซื่อ กรุ๊ปให้การแจ้งเข้ารับตำแหน่งกับฉันมามันเป็นเธอใช้เล่ห์กลใช่ไหม หลีซินขายร่างกายเพื่อเอามันมาจากโหมวยู่ใช่หรือเปล่า”
ชางหลิงถูกซูเสี่ยวเฉิงกระตุ้นด้วยประโยคนี้จนสำลักและไอหนัก
“เธอเข้าใจฉันดี ฉันไม่อยากทำที่นี่ ฉันเรียนหลักสูตรวิชาชีพไม่ได้ดี และฉันแค่อยากเป็นนักเขียนที่ยอดเยี่ยมเทียบเคียงกับหลู่บานและเหล้าสื่อเท่านั้น”ซูเสี่ยวเฉิงมีสีหน้าภาคภูมิใจ
“นั่นชื่อหลู่สุ้น พี่สาว” ชางหลิงอับอาย “และอีกอย่าง เธอเป็นนักเขียนที่ยอดเยี่ยมเรื่องอะไร เธอเขียนท่านประธานจอมเผด็จการตกหลุมรักผมหรือว่านิยายอีโรติกที่เป็นเรื่องติดเรทจนถูกบล็อกบนเว็บไซต์หรือเปล่า ทั้งหมดนี้รายได้ไม่พอกับรายจ่ายถูกครอบครัวบังคับให้ไปนัดบอดนะ แล้วยังฝันอยู่หรือเปล่าล่ะ”
เห็นชางหลิงโค่นล้มรื้อถอนก็สีหน้าไม่ดีทันทีซูเสี่ยวเฉิงมองเธอตาขวาง “งั้นฉันจะไปทำอะไรที่บริษัท เซิ่งซื่อ กรุ๊ป บริษัทใหญ่ๆ แบบนั้น อัตราการคัดออกสูงมาก ส่งเข้าประตูไปเป็นตัวรับกระสุนเหรอ”
“เพราะชางฉิงไปแล้ว เพราะฉะนั้นฉันก็ต้องไป!” ชางหลิงยืดหลังตรง
“พวกเธอต่อสู้กันมาเกือบทั้งชีวิต มีความสุขกับแบบนี้เลยไม่รู้สึกเหนื่อยยิ่งแพ้ก็ยิ่งกล้าหาญเหรอ”ซูเสี่ยวเฉิงไม่รู้จริงๆ ว่าชางหลิงคิดอย่างไร ด้วยความสามารถของชางหลิง ถ้าเธอมุ่งมั่นในอาชีพ เลิกยุ่งกับผู้ชาย เลิกทะเลาะกับน้องสาว ป่านนี้เธอได้กลายเป็นหนิ่วฮู่ลู่ หลิงไปแล้ว(หนิ่วฮู่ลู่เป็นตัวแทนนางเอกที่จากสาวไร้เดียงสาเปลี่ยนเป็นสาวที่ใช้อุบายต่างๆไปต่อสู้กับคนที่เคยทำร้ายตัวเอง)
“นั่นคือเป้าหมายในชีวิตของฉัน” ชางหลิงส่งเสียงเย็นชาอย่างเย่อหยิ่ง ทันทีที่เงยหน้าขึ้นไปมองผ่านหน้าต่าง ก็เห็นนางเอกในหัวข้อสนทนาของพวกเธอ
ชางฉิงเดินอยู่กับชายชาวต่างชาติ เธอคล้องแขนของชายคนนั้นอย่างสนิทสนม ทั้งสองคนเหมือนคู่รักในช่วงที่กำลังร้อนแรง