บทที่ 37 นักออกแบบเหรียญทอง
เมื่อสิ้นเสียงเธอ ในห้องทำงานพลันมีเสียงกรีดร้องดังขึ้น ชางหลิงยังไม่ทันตั้งตัวทัน คนพวกนั้นก็ลุกขึ้นยืน แล้วเอาขนมขึ้นมาบ้างกับของกินเล่นออกมาวางบนโต๊ะทั้งหมด
หือ?
ชางหลิงตกใจ เพิ่งจะพูดออกมาเมื่อครู่แล้วทำไมไม่เป็นไปตามนั้นล่ะ บนศีรษะไม่รู้ว่าอะไรมันเริ่มเปิดกลไกทำงานหรือยังไง พริบตาเดียว ริบบิ้นในกล่องใหญ่ก็ลอยลงมา เธอยืนในตำแหน่งที่ดีที่สุด ฉะนั้นสีสันครบทุกสีที่อยู่ภายในก็หล่นใส่ร่างกายของเธอทั้งหมด
“ยินดีต้อนรับน้องๆ ที่น่ารักของพวกเรา!” ถงเอินเปลี่ยนท่าทีจากความเป็นทางการที่มีอยู่เดิม พร้อมทั้งผายมือออกทำท่าเหมือนกอดทั้งโลกไว้ แต่ว่า ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นต่างเงียบและประหลาดใจ เธอค่อยๆ หันกลับมา ถึงได้เห็นชางหลิงที่ถูกพันจนเหมือนเป็นต้นคริสต์มาส
“เฮ้ย!” ถงเอินตกใจทันที พร้อมทั้งรีบช่วยเธออย่างร้อนรน “เมื่อวานทำยังไงกัน ฉันได้กำหนดว่าให้ริบบิ้นมันกระจายลอยไปทั่วไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมมาหล่นที่ตัวเธอคนเดียวได้ล่ะ?”
ชางหลิงบ่นกับตัวเองอยู่ชั่วครู่ สายตาพลันค่อยๆ เข้าใจทันที
ที่แท้ เรื่องราวต่างๆ ก็มิสามารถดูเพียงผิวเผิน ผู้อำนวยการถงคนนี้ ดูแล้วเป็นคนเจ้าระเบียบ ความจริงแล้วเป็นคนขี้เล่น
“หลิงหลิงแกไม่เป็นไรใช่ไหม” ซูเสี่ยวเฉิงเห็นสถานการณ์แล้วรีบเข้ามาช่วยเหลือ เพราะว่าทั้งตัวของชางหลิงมีแต่ริบบิ้นเหนียวติดตัวเต็มไปหมด ต้องจัดการอยู่นานถึงจะสามารถทำให้สะอาดเหมือนเดิม
“ทุกคนรีบไปนั่ง เมื่อครู่เดินมารอบหนึ่งแล้วต่างก็เหนื่อยแล้ว กินขนมกัน เรากินไปคุยไป” ถงเอินชี้ไปที่บนโต๊ะในห้องประชุม
ชางหลิงปัดเสื้อผ้าของตนเอง กำลังจะไปนั่ง พลันเห็นว่าประตูห้องประชุมถูกคนผลักเข้ามาพอดี
ฉู่ฉือยืนอยู่ตรงประตู ชางหลิงก็ตกใจพร้อมทั้งสงสัยว่าเขามาที่นี่ทำไม แต่คนที่เดินมาข้างหลังเป็นคนเดินเข้ามาก่อน
ชางฉิงใส่เดรสสีแดงสด พร้อมทั้งแต่งหน้าอย่างสวยงาม พลันเดินมายืนตรงตำแหน่งที่ชางหลิงยืนอยู่เมื่อครู่ด้วยรอยยิ้มหวานหยดย้อย
“ผู้อำนวยการถง” ฉู่ฉือยิ้มให้ถงเอินเล็กน้อย “ขอรบกวนสักครู่ ท่านนี้คือคนที่ท่านประธานโหมวพูดถึง คุณชางฉิง ใช้ตำแหน่งนักออกแบบเหรียญทองในการเข้าร่วมกลุ่มของท่าน”
เมื่อคำพูดของฉู่ฉือพูดออกมา ทุกคนที่นั่งอยู่ต่างฮือฮา
เพราะต้องรู้ นักออกแบบเหรียญทองต้องผ่านการคัดเลือกทุกขั้นถึงจะเข้ามาได้ ส่วนชางฉิงคนนี้ สามารถลงตำแหน่งที่ว่างไว้ได้อย่างเรียบร้อยเลยเหรอ?
“สวัสดีทุกคน ฉันชื่อชางฉิง ต่อไปมีอะไรก็แนะนำกันนะคะ” ชางฉิงโค้งทำความเคารพให้กับทุกคน
กำปั้นของชางหลิงค่อยๆ กำขึ้น จะยังไงก็ตามเธอไม่คิดเลยว่าโหมวยู่จะวางแผนได้บังเอิญเช่นนี้ ตั้งใจจะให้พวกเธอสองคนอยู่ในที่เดียวกัน ทว่าตำแหน่งนั้นคนหนึ่งนั้นสูงกว่าอีกคนต่ำตมกว่า
ชางฉิงเหยียดหลังตรง หลังจากที่เห็นตัวของชางหลิงแล้ว เธอก็ยกคางขึ้นด้วยความหยิ่งจองหองมาก
“อ้อ ทุกคนต้อนรับคุณชางฉิง” ถงเอินไม่ได้แปลกใจอะไรมากมาย พร้อมทั้งเป็นคนนำปรบมือ
ทุกคนเลยปรบมือตาม ชางหลิงไม่ยอมยกมือขึ้น ซูเสี่ยวเฉิงชนตัวของเธอเล็กน้อย เธอได้แต่ปรบมือไปสองครั้งอย่างไม่เต็มใจ
ชางฉิงยืนตัวตรงอย่างหยิ่งจองหอง ทันใดนั้น ยังไม่ทันแสดงความรู้สึกออกทางสายตากับชางหลิง บนศีรษะไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงได้มีริบบิ้นปาร์ตี้หล่นลงมาอีกเป็นกอง
ทุกคนที่อยู่ในสถานการณ์นั้นต่างรู้สึกเงียบไปทันที พร้อมทั้งเห็นกับตาว่าชางฉิงที่กลายเป็นต้นคริสต์มาสไปแล้ว
“อุ๊ยตายแล้ว?” ตกใจยกใหญ่ “ทำไมมันยังหล่นมาไม่หมดสักที?”
ชางหลิงกลั้นรอยยิ้มเอาไว้ แต่งตัวชุดแดงสดทั้งตัวช่างเหมาะสมกับริบบิ้นงานปาร์ตี้เหล่านี้มาก ช่างงดงามมากกว่าเธออีก
ถงเอินรีบไปช่วยดึงชางฉิงออกมา ใบหน้าของชางฉิงไม่ได้หยิ่งจองหองที่แสดงออกมาเหมือนเมื่อครู่แล้ว ก็ถูกเล่นงานแบบนี้ เธอไฟแผดเผาทันที แต่ว่าต้องรักษาหน้าต่อหน้าถงเอินหัวหน้าของเธอ เลยไม่กล้าแสดงอาการ
“ฉันขอตัวไปห้องน้ำสักครู่” ชางฉิงจับชายกระโปรงขึ้นแล้วขาตัวออกไป
รอจนเธอเดินออกไปแล้ว ชางหลิงถึงได้นั่งลงบนตำแหน่งที่นั่ง
ฉู่ฉือก็เดินออกไปจากห้องประชุม ถงเอินกลับไปยังตำแหน่งของตนเอง ในห้องประชุมก็กลับไปสามัคคีดังเดิม ทุกคนต่างเริ่มแนะนำตนเองอีกครั้ง
ชางหลิงถึงได้เข้าใจทันที ที่แท้ ห้องทำงานนักออกแบบเหรียญทองที่ว่างอยู่ในห้องนั้น คือเตรียมไว้ให้ชางฉิง
เธอยิ่งคิดก็ยิ่งไม่สบายใจ ทั้งๆ ที่ชางฉิงเรียนไม่จบมหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ เธอมีความสามารถที่ทำในตำแหน่งนักออกแบบเหรียญทองเลยเหรอ?
แต่ว่า แล้วทำไมเธอถึงได้ปรากฏตัวออกมาดื้อๆ ในสถานการณ์นี้ได้? เพราะอย่างไร ที่เธอเข้ามาได้ ก็เพราะว่าตนเองเหรอ? หรือเพราะว่าโหมวยู่ไม่อยากให้เธอไปฟื้นหาตะเข็บเรื่องที่แท้งไปเลยยัดเธอเข้ามาทำงานเหรอ?
“นี่ชางหลิง,คุณก็แซ่ชาง คุณกับชางฉิงเป็นพี่สาวน้องสาวกันใช่ไหม? คนแซ่ชางน้อยคนนักที่จะเจอ?” นักออกแบบเหรียญทองแดงที่นั่งอยู่ตรงข้ามชางหลิงก็ถามขึ้นมาดื้อๆ
เมื่อคำพูดนี้พูดออกมา ชางฉิงที่เพิ่งจะกลับมานั่งลงที่ตำแหน่งกับชางหลิงต่างตะลึงกันทั้งคู่
“เป็นไปได้ยังไง” ชางหลิงปฏิเสธทันควัน “ฉันคิดว่ามันแค่บังเอิญไปหน่อยเท่านั้นเอง แต่ว่า ชางฉิงเขาเป็นถือนักออกแบบเหรียญทองถ้าฉันเป็นพี่น้องกับเขา ฉันจะมาเป็นแค่นักศึกษาฝึกงานเหรอ”
“ใช่สิ” ทุกคนต่างรู้สึกว่ามีหลักการอยู่
ถึงอย่างไรในเซิ่งซื่อ นักออกแบบเหรียญทองก็เท่ากับระดับหัวหน้างาน ทางฝ่ายบุคคลก็ต้องรักษาหน้าเอาไว้บ้าง ถ้าเป็นพี่น้องกัน แล้วทำไมจะไม่ช่วยเหลือค้ำจุนกันล่ะ
หลังจากประชุมเสร็จสิ้นแล้ว ชางหลิงต่างรู้จักทุกคนขั้นพื้นฐานแล้ว เธอกับคนที่มาใหม่อีกหลายคนกลับไปที่ชั้นสาม พร้อมทั้งเอาตัวเลขบัตรที่หัวหน้าเซี่ยให้พวกเธอไว้ก่อนหน้านี้ แล้วไปหาตำแหน่งที่นั่งของตนเอง
“ดีจริงหลิงหลิงฉันได้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะกับแกอีกแล้ว” ซูเสี่ยวเฉิงนั่งลงด้านข้างชางหลิง ทั้งสองคนมีฉากกั้นตรงกลาง
ชางหลิงก็ได้แต่ยิ้มให้ เธอเอาบัญชีรายชื่อวางบนโต๊ะ พร้อมทั้งเปิดรายชื่อด้านบน จากนั้นก็หยิบปากกามา แล้วก็เติม “ชางฉิง” ลงตำแหน่งที่ว่างอยู่ด้านบน
ชางฉิง นักออกแบบเหรียญทอง
เธอยอมรับกับความเป็นจริงเรื่องนี้ อีกอย่างพร้อมทั้งพุ่งไปที่เป้าหมายนี้ ต้องมีสักวันหนึ่ง เธอจะต้องไปแทนที่เธอ
ช่วงเช้าก็เสร็จสิ้นไปแล้ว ชางหลิงกับซูเสี่ยวเฉิงทั้งสองคนไปกินข้าวที่ร้านอาหารพร้อมกัน ซูเสี่ยวเฉิงคิดอยู่ว่าเมื่อวานยังไม่ได้กินหมูแดงให้หมดเลย ผลลัพธ์ที่ได้คือ เมื่อเห็นสีเขียวเต็มไปหมด ได้แต่อ้าปากค้างยังไม่รู้ตัว
“นี่มันช่างไร้มนุษยธรรมเลยแหละ เนื้อสัตว์สักจานก็ไม่มี?” ตกใจกว่าเธอก็คือชางหลิงนี่แหละ
เพราะเธอเป็นสายกินเนื้อสัตว์นี่ ให้เธอมากินแต่พวกผัก นี่มันเป็นการเอาชีวิตของเธอชัดๆ?
โหมวยู่ทำได้ยังไง ถึงได้ให้คนทั้งเซิ่งซื่อต้องตกออกบวชถือศีลกินเจเหรอ?
แม้ว่าไม่ชอบกิน แต่ด้วยไม่สามารถให้ท้องร้องได้ทั้งวัน ชางหลิงได้แต่สั่งอาหารไปสองอย่างแบบไม่เต็มใจ
เด็กสาวทั้งสองคนหน้านิ่วคิ้วขมวดกับผักที่วางอยู่สองจาน ซูเสี่ยวเฉิงชอบเหมือนๆ กับเธอ คือถ้าไม่มีเนื้อสัตว์ก็ไม่ชอบ
ส่วนในห้องทำงานของท่านประธานที่ตึกใหญ่ของเซิ่งซื่อ โหมวยู่กำลังมองหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่
ในหน้าจอคอมพิวเตอร์ปรากฏภาพในโรงอาหาร ที่ชางหลิงกับซูเสี่ยวเฉิงทั้งสองคนกำลังหน้าพะอืดพะอมอยู่ ทุกอย่างตกอยู่ในสายตาของเขาทั้งสิ้น
เวลาไม่มีทางเลือก เธอก็จำยอมที่จะปรับตัวเพื่อให้อยู่รอด
มุมปากของโหมวยู่กระตุกขึ้นเล็กน้อย
“คุณชายรอง” ฉู่ฉือเคาะประตู จากนั้นก็เดินเข้ามา
“ได้ทักทายกับผู้อำนวยการถงและทำตามคำสั่งที่คุณกำชับไว้แล้ว”
โหมวยู่พิงหลังเข้าใกล้กับเก้าอี้ ดวงตาไม่ได้ละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์เลย
“แต่ว่า …” ฉู่ฉือมีคำพูดต่อแต่ไม่ได้พูด
“แม้ว่าผู้อำนวยการถงจะไม่ใช่คนสนใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่ว่าคนอื่นๆ ก็ยังมีกระซิบกระซาบอยู่บ้าง ขนาดท่านฉี่รู้เรื่องแล้วยังมาถามคุณกับคุณชางฉิงเป็นอะไรกัน…”
เมื่อเห็นว่าในที่สุดชางหลิงยอมเอาผักยัดใส่ปากตนเองแล้ว โหมวยู่ก็ปิดหน้าจอ พลันหลับตาลง
“เขาเริ่มเป็นห่วงฉันเรื่องเหล่านี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
ฉู่ฉือก้มหน้าก้มตา “อย่างไรก็ตามนายท่านเพิ่งจะประกาศเรื่องงานแต่งงานของคุณกับคุณโม่โม่ไป คุณชายฉี่ก็หวังว่าคุณสามารถหลีกเลี่ยงความสงสัยไปได้ อารมณ์ของคุณโม่โม่คุณเองก็รู้ดี…”
โหมวยู่ยิ้มอ่อนๆ “ฉันเป็นถึงประธานบริษัท เซิ่งซื่อ กรุ๊ปอย่างเป็นทางการ ยังต้องไปสนใจสีหน้าของพวกเขาอีกเหรอ?”
ฉู่ฉือไม่พูดอะไรต่อ เขารู้ดีว่าโหมวยู่ทำเรื่องอะไรมักจะนิ่งและหนักแน่นเสมอ ดังนั้นการวางแผนทุกอย่างนั้นเป็นความตั้งใจของตนเองทั้งสิ้น เลยไม่ได้ถามอีก
โหมวยู่นั่งหลังตรง จากนั้นก็กดโทรศัพท์ออก
“เลขาฯ ฉิน เตรียมดอกกุหลาบให้ฉันสักช่อ และเอาไปส่งให้คุณชางที่ชั้นสาม” แววตาของโหมวยู่พลันปรากฏเป็นภาพที่ชางหลิงโมโหเดือดดาลออกมา จนอดยิ้มไม่ได้ “บอกไปว่า ยินดีต้อนรับสู่เซิ่งซื่อ”