บทที่ 44 เป็นหนึ่งในตระกูลชาง
นี่เป็นคำขออะไรเนี้ย
“ถ้าอย่างนั้นนายคงซวยแน่ๆ เพราะฉันรู้สึกว่านายทำเรื่องผิดทุกวันเลย” ชางหลิงมองบน
โหมวยู่หัวเราะแล้ว
ชางหลิงมองรอยยิ้มนี้ของเขาไว้ ไม่รู้ทำไมจู่ๆ จังหวะการเต้นของหัวใจก็เหมือนหยุดไปทีหนึ่งเลย
ที่แท้ ตอนที่เขายิ้มนี่มันดูดีขนาดนี้เลยหรอ แต่ว่า ทำไมปกติเขาถึงไม่ยิ้มให้เยอะๆ ล่ะ
“ก็ได้ ฉันสัญญา” ชางหลิงตอบ
ไหนๆ เขาก็เมาแล้ว หลังจากที่เขาสร่างเมาก็คงจำอะไรไม่ได้นั่นแหละ
ยังดีนิสัยหลังจากเมาของโหมวยู่ถือว่าดี หลังจากเมาแล้วก็ไม่ได้ทำเรื่องอะไรที่เลยเกิน ชางหลิงพยุงเขาขึ้นไปบนเตียง ผ่านไปสักพักเขาก็หลับไปแล้ว
หลับสนิททั้งคืน
ชางหลิงไปบริษัทตั้งแต่เช้า เมื่อวานถูกโหมวยู่รบกวน งานของเธอยังเหลืออีกนิดก็จะเสร็จแล้ว เธอต้องทำให้เสร็จภายในวันนี้ เวลาหลังจากนี้เธอจะได้มีเวลามากพอในการเตรียม
แต่ว่า พึ่งมาถึงหน้าประตูบริษัท ก็เจอคนที่รู้จัก
ชางหวยซูขับรถมาส่งชางฉิงทำงาน สองพ่อลูกบอกลากันอย่างรักใคร่ ชางหลิงยืนมองอยู่ข้างๆ รู้สึกเจ็บปวดใจไปหมด
เมื่อก่อน เธอก็เป็นลูกสาวที่น่ารักที่สุดในสายตาพ่อเหมือนกัน แต่ว่าตอนนี้ พวกเขาได้กลายเป็นคนแปลกหน้าแล้ว แค่เดินขึ้นไปแล้วกล่าวทักทายเธอยังไม่มีสิทธิ์เลย
เธอก้มหัวไว้แล้วจะเดินไปทางประตู แต่ชางฉิงกลับไปเหลือบเห็นเธอ แล้วพูดกับชางหวยซูอย่างเบาๆ
“หยุดนะ!” ชางหวยซูลงมาจากรถ เรียกเธอไว้ในขณะที่เธอกำลังจะก้าวเข้าไปในบริษัท
ชางหลิงหยุดเดิน เธอไม่ได้หันกลับมา แต่แค่ยืนอยู่กับที่
“กล้ามากเลยนะ ตอนนี้เห็นฉันแล้วก็ทำเหมือนไม่เห็นแล้วใช่ไหม?” ชางหวยซูชี้เธอไว้แล้วด่าว่า
ชางหลิงมองดูคนรอบข้างที่รีบเดินเพื่อจะเข้างาน แต่กลับถอยออกมาแล้วยืนที่ข้างประตู
“ไม่ทราบว่าคุณมีธุระอะไร?ฉันต้องรีบเข้างาน” ชางหลิงเงยหน้าแล้วมองเขา
ชางหวยซูส่งสายตาให้ชางฉิง ชางฉิงยิ้มแล้วเหยียบรองเท้าส้นสูงเดินจากไป
“นี่มันท่าทางอะไรของเธอ?ช่วงนี้บ้านก็ไม่กลับ เธอจะทำอะไรกันแน่?ผู้หญิงที่ยังไม่แต่งงาน ถ้าคนนอกรู้เข้าเขาจะมองตระกูลชางพวกเรายังไง” ชางหวยซูเอามือประสานไว้ที่หลัง
“บ้าน?นั้นเป็นบ้านของฉันหรอ?พวกคุณอยู่กันเป็นครอบครัว มีแค่ฉันเท่านั้นที่เป็นส่วนเกิน ฉันจะกลับไปทำไม?อีกอย่าง คุณได้ไล่ฉันออกจากบ้านตระกูลชาง ฉันอยู่ข้างนอกเป็นยังไง แล้วมันเกี่ยวอะไรกับตระกูลชาง?” ชางหลิงหันหน้าหนีเพราะไม่อยากมองเขาอีกแล้ว
“แก………” ชางหวยซูชี้เธอไว้ “ได้ ฉันไม่อยากทะเลาะกับแก ในเมื่อวันนี้เจอกันแล้ว ฉันก็จะบอกให้แกรู้ไว้เรื่องหนึ่ง ฉิงฉิงเป็นเด็กดี โดนทำร้ายมาเยอะขนาดนี้ ก็ไม่คิดที่จะเกลียดแก เห็นว่าหยูเฉินรู้สึกดีกับแก แล้วยอมถอนตัวออกมา หยูเฉินก็มาที่บ้านหลายครั้ง บอกว่าจะคืนดีกับแก…..”
“เหอะ” ชางหลิงหัวเราะเย็นชา “แล้ว?ตอนนี้คือคุณจะให้ฉันไม่ต้องสนใจเรื่องก่อนหน้านี้แล้วไปอยู่กับหยูเฉินหรอ?ตอนนั้นฉันกับหยูเฉินจะแต่งงานกัน ชางฉิงจะแย่งก็แย่ง ตอนนี้ล่ะ มันไม่อยากเอาแล้ว คุณก็เลยจะให้ฉันกลับไปอยู่กับหยูเฉิน?”
“งานแต่งนี้ได้คุยกันไว้แต่งแรกอยู่แล้ว อีกอย่าง ตอนนั้นแกอยากอยู่กับหยูเฉินจนจะเป็นจะตาย ตอนนี้ก็สมหวังแกแล้วไง?” น้ำเสียงของชางหวยซูเริ่มไม่พอใจ
ชางหลิงดูที่การแต่งตัวของชางหวยซู แล้วอยู่ๆ ก็ถอนหายใจยาวพร้อมส่ายหัว “คุณท่านชาง ถ้าฉันเดาไม่ผิด น่าจะเป็นเพราะว่าหยูเฉินไม่ทำตามที่พูดว่าจะลงทุนให้กับตระกูลชางสินะ เพื่อธุรกิจเพียงเล็กน้อยของคุณ ก็เลยนึกขึ้นมาได้ว่ายังมีลูกสาวคนนี้อยู่ใช่ไหม”
“แกเป็นหนึ่งในตระกูลชาง และนี่เป็นธุรกิจที่แม่แกทิ้งไว้ หรือว่าแกไม่ควรออกแรงหน่อยหรอ?” ชางหวยซูถูกพูดจี้ใจ แล้วหันหน้าหนี
“ให้ฉันออกแรง?ให้ฉันขายตัวเอง แล้วพวกคุณที่อยู่ข้างหลังจะคอยเอาเรื่องธุรกิจของตระกูลชางมาคอยบีบฉันงั้นหรอ?” ชางหลิงหัวเราะเยาะ “คุณนี่คิดได้ดีจริงๆ เลยนะ แต่น่าเสียดาย ที่ฉันไม่ได้ไอ้โง่ จะขอร้องคนก็ต้องวางตัวให้ถูกต้องสิ ท่าทางที่คิดว่าตัวเองรู้ไปหมดทุกอย่างแบบนี้ สมแล้วที่เป็นพ่อแท้ๆ ของชางฉิง”
“แกอยากทำอะไรกันแน่?ถึงแม้ว่าตอนนี้แกจะหาผู้ชายได้จากข้างนอกแล้ว ก็ไม่เห็นแกมาช่วยตระกูลชางเลย ไม่อย่างนั้นแกคิดว่าทำไมฉันต้องให้แกแต่งงานกับหยูเฉินด้วย?” ชางหวยซูพูด
“ทำไมฉันต้องช่วยตระกูลชางด้วยล่ะ?คุณท่านชาง จะให้ฉันช่วยคุณฟื้นความทรงจำหน่อยไหม?ตอนนั้นที่อยู่ในโรงพยาบาล ใครเป็นคนบอกว่าจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับฉัน?คุณคงยังไม่แก่เกินกว่าที่ลืมเรื่องนี้ไปได้หรอกนะ”
“นั้นเป็นคำพูดที่พูดตอนโกรธ” ชางหวยซูเห็นว่าพวกคนที่เดินไปมาได้สังเกตเห็นพวกเขา ก็เลยพูดเสียงเบาลง “ในโลกนี้จะมีพ่อคนไหนที่จะตัดขาดความสัมพันธ์การเป็นพ่อลูกได้บ้าง แกจะไปจริงจังทำไม?”
ชางหลิงสีหน้าเฉยๆ
“ขอโทษด้วยนะ ฉันจริงจังไปแล้ว” เธอมองเขาทีหนึ่งแล้วยึดอกขึ้น “ฉันจะไปทำงานแล้ว คุณท่านชาง ไปก่อนนะคะ”
พูดจบ เธอก็เดินเข้าไปในตึกโดยไม่หันกลับมามองเลย
ตั้งแต่เช้า อารมณ์ถูกชางหวยซูทำให้เสียหมดเลย
เธอไม่เข้าใจความคิดของชางหวยซูจริงๆ เธอก็เป็นลูกสาวของเขานะ แต่เขาเห็นเธอเป็นอะไรกันเนี่ย?
แฟนที่เธอคบมาเป็นเวลา 5 ปี ชางฉิงบอกว่าจะเอาเธอก็ต้องยกให้ บอกว่าไม่เอาแล้วเธอก็ต้องรับช่วงต่อ สรุปใครเป็นลูกของเมียน้อยกันแน่ ทำไมเธอต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย
ช่วงเช้าเธอถูกเรื่องพวกนี้ทำให้เสียสมาธิหมด ตอนเที่ยงที่กินข้าว ซูเสี่ยวเฉิงยิ้มแล้วบอกว่าในโรงอาหารมีกับข้าวเนื้อแล้ว ก็เลยจะลากเธอเพื่อร่วมงานไปด้วย
ตั้งแต่เข้าบริษัทมา ชางหลิงยังไม่เคยรู้จักกับเพื่อนร่วมงานดีๆ เลยสักครั้ง ส่วนซูเสี่ยวเฉิงนั้นกลับไม่รู้ว่าไปสนิทสนมกับพวกเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ เลือดโต๊ะกลม ทั้ง 6 คนนั่งลงไปพร้อมกัน
พึ่งนั่งลง ก็เห็นชางฉิงถือจานอาหารเดินผ่านตัวเธอไป ข้างกายมีผู้ชายเดินตามหลายคนเลย พวกเขาพูดไปหัวเราะกันไป แล้วนั่งลงข้างๆ เธอ
ชางหลิงอดไม่ได้ที่จะมองบน
ตั้งแต่เล็กจนโต ความสัมพันธ์ต่างเพศของชางฉิงดีกว่าเธอ ไม่ว่าจะเวลาไหนอยู่ที่ไหน ชางฉิงจะถูกล้อมเหมือนเป็นเจ้าหญิงเลย
พ่อคนเดียวกัน และรูปร่างหน้าตาของจ้าวหลันจือเทียบแม่เสิ่นวั่นชิงของตัวเองไม่ได้เลย แต่ว่าชางฉิงคลอดออกมา กลับมีรูปร่างหน้าตาที่ดีกว่าเธอ บวกกับที่ชางฉิงชอบทำตัวเหมือนตัวเองอ่อนโยน และเป็นคนดี ทำให้พวกผู้ชายเห็นแล้วก็อยากปกป้องเธอ
“ชางหลิง เธอทำไปถึงไหนแล้ว?เธอคะแนนดีที่สุดในหมู่พวกเราแล้วนะ น่าจะใกล้เสร็จแล้วมั้ง” เพื่อนร่วมงานได้ทิ้งคำถามไปให้ชางหลิง
“หือ?” ชางหลิงพึ่งรู้ตัว “อ่อ ไม่เร็วขนาดนั้นหรอก”
“หลิงหลิงต้องเก่งอยู่แล้ว รู้ไหมว่าเธอวาดภาพร่างเสร็จแล้วนะ” ซูเสี่ยวเฉิงเห็นชางหลิงถ่อมตัวขนาดนี้ ก็เลยตบที่ไหล่ของเธออย่างภูมิใจ
“ว้าว เร็วจังเลย ถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่รู้ว่าจะทำยังไงเลย”
“จริงด้วย นี่เป็นการแข่งของพวกมืออาชีพ พวกเราที่ยังเป็นเด็กใหม่ไปไม่ถือว่าไปร่วมสนุกหรอก ถือซะว่าทำภารกิจให้เสร็จก็พอ”
………
คนในโต๊ะนี้กำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน ไม่มีใครสังเกตเห็นสายตาที่คิดไม่ดีของชางฉิงเ