ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก – บทที่ 42 ข้อห้ามของโหมวยู่

บทที่ 42 ข้อห้ามของโหมวยู่

บทที่ 42 ข้อห้ามของโหมวยู่

ห้องทำงานผู้จัดการใหญ่

โหมวยู่นั่งอยู่บนโซฟา ในมือก็ยังหมุนไฟเช็กเล่นอยู่ เขาจ้องโทรศัพท์ที่วางไว้บนโต๊ะ แต่กลับไม่เห็นชางหลิงโทรหรือส่งข้อความมาสักอย่างเลย

ตามหลักแล้ว เขาซื้อของให้เธอ ไม่ว่ายังไง ก็ต้องบอกว่าขอบคุณสิ

หรือว่า เธอยังไม่หายโกรธ?

เสียงเคาะประตูดังขึ้น บังเอิญเปิดประตูแล้วยืนอยู่หน้าประตู

“ท่านประธานโหมวของขวัญเตรียมเสร็จแล้วค่ะ” พูดจบ ฉินเลี่ยงเลี่ยงก็เดินเข้ามา เอากล่องของขวัญวางไว้บนโต๊ะ

“อืม” โหมวยู่ตอบกลับ

เขาจ้องกล่องของขวัญนั้นไว้ พอเห็นว่าฉินเลี่ยงเลี่ยงกำลังจะออกไป ก็เลยเรียกเธอไว้ “เหมือนเมื่อวาน ส่งไปให้คุณชาง”

ผู้จัดการเป็นอะไรไปเนี่ย?เมื่อวานส่งดอกไม้ วันนี้ส่งสร้อยคอ หรือว่า จะสนใจคุณชางเข้าจริงๆ แล้ว?

“ค่ะ” ฉินเลี่ยงเลี่ยงรู้สึกแปลกใจ แต่ไม่แสดงออกทางหน้าตา เข้ามาเอากล่องของขวัญแล้วตอนที่จะเดินออกไป ก็เจอฉู่ฉือที่จะเข้ามาพอดี

ฉู่ฉือและเธอส่งสายตาต่อกัน ฉินเลี่ยงเลี่ยงเขย่ากล่องของขวัญในมือแล้วยักไหล่

“คุณชายรอง” ฉู่ฉือปิดประตู พูดอย่างลังเลว่า “คุณจะส่งของขวัญให้ชางฉิงอีกแล้วหรือครับ?”

โหมวยู่ไม่แม้แต่จะละสายตาขึ้นมามอง เอาโทรศัพท์ของตัวเองกดเล่นอยู่อย่างนั้น

“ได้ยินว่า เมื่อวานตอนที่เลขาฯ ฉินไปส่งดอกไม้ให้คุณชางฉิง คุณชางเองก็อยู่ในเหตุการณ์นะครับ” ฉู่ฉือพูดอย่างระวัง

มือของโหมวยู่กระตุกทีหนึ่ง

“ถึงจะบอกว่าที่คูณทำแบบนี้มีเหตุผลแบบนี้ แต่ว่า อันที่จริงคุณชางก็ไม่รู้เจตนาของคุณ เมื่อวานเธอเห็นกับตาว่าเลขาฯ ฉินส่งดอกไม้ให้คุณชางฉิง…….” เห็นกับตา?

โหมวยู่ถือว่ารู้ตัวทีหลัง ดังนั้น เธอก็เลยโกรธเพราะเรื่องนี้

“อืม” โหมวยู่อืมเพื่อเป็นการตอบกลับ

“แล้วก็ เมื่อกี้คุณชายฉี่ออกคำสั่งให้เปลี่ยนเมนูของพรุ่งนี้” ฉู่ฉือขมวดคิ้ว “คุณว่า…..”

โหมวยู่หรี่ตาแล้วพูดว่า “ช่วงนี้มันว่างมากหรอ?”

“เมื่อกี้ผมลองสังเกตดู วันนี้คุณชางไม่ได้ไปกินข้าวที่โรงอาหารครับ” ฉู่ฉือตอบตามความเป็นจริง

โหมวยู่ไม่ได้พูด เธอไม่ได้กินข้าว?เพราะว่าไม่สบายหรอ?

ได้ยินแบบนี้ เขาก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปทันที แต่ว่า พึ่งออกจากห้องทำงาน ก็เจอโหมวฉี่ที่กำลังออกมาจากลิฟต์

เซียวฉู่ดันรถเข็นของเขาออกมา โหมวยู่หยุดเดินแล้วมองไปทางเขา

“คุณชายรอง” เซียวฉู่ทักทายโหมวยู่อย่างเคารพ โหมวฉี่ก็ยังเป็นแบบนั้น พกยิ้มแล้วมองเขาไว้

“นายมธุระต้องจัดการ?” โหมวฉี่พูดก่อนคนแรก

โหมวยู่หรี่ตาแต่ไม่พูดอะไรเลย

“พวกเราไม่ได้คุยกันดีๆ นานแล้วนะ ตอนนี้ คงไม่ได้ทำให้งานนายล่าช้าใช่ไหม” โหมวฉี่พูดต่อ

ทั้งสองคนสบตากันไม่กี่วินาที โหมวยู่ก็หันไปทางอื่น แล้วเดินกลับเข้าไปในห้องทำงานของตัวเอง

“พูดสิ” โหมวยู่กลับไปนั่งที่โซฟาต่อ

เซียวฉู่และฉู่ฉือทั้งสองคนออกไปพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ปล่อยให้สองพี่น้องนั้นได้มีพื้นที่ส่วนตัว

“ตอนที่ฉันขึ้นมา บังเอิญเจอเลขาฯ ฉิน” โหมวฉี่หมุนรถเข็นไปทางหน้าต่างด้วยตัวเอง ตำแหน่งบนตึกสูง สามารถมองบรรยากาศข้างนอกจากหน้าต่างฝรั่งเศส

“แล้ว?” โหมวยู่รอให้เขาพูดต่อ “พี่ใหญ่อยู่บ้านจนเบื่อแล้ว ก็เลยชอบแส่เหมือนผู้หญิงแล้วหรอ?”

โหมวฉี่นิสัยถือว่าดีมาก แค่ยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันแค่อยากเตือนนาย เรื่องบางเรื่องอย่าทำเกินไป ถ้านายชอบผู้หญิงคนนั้นจริงๆ ก็ควรเลือกที่จะถ่อมตัวหน่อย”

“นายคิดว่าฉันเป็นนายหรอ?” โหมวยู่สายตาเย็นชา

รอยยิ้มบนหน้าของโหมวฉี่แข็งตัวไปทันที

“เรื่องผ่านไปตั้งหลายปีแล้ว นายยังปล่อยวางไม่ได้อีกหรอ?”

“ปล่อยวาง?” โหมวยู่หัวเราะเยาะ เขาลุกขึ้นแล้วเดินไปข้างกายโหมวฉี่ “นายอยากบอกฉันว่า ฉันปล่อยวางได้แล้ว?โหมวฉี่ นายมีสิทธิ์อะไรมาพูดแบบนี้?ทุกวันนี้ที่นายยังนั่งอยู่ตรงนี้ ใช้ชีวิตในฐานะรองประธานและเกียรติยสทุกอย่างของเซิ่งซื่อ แต่ว่าคุณน้าฉันละ?เธอตายแล้ว เธอตายยังไง นายปล่อยวางได้แล้วจริงๆ ใช่ไหม?”

มือของโหมวฉี่ที่จับล้อรถเข็นไว้ก็บีบแน่นกว่าเดิม สีหน้าตอนนี้ของเขาได้กลบเกลื่อนรอยยิ้มก่อนหน้านี้จนหมด

“ฉันรู้ว่านายเกลียดฉัน” โหมวฉี่ตอบเขาด้วยเสียงที่เบา “ฉันก็รู้ว่านายไม่มีทางอภัยให้ฉันได้ ฉันก็ไม่ได้คาดหวังว่าพวกเราสองพี่น้องจะกลับไปดีได้เหมือนเดิม ที่มาวันนี้ อาจจะเป็นเพราะฉันยุ่งมากไปจริงๆ”

พูดเสร็จ เขาก็จะหมุนล้อรถเข็นถอยกลับไป แต่ว่า พรมที่นุ่มนั้นทำให้เขาถอยลำบาก บนหน้าผากของเขามีเม็ดเหงื่อออกเต็ม โหมวยู่ยืนดูอยู่ข้างๆ เห็นเขาลำบากขนาดนี้กลับไม่ยอมเข้าไปช่วยเขาเลย

“เซียวฉู่” เขาตะโกนไปข้างนอกทีหนึ่ง เซียวฉู่ได้ยินเสียงก็เดินเข้ามา

เซียวฉู่รู้ว่าสองพี่น้องนี้อยู่ด้วยกันต้องจบไม่สวยแน่ๆ ไม่ผิดเลย บรรยากาศในห้องอึดอัดมาก เขาเดินเข้ามา แล้วเข็นรถเข็นของโหมวฉี่

“เรื่องของฉัน ไม่จำเป็นต้องให้นายเป็นห่วง ผู้ชายที่ปกป้องแม้แต่ผู้หญิงของตัวเองไม่ได้เลย มีสิทธิ์อะไรมาชี้แนะเรื่องในชีวิตประจำวันของฉัน?” โหมวยู่หันหลังไปไม่มองเขาอีก

“คุณชายรอง” เซียวฉู่อยู่ข้างกายโหมวฉี่ตลอด ทั้งสองคนความสัมพันธ์แน่นแฟ้นเหมือนพี่น้อง ก็เลยจะช่วยโหมวฉี่พูดอย่างอดไม่ได้ “คุณชายฉี่ก็แค่ไม่อยากให้คูณเดินทางเก่า หลายปีมานี้ ทุกอย่างที่คุณชายฉี่ทำ ยังไม่พอที่จะไถ่โทษอีกหรอ?”

“เซียวฉู่……….” โหมวฉี่ห้ามเขา “อย่าพูดมาก” เขามองไปทางโหมวยู่ สายตามืดไปหมด

“อะยู่” เขาเรียกชื่อที่เขาเคยสนิทที่สุด “ฉันรู้ว่าตอนนี้นายแกร่งมาก นายเป็นผู้มีอำนาจของตระกูลโหมว เป็นประธานของเซิ่งซื่อ แต่ก็เพราะแบบนี้ การกระทำทุกอย่างของนายก็จะถูกจ้องด้วยสายตาที่นับไม่ถ้วน สถานการณ์ของนาย ไม่ได้ดีไปกว่าฉันในตอนนั้นสักเท่าไหร่ เรื่องของตอนนั้นฉันทำผิดต่อนายและตระกูลเซิ่ง แต่ว่าสุดท้ายแล้วคนที่ทำให้คุณน้าของนายตาย เป็นฉันจริงๆ หรอ?”

“ไสหัวไป!” โหมวยู่หันกลับมา ตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความโกรธแค้น

โหมวฉี่พยายามเงยหน้าแล้วสบตากับเขา แต่สุดท้ายก็ก้มหัวลง

“พวกเราไปกันเถอะ” เขาพูด เซียวฉู่ก็ออกแรงในการเข็นโหมวฉี่ออกจากห้องทำงาน

พอประตูปิดลง โหมวยู่เตะไปบนโต๊ะด้วยอารมณ์เสีย ฉู่ฉือที่เฝ้าอยู่หน้าประตูได้ยินเสียงก็กลั้นหายใจแล้วยื่นนิ่งๆ เลย

คุณชายรองของเขามีจุดห้ามอยู่จุดหนึ่ง ถ้าไปพูดถึงก็จะโกรธมาก นั้นก็คือคุณน้าเซิ่งเยียนหัวของเขา

เพราะเรื่องนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับผู้เป็นพ่อโหมวเจิ้งถิงนั้นไม่ดีเลย โดยเฉพาะกับพี่ชายโหมวฉี่ที่สนิทที่สุดตอนนี้กลับหันหลังใส่กัน

ตระกูลใหญ่โต ไม่ได้สวยงามอย่างที่คนภายนอกเห็น ในนั้นเต็มไปความมืดและโศกนาฏกรรม มากกว่าการที่คนเล่าปากสู่ปาก

ชางหลิงกลับถึงที่พักก็หาเอกสารอย่างบ้าคลั่ง มีหลีซินที่เป็นโดราเอม่อนแล้ว เธอก็สามารถดูเอกสารการแสดงโชว์ของนะคะฉบับเต็มได้อย่างสมใจ

เพื่อการแข่งออกแบบ เธอจมปลักต่องานอย่างไม่สนอะไรเลย ขนาดเรื่องที่เมื่อวานพึ่งโกรธก็ทิ้งไว้หลังหัวจนหมด

แต่ตอนที่เธอตั้งหน้าตั้งตาทำงาน ประตูก็ถูกเปิดออกอย่างแรง เสียงที่ดังนั้นทำให้เธอตกใจไม่น้อย

โหมวยู่พิงอยู่หน้าประตู เอามือดันขอบประตูไว้ ก้มหัวไว้ มองไม่เห็นสีหน้าของเขาเลย

“นายทำอะไร?” ชางหลิงที่ถูกรบกวนไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่ว่า ตัวของโหมวยู่กลับนิ่งเลย เธอสงสัยมากก็เลยเดินเข้าไป

“นายอย่าคิดว่ามาตั้งท่าอยู่หน้าประตูของฉันแล้วฉันจะยกโทษให้นายนะ ฉันจะบอกนาย……..” เธอพึ่งเดินไปถึงตัวเขา ยังไม่ทันพูดจบ โหมวยู่ก็ลากเธอมาแล้วกดเธอไว้กับประตู

“นาย นาย นาย…….” ชางหลิงหลับตาลง

“ไม่ต้องพูด” ปากของโหมวยู่ได้เฉียดผ่านหน้าของเธอไป พ่นกลิ่นอายของแอลกอฮอล์ออกมาเต็มเลย สุดท้ายก็กอดเธอไว้แน่น

เขาดื่มเหล้า ?ชางหลิงนิ่งไปทันที

“เมียจ้า” น้ำเสียงของโหมวยู่อ่อนโยนมาก “ฉันผิดไปแล้ว ฉันขอโทษ หายโกรธเถอะนะ ไม่ต้องไปจากฉันได้ไหม?”

ชางหลิงเบิกตาโต ไม่ว่ายังไงก็ไม่อยากจะเชื่อว่าคำพูดพวกนี้จะพูดออกมาจากปากของโหมวยู่

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

Status: Ongoing

เธอสุขใจมากล้นเตรียมที่จะแต่งงานกับแฟนหนุ่มที่คบกันมาหลายปี แต่คืนก่อนวันแต่งงานกลับรู้ว่าแฟนหนุ่มนอนกับน้องสาวต่างสายเลือดด้วยความโกรธครอบงำชางหลิงใช้เงินซื้อผู้เชาย หลังเมาก็ร้องจะนอนกับเจ้าของคลับ ยังถูกคนหลอกแต่งงานเมื่อตื่นขึ้นมา ไม่คาดว่าถูกคนกลับเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ เฮียคือใครกันนะ“ยมบาลแสนเย็นชา”ซึ่งอยู่ทั้งสายขาวสายดำแห่งเมืองหนานที่ทุกคนต่างเกรงกลัว แถมยังเป็นผู้นำที่มีอำนาจทั้งตระกูลโหมวและในบริษัทเซิ่งซื่อกรุ๊ปแต่ข่าวลือว่ากันว่าเขาไม่เข้าใกล้ผู้หญิงไม่ใช่หรอ เขาชอบผู้ชายด้วยกันไม่ใช่หรอแต่ทำไมถึงเป็นเพราะผู้หญิงอ่อนแออย่างเธอถึงกับทุกวันไม่อยากลงจากเตียง จริงอย่างคาดคิด ข่าวลือล้วนแต่หลอกลวงโดยสิ้นเชิง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท