บทที่ 45 วันนี้เป็นวันเกิดของฉัน
ก่อนเลิกงาน ชางหลิงได้แก้ภาพวาดบนคอมของตัวเองจนเสร็จสักที เหลือแค่เติมสีก็เสร็จแล้ว
การออกแบบของเธอในครั้งนี้ เลือกใช้ความยาวสั่นของหน้าหลังที่ไม่เหมือนกัน แล้วซ้อนเป็นชั้นๆ จากข้างในยาวออกไปด้านหลังเหมือนหาง นี่น่าจะเป็นความฝันที่หญิงสาวทุกคนตั้งหน้าตั้งตารอที่จะใส่ในวันแต่งงานแล้วเดินเข้าไปในโบสถ์อย่างช้าๆ เพื่อเดินไปหาอยู่ข้างกายคนที่รัก
ชางหลิงไม่ได้สูงมาก ครั้งก่อนที่หยูเฉินออกแบบชุดแต่งงานให้เธอเป็นแบบยาวเท่าพื้น เธอใส่ส้นสูงแล้วก็ยังต้องถือปลายกระโปรงไว้อีกด้วย ดังนั้นครั้งนี้ เธอเลยจงใจหลีกเลี่ยงพวกนี้ ออกแบบชุดแต่งงานที่คนตัวไม่สูงก็สามารถใส่ได้อย่างสบายๆ
ตรงไหล่ออกแบบเป็นไหล่ข้างเดียว ตรงแขนได้เสริมลายดอกไม้เข้าไปอย่างเจตนา เพราะแบบนี้จะสามารถบิดเนื้อส่วนเกินตรงแขนได้ดี ตรงท้องน้อยก็ถูกดอกไม้รูปทรงตันล้อมรอบไว้ แบบนี้ ถึงคนที่ใส่จะอวบหน่อยก็ไม่มีปัญหาอะไรทั้งนั้น และไม่ทำลายภาพลักษณ์ด้วย
ความลับของสาวน้อย ผู้หญิงทุกคน ไม่ว่าจะเตี้ยหรือสูง จะอ้วนหรือผอม ต่างก็มีช่วงวัยรุ่นของตัวเอง ใครบอกว่าสาวน้อยสวยงามที่สุดล่ะ?
ชางหลิงเปิดชุดแบบสีตรงหน้าจอขึ้นมา กำลังจะเติมสีลงไป แต่ไฟที่หน้าจอกลับดับไป ทั้งบริษัทก็ได้ตกอยู่ในความมืดทันที
“ไฟดับหรอ?” ซูเสี่ยวเฉิงพูดอย่างแปลกใจ “เหลืออีก 5 นาที นี่คือจะไล่พวกเรากลับบ้านใช่ไหม?”
“งานของฉันยังไม่เสร็จเลยนะ” ชางหลิงรู้สึกหมดอารมณ์ทันที
“ไหนๆ โปรแกรมตัวนี้ก็บันทึกอัตโนมัติอยู่แล้ว เธอค่อยมาทำต่อพรุ่งนี้ก็ได้นี่” ซูเสี่ยวเฉิงพูดไป แล้วเก็บของๆตัวเองใส่กระเป๋า
ทุกคนก็เริ่มเก็บของแล้วจากไป ชางหลิงไม่มีวิธี และไม่รู้ว่าไฟจะมาเมื่อไหร่ ก็เลยจำใจต้องกลับบ้าน
“หลิงหลิงฉันจะบอกให้นะ ครั้งนี้ฉันออกแบบชุดแต่งงานที่เป็นสีส้มทั้งชุดเลย” ซูเสี่ยวเฉิงเดินไปด้วยพูดอย่างดีใจไปด้วย “เธอก็รู้ว่าฉันชอบสีส้มที่สุดเลย พอนึกถึงเรื่องตอนวัยรุ่นของพวกเรา ฉันก็อดนึกถึงน้ำอัดลมสีส้มนั้นขึ้นมาไม่ได้เลย สีสันสดใส กลิ่นก็หอมมากอีกด้วย……”
ซูเสี่ยวเฉิงยิ้มอย่างสดใส ชางหลิงก็ถูกเธอติดต่อ ทั้งสองคนเดินออกจากบริษัทไปพร้อมกัน กลับเจอคนที่ไม่อยากเจอที่หน้าประตู
“หลิงหลิง” ไม่เจอกันหลายวัน หยูเฉินผ่อมกว่าที่เจอครั้งก่อนมาก
รอบยิ้มบนหน้าของชางหลิงหายไปทันที เธอดึงซูเสี่ยวเฉิงเดินไปอีกข้าง ทำเป็นว่ามองไม่เห็น
“หลิงหลิง ฉันรอเธออยู่ตรงนี้นานแล้วนะ” หยูเฉินตามขึ้นมา ฉันรู้ว่าเธอไม่อยากเจอฉัน แต่ว่า เห็นแก่ความสัมพันธ์ 5 ปีของพวกเรา พวกเราคุยกันดีๆ ไม่ได้หรอ?”
“หลิงหลิงไม่มีอะไรจะคุยกับแก” ซูเสี่ยวเฉิงเห็นหยูเฉินก็โกรธหนักมาก “ไอ้สวะ แกไปคุยกับน้องฉิงของแกให้หนำใจเถอะ”
“หลิงหลิง” หยูเฉินขวางทางไปของพวกเธอไว้ “แค่ครั้งนี้ ฉันมาเพราะเรื่องการร่วมงานของพวกเราทั้งสองตระกูล ฉันอยากจะคุยกับเธออย่างเดียว”
ชางหลิงหยุดการเดิน
คำพูดของชางหวยซูในตอนเช้ายังหมุนอยู่ในหูของเธอ ตอนนี้ทุกอย่างของตระกูลชาง เป็นสิ่งที่แม่ของเธอสร้างไว้ ถ้าล้มละลายไปแบบนี้ ก็น่าเสียดายจริงๆ
แต่ว่า……..
“หยูเฉิน” ชางหลิงมองเขา “ถ้าชางและหยูทั้งสองตระกูลสามารถร่วมงานกันได้ ก็เป็นเรื่องน่ายินดี เพราะไม่ว่ายังไงนั้นก็เป็นธุรกิจที่แม่ฉันเป็นคนสร้างขึ้นมากับมือ ฉันที่เป็นลูกสาวของท่าน ก็ควรต้องรับหน้าที่ต่อ แต่ว่า ตอนนี้ฉันไม่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลชางแล้ว คนบ้านนั้นจะตายหรือยังไงก็ไม่เกี่ยวกับฉัน ถ้าตระกูลชางล้มละลายน่าเสียดายก็จริง แต่นายก็รู้ว่าฉันเป็นคนนิสัยยังไง ฉันยอมให้มันล่มสลายไป ก็ไม่ยอมให้สวะพวกนั้นนั้นได้เปรียบ”
“อีกอย่าง ตอนนี้ฉันก็ไม่จำเป็นต้องคอยพึ่งตระกูลชางแล้ว รอให้ฉันประสบความสำเร็จเมื่อไหร่ ของที่เป็นของแม่ฉัน ฉันจะเอามันกลับมาด้วยวิธีของตัวเอง ดังนั้น ขอบคุณที่นายเป็นห่วง”
พูดจบชางหลิงก็หันหลังจะเดินจากไป
“หลิงหลิง” หยูเฉินเรียกเธอทีหนึ่ง
ชางหลิงไม่ได้หันกลับไป แต่สังเกตเห็นคนรอบข้างล้อมเข้ามา เธอก็เลยหันกลับไป ก็เห็นหยูเฉินคุกเข่าอยู่บนพื้น
“นายทำอะไร?” การกระทำของเขาได้ดึงดูดความสนใจของคนมากมาย ชางหลิงก็เลยหยุดอยู่กับที่
“หลิงหลิง ฉันไม่หวังว่าเธอจะยกโทษให้ฉัน แต่ว่า อย่างน้อยก็มีความรู้สึกต่อกัน 5 ปี ระหว่างพวกเราอย่าเป็นแบบนี้เลยได้ไหม?ถึงแม้ว่าจะกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้ ก็ให้โอกาสฉันสักครั้ง ให้ฉันได้ทำให้พวกเราจบอย่างสมบูรณ์นะ” หยูเฉินน้ำตาคลอ
“นายรีบลุกขึ้น” ชางหลิงเดินไปหาเขาสองก้าว
“หลิงหลิง วันนี้เป็นวันเกิดของฉัน ไปกินข้าวกันฉันได้ไหม หลังจากวันนี้ ฉันจะไม่มารบกวนเธออีกเลย ได้ไหม?” หยูเฉินใช้น้ำเสียงที่แทบจะขอร้องพูดกับเธอ
ชางหลิงอึ้งไปเลย
จริงด้วยสิ เธอลืมไปเลย วันนี้เป็นวันเกิดของหยูเฉิน เมื่อ 5 ปีก่อน วันเกิดของเขาเธอจะคอยจัดเตรียมอย่างตั้งใจ แต่ปีนี้ ถ้าไม่มีอำรแบบนี้ ตอนนี้พวกเขาคงได้ไปฮันนีมูนอยู่ที่มัลดีฟส์แล้ว
“หลิงหลิง เธออย่าไปฟังมัน” ซูเสี่ยวเฉิงเข้ามาห้ามเธอไว้ “ใครจะไปรู้ว่ามันคิดแผนอะไรอยู่”
ชางหลิงก้มหน้ามองหยูเฉินที่คุกเข้าไว้บนพื้น ความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
ครั้งก่อนที่เขาคุกเข่าให้เธอ คือตอนที่ขอแต่งงาน ตอนนั้น เธอยังคิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลกเลย แต่ภายในเวลาสั้นๆ เพียง 1 เดือน ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปหมด
“นายลุกขึ้นมาก่อน ตรงนี้คนเยอะเกินไป” ชางหลิงยอมจำนน
“งั้นแปลว่าเธอตกลงแล้วใช่ไหม?” หยูเฉินรู้สึกเซอร์ไพรส์
ชางหลิงพยักหน้า
ไม่ว่ายังไงก็เป็นคนที่ตัวเองรักมา 5ปี ไม่ว่างยังไงระหว่างเธอกับหยูเฉินนั้นก็ควรมีพิธีจบอย่างสันตินั่นแหละ
หยูเฉินลุกขึ้นแล้วปัดฝุ่นที่หัวเข้าตัวเอง
“หลิงหลิง” ซูเสี่ยวเฉิงมองเธออย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร เธอกลับไปก่อนเถอะ” ชางหลิงตบที่มือเธอเบาๆ “คุยให้รู้เรื่องก็ดี เพราะนี่เป็นเรื่องที่ต้องคุยไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว”
“ก็ได้” ซูเสี่ยวเฉิงทำอะไรไม่ได้ “ถ้าเธอมีเรื่องก็โทรให้ฉันได้ตลอดเลยนะ”
ชางหลิงตอบตกลง โบกมือลาเธอแล้วก็ตามหยูเฉินไปขึ้นรถของเขา
ไฟฟ้าของตึก 3 กลับมาสว่างเหมือนเดิมแล้วก็มืดลงอีกครั้ง เหลือแค่แสงไฟที่ส่องเข้ามาทางหน้าต่างเล็กน้อย โหมวยู่ดูอยู่ชั้นล่างสักพักแล้วก็เดินไปทางลิฟต์
“เมื่อกี้ได้ตรวจสอบดูแล้วครับ มีคนได้ไปดึกสวิตซ์ไฟลงโดยไม่ได้ตั้งใจ” ฉู่ฉือพูดกับโหมวยู่
โหมวยู่ไม่ได้ตอบรับ เดินเข้าลิฟต์ กดชั้น 3 หลังจากนั้นไม่กี่วิ ลิฟต์ก็หยุด เขากำลังจะก้าวออกไป ก็เห็นชางฉิงที่ยืนอยู่ข้างนอก
“คุณ………คุณชายรอง?” ชางฉิงเห็นโหมวยู่ สายตาลนมาก “ทำไมคุณ……ถึงมาที่นี่ล่ะคะ?”
โหมวยู่หรี่ตาแล้วมองไปด้านหลังของเธอ ตอนนี้ที่ชั้น 3 ไฟดับจนหมดแล้ว ไม่เหมือนว่าจะมีคน
“ได้ยินว่าทางนี้ไฟดับ ก็เลยมาดู” โหมวยู่ตอบ
“อ้อ คือฉัน……” ชางฉิงพูดอย่างลุกลี้ลุกลน “ใช่…ใช่ค่ะ”
“ทำไมคุณชางฉิงยังอยู่ที่นี่?เลิกงานแล้วไม่ใช่หรอครับ?” ฉู่ฉือถาม “แล้วก็ คุณไม่ใช่ว่าอยู่ชั้น 5 หรอ?”
ชางฉิงหน้าซีดทันที พยายามบีบรอยยิ้มออกมา “ฉัน……ฉันเดินอยู่ข้างหลัง จะมาดูว่ามีเครื่องที่ยังไม่ได้ปิดไฟไหม…..”
เสียงเตือนของลิฟต์ดังขึ้น ชางฉิงก้าวเข้ามา โหมวยู่ขยับไปข้างๆ
โหมวยู่กดปุ่มชั้น 1 ทันใดนั้น ทั้งสามคนไม่มีใครพูดอะไรเลย
ชางฉิงประสานมือทั้งสองไว้ สีหน้าที่ตื่นเต้นเหมือนมีอะไรจะพูด
“คุณชายรอง……..คือว่า ฉันมีคำถามที่อยากถามคุณมาโดยตลอด…..”
เธอกัดริมฝีปากเบาๆ ท่าทางที่เขินอายทำให้เธอดูแล้วดึงดูดคนเป็นอย่างมาก
แต่ว่า ตาของโหมวยู่มองตรง ไม่ได้มองไปที่เธอเลยแม้แต่น้อย
“อือ” โหมวยู่ตอบรับ
“ฉันไม่มีพรสวรรค์ และไม่ใช่นักออกแบบที่มีความสามารถมากขนาดนั้น ทำไมคุณถึงเห็นค่าฉันมากขนาดนี้ล่ะค่ะ?” เธอรู้ว่าตัวเองมีค่าเท่าไหร่ แต่ว่า ต่อหน้าโหมวยู่ที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้แล้ว ก็จะเกิดความคิดที่เพ้อฝันไปไกลก็ไม่แปลก
ลิฟต์ถึงชั้น 1 แล้ว โหมวยู่เดินออกไปก่อนคนแรก ชางฉิงก็เดินออกมาตามหลังเขา
“เซิ่งซื่อมีนักออกแบบที่ดีเด่นเยอะ” โหมวยู่เดินไปไม่กี่ก้าว แล้วหยุดที่หน้าทางเข้า “แต่ว่าคนที่ฉันชอบ มีแค่คนเดียว”