ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก – บทที่63 คุณรักฉันไหม

บทที่63 คุณรักฉันไหม

ชางหลิงยังไม่ทันได้หลีกตัว น้ำหนักทั้งตัวของเขาก็ทิ้งลงบนตัวของเธอเต็มๆ

“คุณรักฉันไหม?” โหมวยู่พ่นกลิ่นเหล้าออกมา

ชางหลิงปฏิเสธและผลักเขา เธอโดนเขาทับไว้จนแทบจะหายใจไม่ออกแล้ว

“รักอะไรรัก รีบลงไปจากตัวฉันเดียวนี้!” เธอเกือบจะทนไม่ไหวและด่าคำหยาบออกมา “ก็แค่อยากระบายความต้องการทางเพศไม่ใช่หรือไง จำเป็นต้องขึ้นสูงถึงขั้นนี้ไหม?”

นัยน์ตาโหมวยู่เศร้า เขาจับเอวเธอไว้และหยิกตรงนั้นเบาๆ

ชางหลิงตัวสั่น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเจ็บหรือความรู้สึกคันแบบชา

“ทำไมคุณไม่รักฉัน?” โหมววู่ตามถามเธอต่อ “ฉันยังดีกับคุณไม่พอหรือไง?”

“ทำไมฉันต้องรักคุณ?” ชางหลิงตอบกลับ “คนอย่างคุณทั้งรุนแรงและป่าเถื่อน แถมยังเอาแต่ชักสีหน้าใส่ฉัน ราวกับภูเขาหิมะใหญ่ ใครจะไปชอบคุณ”

ในใจโหมวยู่รู้สึกเจ็บปวด แรงบนมือก็ลดลงมา

“ต้องให้ฉันทำยังไงคุณถึงจะรักฉัน?” เขาจ้องเขม็งนัยน์ตาของเธอ

“ฉันจะรักหรือไม่รักคุณมันสำคัญขนาดนั้นเลยหรือไง?” ชางหลิงแบะปาก “ก็แค่เป็นเครื่องมือที่ใช้ระบายอารมณ์ ขอแค่ยังมีลมหายใจให้คุณได้เอาก็พอ”

ทีแรกก็โดนคนในตระกูลชางทำจนโมโหอยู่แล้ว พอกลับมาโหมวยู่ก็เอาแต่จะทำเรื่องแบบนี้กับเธอ ทีแรกคิดว่าเขาเมาก็คงมีใจสงสารหน่อย แต่ตอนนี้เหลือแค่ความรังเกียจ

โหมวยู่ปล่อยมือ เขาจ้องมองเธอไม่ละสายตาเลยทำให้บรรยากาศเงียบลงอีกรอบ

“ที่คุณพูดในสถานที่แข่งเมื่อวานเป็นเรื่องจริงใช่ไหม? คุณจะชอบเสื้อหนึ่งชุดเพราะใครคนหนึ่ง……” โหมวยู่ทำเสียงต่ำเพื่อถามเธอ

เธอพูดในบนเวทีอย่างตั้งใจ วินาทีนั้นเขาคิดว่าเธอชอบเขาจริงๆ

“คุณบอกฉันก่อนว่าทำไมถึงออกแบบชุดแต่งงานชุดนั้น?”

ชางหลิงมึน “ทำไมฉันถึงออกแบบชุดแต่งงานชุดนั้นไม่ได้? โม่โม่ชอบคุณแถมคุณยังเป็นทหารที่ปลดเกษียณแล้ว นักออกแบบฉีจิ่นหมิ่นก็เป็นคนในครอบครัวผู้พลีชีพ ฉันออกแบบชุดแบบนี้ก็สามารถชักจูงความรู้สึกของเขาเพื่อเพิ่มคะแนนให้ฉันไง”

ถึงแม้เธอออกแบบชุดแต่งงานชุดนั้นออกมาเพราะนึกถึงโหมวยู่ก็จริง แต่เหตุผลส่วนใหญ่ก็เพื่อชนะต่างหาก

นัยน์ตาโหมวยู่เฉยชาลง ความคาดหวังในตอนแรกถูกความโมโหแทนที่แล้ว

“เหอะ” เขายิ้มแห้ง “ที่แท้ก็อย่างงี้นี่เอง”

เขาคิดว่าคำพูดของเธอพวกนั้นคือพูดให้เขาฟัง ที่ไหนได้มันเป็นเพียงข้ออ้างของเธอเพื่อได้ที่หนึ่งเท่านั้นเอง

เห็นอารมณ์ชั่วร้ายของโหมวยู่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ชางหลิงเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาอย่างอัตโนมัติ

สายตาแบบนี้ คืนนั้นเธอเคยเห็นมันบนตัวหยูเฉินด้วย……

“โหมวยู่……” เธอพึ่งจะพูด โหมวยู่ก็จูบลงมา

ปมในใจยังไม่ทันได้หายไปก็ปกคลุมลงมาอีกครั้ง ชางหลิงพยายามผลักตัวเขาออก อยากให้เขาออกจากบนตัวเธอไป

เขามีสิทธิ์อะไรมาทำกับเธอแบบนี้? ทีแรกเขาอยู่กับเธอก็ไม่ใช่เพราะรักอยู่แล้ว แต่กลับมาบังคับให้เธอรักเขา

“คุณปล่อยฉันนะ!” ชางหลิงโมโหและร้องออกมาด้วยเสียงต่ำ

ความรู้สึกของเธอถูกแล้ว ในสายตาของโหมวยู่ เธอจะมีความรู้สึกยังไงก็ไม่สำคัญเพราะประโยชน์ของเธอคือทำให้เขาพึงพอใจกับความต้องการของเขา

“ฉันจะไม่ปล่อยคุณ” โหมวยู่กัดหูเธอ “ไม่มีทางแน่นอน”

ชางหลิงกัดลงบนหัวไหล่ของเขา……

วันที่สอง ชางหลิงตื่นขึ้นมาจากเตียงห้องนอนใหญ่

ความปวดเมื่อยของร่างกายทำให้น้ำตาเธอซึมอย่างไม่รู้ตัว นึกถึงความรุนแรงของโหมวยู่เมื่อคืน เธอก็ซุกอยู่บนเตียงและรู้สึกน้อยใจมากๆ

ญาติของตัวเองนับเธอเป็นคนนอก ไม่เคยจริงใจต่อเธอ หยูเฉินที่ชอบมาห้าปีก็หักหลังเธอแถมเกือบฆ่าเธอไปด้วย แต่ปัจจุบันการกระทำที่โหมวยู่ทำกับเธอทุกอย่าง มันต่างอะไรกับหยูเฉิน?

ประตูเปิด โหมวยู่เดินเข้ามา กดไปที่สวิตช์บนฝาผนัง ผ้าม่านเปิดอัตโนมัติ ร่างกายของชางหลิงที่ไม่ได้ปกปิดทั้งหมดก็ถูกเผยออกภายใต้แสงที่ส่องเข้ามา

โหมวยู่เห็นบนตัวเปราะบางของเธอยังมีรอยช้ำที่เห็นได้ชัด นัยน์ตาก็ดูแย่ลง

“ลุกขึ้นมากินข้าว” เขาเอาโจ๊กจืดวางไว้บนหัวเตียง

ชางหลิงหันหลังใส่เขา เอาทั้งตัวซ่อนเข้าไปในใต้ผ้าห่ม

ตอนนี้เธอไม่อยากจะเจอเขาเลยแม้แต่น้อย!

โหมวยู่เดินไปและยื่นมือไปดึงผ้าห่มของเธอออกมา

ชางหลิงตกใจ สภาพเปลือยตัวเผยอยู่ตรงหน้าเขาเต็มๆ

“ถ้าคุณไม่กิน ฉันจะเอาอีกรอบนะ” โหมวยู่พูดอย่างเย็นชา

สายตาชางหลิงเผยความหวาดกลัว รีบคว้าผ้าห่มไว้และลุกขึ้นนั่งบนเตียง

เธอยกโจ๊กถ้วยนั้นมาและกินคำใหญ่ยัดเข้าไปในปาก แต่ว่ากลืนเข้าไปยังไม่เยอะเท่าที่ตกหล่นออกมา เธอกลั้นน้ำตาไว้และน้ำตาตกลงไปในถ้วยก็โดนเธอตัดใส่เข้าไปในปากต่อ

โหมวยู่ขมวดคิ้วเห็นสภาพเธอแบบนี้ก็รู้สึกเหมือนมีใครสักคนมาหยิกในใจจน ทำให้รู้สึกเจ็บขึ้นมาเบาๆ

ตอนนี้เธอคงเกลียดเขามากแน่ๆ

ชางหลิงไม่ส่งเสียง เธอเอาโจ๊กถ้วยนั้นกินเข้าไปคำใหญ่โต กินเสร็จก็เอาถ้วยวางบนหัวเตียงแล้วซุกนอนลงบนเตียงต่อ

ในห้องเงียบไปเนิ่นนาน

ชางหลิงรู้สึกได้ว่าโหมวยู่อยู่ข้างๆตลอด แต่เขาแค่เงียบและไม่พูดอะไร เธอกัดฟันและร้องไห้สะอึกสะอื้น

“ฉันจะหย่า” น้ำเสียงเธอต่ำ

สีหน้าของโหมวยู่ดูแย่ขึ้นมาทันที “เมื่อคืนฉันดื่มเยอะไปหน่อย ต่อไปนี้ฉันจะไม่บังคับคุณอีก”

“ฉันบอกแล้วไงว่าฉันจะหย่า” ชางหลิงโมโห เธอลุกขึ้นมานั่งและสบตากับโหมวยู่ “ถึงตอนนี้คุณบอกว่าจะไม่บังคับฉันอีก แต่ใครจะไปรู้ว่าคุณจะเป็นบ้าอีกตอนไหน?”

“ฉันไม่ตกลง” โหมวยู่เตรียมเดินออกไป

“คุณก็แค่อยากมัดฉันไว้เพื่อระบายความต้องการทางเพศของคุณ ถ้าคุณอยากได้ ฉันมีสิทธิ์ปฏิเสธหรือไง? ถึงแม้ไม่แต่งงานคุณก็ทำตามใจแบบเดิมอยู่ดี แล้วทำไมคุณถึงจำเป็นต้องเก็บทะเบียนสมรสไว้?”

ตอนนี้ชางหลิงแค่อยากหย่ากับโหมวยู่ ไม่ว่าจะเป็นเซิ่งซื่อหรือว่าตระกูลชาง เธอก็ไม่เอาอะไรทั้งนั้นขอแค่หย่าร้างกัน เธอก็จะรีบหนีออกจากเมืองหนานและหนีไปไกลๆ

ก่อนหน้านี้ความเกลียดชังของตระกูลชางทำให้เธอตาบอด เธอลืมไปเลยว่าผู้ชายที่อยู่ข้างเธอคนนี้ยั่วยุไม่ได้มากที่สุด

โหมวยู่หันมา ดวงตาคู่นั้นช่างเยือกเย็นเหลือเกิน “ในสายตาคุณ ฉันเป็นคนแบบนั้น?”

“ไม่งั้นล่ะ?” ชางหลิงถามกลับ “คุณก็แค่มีโรคแปลกอะไรของคุณสักอย่างเลยแตะต้องผู้หญิงคนอื่นไม่ได้เลยต้องมาหาฉันไม่ใช่เหรอ? เมื่อวานคุณยอมรับเอง วันนี้ไม่ยอมรับอีกแล้ว?”

โหมวยู่โดนชางหลิงยั่วจนโมโหมาก

เขาก้าวเดินเท้าใหญ่ เห็นชางหลิงจะเปิดปากพูดอะไรสักอย่างก็ขึ้นไปบนเตียงและจูบลงมาปิดปากเธออย่างตรงเป๊ะไม่มีผิด

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

Status: Ongoing

เธอสุขใจมากล้นเตรียมที่จะแต่งงานกับแฟนหนุ่มที่คบกันมาหลายปี แต่คืนก่อนวันแต่งงานกลับรู้ว่าแฟนหนุ่มนอนกับน้องสาวต่างสายเลือดด้วยความโกรธครอบงำชางหลิงใช้เงินซื้อผู้เชาย หลังเมาก็ร้องจะนอนกับเจ้าของคลับ ยังถูกคนหลอกแต่งงานเมื่อตื่นขึ้นมา ไม่คาดว่าถูกคนกลับเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ เฮียคือใครกันนะ“ยมบาลแสนเย็นชา”ซึ่งอยู่ทั้งสายขาวสายดำแห่งเมืองหนานที่ทุกคนต่างเกรงกลัว แถมยังเป็นผู้นำที่มีอำนาจทั้งตระกูลโหมวและในบริษัทเซิ่งซื่อกรุ๊ปแต่ข่าวลือว่ากันว่าเขาไม่เข้าใกล้ผู้หญิงไม่ใช่หรอ เขาชอบผู้ชายด้วยกันไม่ใช่หรอแต่ทำไมถึงเป็นเพราะผู้หญิงอ่อนแออย่างเธอถึงกับทุกวันไม่อยากลงจากเตียง จริงอย่างคาดคิด ข่าวลือล้วนแต่หลอกลวงโดยสิ้นเชิง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท