ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก – บทที่ 91 ชางหลิงเธอไปตายซะเถอะ

บทที่ 91 ชางหลิงเธอไปตายซะเถอะ

เดิมทีชางหวยซูก็ถูกชางหลิงยั่วให้โมโหจนหน้าเปลี่ยนสี แต่ว่าพอดูเอกสารแผนงานอย่างละเอียด ก็ไม่รู้ว่าจะเอาอะไรมาเถียง

“แผนก็ได้วางแล้ว สัญญาก็ได้เซ็นหมดแล้ว ต่อจากนี้ ก็คือให้บริษัทชางซื่อได้เปลี่ยนหน้าเปลี่ยนตาทั้งหมด” ชางหลิงพูดอย่างหนักแน่น “ตั้งแต่พรุ่งนี้ บริษัท เซิ่งซื่อ กรุ๊ปจะจัดเตรียมผู้จัดการที่เหมาะสมมาจัดการเกี่ยวกับการเตรียมงานแล้วก็การมอบหมายงานของที่นี่ เรื่องพวกนี้ ก็มอบอำนาจให้คุณจางเป็นคนรับผิดชอบ”

“ผม?” จางหวียังไม่กล้าที่จะเชื่อ เขามองไปที่ชางหวยซูสักพัก ยังไงซะชางหวยซูไม่เพียงแต่เป็นพ่อของชางหลิง แล้วยังเป็นผู้หุ้นใหญ่เป็นอันดับสองของบริษัท

เป็นไปอย่างที่คิด ใบหน้าของชางหวยซูก็ไม่อยากที่จะเชื่อเหมือนกัน ไม่เข้าใจว่าทำไมชางหลิงต้องเอางานที่สำคัญแบบนี้ยกให้จางหวี

“ใช่ค่ะ คุณเป็นคนที่คุณแม่ของฉันให้ความสำคัญ ปีที่ผ่านมานี้ ก็ได้ช่วยคุณแม่ของฉันปกป้องธุรกิจบริษัทชางซื่อเล็กๆ นี้ ส่งมอบให้คุณ ฉันวางใจ” ชางหลิงไม่เกรงใจชางหวยซูเลยสักนิด ก็ได้พูดออกไปแบบนี้ต่อหน้าทุกคน

ที่จริงกิจการของบริษัทชางซื่อเป็นยังไงในใจของทุกคนนั้นรู้ดี ปีที่ผ่านมานี้ จางหวีก็ได้ออกแบบแผนมามากมาย ทั้งหมดนั้นก็ได้เกี่ยวข้องกับอนาคตที่ยาวไกลของบริษัทชางซื่อ แต่ว่าชางหวยซูเป็นคนมองผลประโยชน์ระยะสั้น จ้าวหลันจือยิ่งเป็นคนที่มองเห็นแต่เงินตรงหน้า แผนงานของเขาไม่เคยได้รับการอนุมัติ

และวันนี้ ชางหลิงขึ้นตำแหน่ง แน่นอนว่าไม่มีทางให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกครั้ง

“ชางหลิง เธอคิดจะทำอะไร?” ชางหวยซูโมโหจนกัดฟัน แทบที่จะมองเธอจนทะลุไปเลย

ชางหลิงยิ้ม ก็ได้มองกลับอย่างไม่เกรงกลัว

“คุณพ่ออายุก็มากแล้ว สุขภาพของคุณปู่คุณย่าก็ไม่ค่อยดี เป็นช่วงที่ห่างจากคนไม่ได้ คุณเกษียณแล้วกลับบ้าน ดูแลพ่อแม่เถอะค่ะ ดูแลดอกไม้ ปลูกหญ้า ดูแลร่างกายเถอะนะคะ”

ชางหลิงพูดด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลาย พูดซะทุกคนก็ได้เม้มปากยิ้ม

ชางหวยซูก็ได้โมโหเอามากๆ แต่กลับทำอะไรเธอไม่ได้เลย

“ถ้าเป็นแบบนั้น ผมก็ทำได้แค่รับคำสั่งแล้วครับ” จางหวีลุกขึ้น แล้วก็ยื่นมือไปที่ชางหลิง “ท่านประธานเชื่อใจผมขนาดนี้ ผมต้องไม่ทำให้ผิดหวังแน่”

ชางหลิงก็ได้ยื่นมือไป แล้วก็จับกับเขาเบาๆ

ก้อนหินในใจก็ได้วางลงไปสักที

ธุรกิจที่คุณแม่เหลือไว้ ก็ถือว่าเอากลับมาได้แล้ว

แต่ให้พูดก็เสียดาย คุณแม่ของเธอนั้นสามารถที่จะสร้างบริษัทชางซื่อได้ แต่เธอ กลับต้องพึ่งโหมวยู่ถึงจะได้สิ่งที่เป็นของตัวเองกลับคืน เมื่อเทียบกันแล้ว เธอที่ทำหน้าที่ลูกสาวนั้น ไม่มีความสามารถไปหน่อย

ออกมาจากห้องประชุม ชางหลิงก็ไม่ได้พูดอะไรเลยตลอด ฉู่ฉือได้เข็นรถเข็นของเธอ เดินไปที่ลิฟต์

“คุณหนูชาง” ฉู่ฉือพูด “ผมรู้สึกว่า ท่าทางเมื่อกี้ของคุณ เหมือนกับคนคนหนึ่ง……”

“เหมือนใคร?” ชางหลิงสงสัย

“คุณหนูรองของตระกูลเซิ่ง คุณน้าของคุณชายรอง”

ชางหลิงก็ได้อึ้งไป เมื่อก่อนเธอนั้นได้ยินเกี่ยวกับคุณน้าคนนี้จากปากของโหมวยู่กับหลีซิน แต่ว่ากลับไม่ค่อยที่จะรู้จักเธอเลย

“ทำไมถึงพูดแบบนั้น?” ชางหลิงไม่เข้าใจ

“ตระกูลเซิ่งเป็นตระกูลธุรกิจที่มีชื่อเสียง ตั้งแต่บรรพบุรุษก็เป็นนักธุรกิจ บริษัท เซิ่งซื่อ กรุ๊ปเมื่อปีนั้น คุณตาคุณยายของคุณชายรองเป็นคนสร้าง จากนั้นก็ได้ส่งต่อให้คุณนายหรือก็คือคุณหนูใหญ่ของตระกูลเซิ่ง แต่ว่า พอคุณนายมีคุณชายรอง ก็อยากที่จะปรนนิบัติสามีและดูแลลูกอย่างเดียว ธุรกิจของตระกูลเซิ่ง ก็ได้ตกอยู่ในมือของคุณหนูรองของตระกูลเซิ่งเซิ่งเยียนหัวทั้งหมด หลังจากที่คุณนายจากไป คุณชายรองก็ได้อยู่ในความดูแลของคุณเยียนหัวจนโต ความรู้เกี่ยวกับธุรกิจของเขาทั้งหมด ก็เป็นคุณเยียนหัวที่เป็นคนปลูกฝั่ง”

ฉู่ฉือยิ้ม “ผมนั้นเติบโตในตระกูลเซิ่งตั้งแต่เล็ก ตั้งแต่เด็กก็ได้เห็นความสามารถของคุณเยียนหัว เมื่อกี้ตอนที่เห็นคุณหนูชางก็ได้พูดคุยอย่างไม่เกรงกลัวอะไรในห้องประชุมนั้น ก็อดนึกถึงเรื่องเมื่ออดีตขึ้นมาไม่ได้ รู้สึกว่าคุณกับคุณเยียนหัว คล้ายกัน……”

โดยเฉพาะตอนที่หน้าตาและสายตาที่ได้เต็มไปด้วยความมั่นใจนั้น เหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน

ชางหลิงเหมือนจะเข้าใจ เธอกับคุณน้าของโหมวยู่ คล้ายกัน?

“ก็ไม่รู้ว่าฉันไปเจอกับโชคอะไรมา ผู้ใหญ่ที่ฉันได้เคยเจอนั้น พากันเป็นผู้หญิงในตำนานทั้งหมด” ชางหลิงก็ได้พูดกับตัวเอง “แม่ของฉัน คุณแม่และคุณน้าของโหมวยู่ แต่ละคนก็เป็นนักธุรกิจที่เก่ง แต่ว่าน่าเสียดายน้า……”

ชางหลิงก็ได้ถอนหายใจ “ผู้หญิงคนหนึ่งพอได้เจอกับความรักก็โง่ไปเลย ถ้าเกิดพวกเธอนั้นใส่ใจแต่กับการงาน เมืองหนานก็ได้เป็นประเทศของผู้หญิงไปนานแล้ว กลับต้องมาตกม้าตายเพราะผู้ชายคนเดียว เห้อ”

ฉู่ฉือเก้อเล็กน้อย ถ้าเกิดพวกเธอไม่ตกม้าตายเพราะผู้ชาย เธอกับโหมวยู่ก็ไม่มีทางที่จะมาบนโลกนี้ได้ไม่ใช่เหรอ? แต่ว่าความจริง ผู้ชายที่ได้เจอแต่ละคนเชื่อถือไม่ได้เลยสักนิด ถึงได้แลกด้วยชีวิตไปในที่สุด

“คุณหนูชางก็อย่าดูถูกตัวเองไปเลยครับ คุณมีพรสวรรค์ในการออกแบบ ไม่นานสักวัน สามารถกลายเป็นตำนานอย่างพวกเธอได้อย่างแน่นอนครับ” ฉู่ฉือมองเห็นความเศร้าของชางหลิง ก็ได้ปลอบเธอ

“ฉันทำไมรู้สึกว่านายกำลังแช่งฉัน?” ชางหลิงขมวดคิ้ว

ฉู่ฉือหุบปาก ก็ได้เข็นรถเข็นของชางหลิงเข้าไปในลิฟต์

พื้นที่ที่แคบของลิฟต์นั้นทำให้เธอนั้นรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว โดยเฉพาะใจนั้นก็ได้ส่งความเจ็บมาให้ หนังตาของเธอก็ได้กระตุก แล้วก็จับไปที่หน้าอก หายใจอย่างหนักไปพัก

“คุณหนูชาง เป็นอะไรไปครับ?” ฉู่ฉือเห็นความผิดปกติของเธอ ก็ได้ถามด้วยความเป็นห่วง

“ไม่เป็นอะไร” ชางหลิงส่ายหน้า ความเจ็บนี้ก็ได้หายไปทันที เธอก็ได้สูดหายใจเข้า รู้สึกว่าเป็นเพราะผลกระทบของอุบัติเหตุคราวก่อน

เสียงติ้งของลิฟต์ได้ดังขึ้น ก็ได้มาถึงชั้นหนึ่ง ประตูก็ได้ค่อยๆ เปิดออก รถเข็นของชางหลิงก็ได้ถูกเข็นออกก่อน และแล้ว ในเวลานี้ก็ได้มีคนที่สวมถุงมือแล้วก็หมวกยืนอยู่ที่นอกประตูลิฟต์ แล้วก็ได้เอาของเหลวสีเหลืองในขวดสาดมาทางเธออย่างแรง

“ชางหลิง เธอไปตายซะเถอะ!”

“หลิงหลิง! ระวัง!”

ชางหลิงยังไม่ทันได้ตั้งตัว ก็ได้มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น ชั่วพริบตา ร่างกายของตัวเองนั้นก็ได้ถูกคนมาขวางไว้อย่างดี

“โอ๊ย!” เสียงที่ร้องอย่างเจ็บปวดก็ได้ดังไปทั่วทั้งโถง

โลกก็ได้เงียบไปเลยทันที ชางหลิงก็ได้มองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นข้างหน้าอย่างอึ้งๆ หยูเฉินได้อยู่ตรงหน้าเธอ ใบหน้าก็ได้แสดงความเจ็บปวดมากๆ ออกมา พอร้องออกมาเสร็จ ก็ได้ล้มลงไปกับพื้น

“คุณหนูชาง!” ฉู่ฉือก็ได้ถูกเหตุการณ์ตรงหน้าทำเอาตกใจ

คนที่ได้ถือของเหลวคนนั้นก็คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ หยูเฉินจะโผล่ออกมา เธอก็ได้ยืนอึ้งอยู่กับที่ ไม่รู้จะทำยังไง

“รีบมา! รีบมากันเร็ว!” ฉู่ฉือไม่เข้าใจว่าเดิมคนชุดดำที่ได้เฝ้าอยู่ที่ชั้นหนึ่งทำไมถึงไม่ได้เฝ้าที่ประตู ได้ยินที่เขาเรียก พวกเขาก็ได้วิ่งจากนอกประตูเข้ามา

“หยูเฉิน……” ชางหลิงมองหยูเฉินที่ได้ล้มอยู่ตรงหน้าเธอ หลังหัวของเขากับคอก็ได้มีควันสีเหลืองลอยอยู่ เนื้อหนังทั้งหมดก็ได้โดนกัด ขนาดกะโหลกก็ได้เปลี่ยนรูปไป

ฉู่ฉือก็ได้เข็นชางหลิงออกอย่างเร็ว ยื่นมือไปปิดจมูกของเธอ ไม่ให้เธอสูดดมสารพิษพวกนั้นเข้าไป

น้ำตาของชางหลิงก็ได้ไหลลงมา ไหลไปที่นิ้วของฉู่ฉือ สองมือของเธอก็ได้จับฉู่ฉือแน่น มองตัวเองที่ได้ค่อยๆ ออกห่างจากเขาไป

“หยูเฉิน!” ชางหลิงก็ได้ปล่อยมือของฉู่ฉือ แล้วก็ไม่สนใจแผลที่ขาของตัวเอง วิ่งไปที่หยูเฉินอย่างโซเซ

หยูเฉินก็ได้ขยับร่างกายของตัวเองอย่างยากลำบาก เขานอนกับพื้น มองชางหลิงที่กำลังมาใกล้เขา ก็ได้พยายามโบกมือ ไม่ให้เธอเข้าใกล้

“หลิงหลิง……ออกไป……” เสียงของเขาก็ได้แหบไปเลย

ชางหลิงยังจะไปฟังที่เขาพูดที่ไหน เธอก็แค่อยากจะดูอาการของเขา แต่แล้ว ตอนที่กำลังจะเข้าใกล้เขา ฉู่ฉือก็ได้จับตัวของเธออย่างรวดเร็ว

“คุณหนูชาง! นั่นเป็นอควารีเจีย! มีพิษนะครับ!”

อควารีเจีย!

ชางหลิงก็ได้คุกเข่าลงกับพื้น

ของเหลวที่ได้แรงกว่าน้ำกรด ไม่เพียงแค่กัดกร่อนสิ่งของทั้งหมด ยังมีพิษร้ายแรง

ชางหลิงหันไป คนที่ได้สาดอควารีเจียก็ได้ถูกคนควบคุมไว้ได้ เธอก็ได้จ้องไปที่ตา เห็นสีหน้าที่ยังอยู่ในความตกใจจนหน้าซีดใบนั้นของชางฉิง

“รถพยาบาล……เรียกรถพยาบาล!” ชางหลิงก็ได้ตะโกน เธอได้คุกเข่าตรงหน้าหยูเฉิน ได้ศูนย์เสียเหตุผลไปแล้ว

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

Status: Ongoing

เธอสุขใจมากล้นเตรียมที่จะแต่งงานกับแฟนหนุ่มที่คบกันมาหลายปี แต่คืนก่อนวันแต่งงานกลับรู้ว่าแฟนหนุ่มนอนกับน้องสาวต่างสายเลือดด้วยความโกรธครอบงำชางหลิงใช้เงินซื้อผู้เชาย หลังเมาก็ร้องจะนอนกับเจ้าของคลับ ยังถูกคนหลอกแต่งงานเมื่อตื่นขึ้นมา ไม่คาดว่าถูกคนกลับเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ เฮียคือใครกันนะ“ยมบาลแสนเย็นชา”ซึ่งอยู่ทั้งสายขาวสายดำแห่งเมืองหนานที่ทุกคนต่างเกรงกลัว แถมยังเป็นผู้นำที่มีอำนาจทั้งตระกูลโหมวและในบริษัทเซิ่งซื่อกรุ๊ปแต่ข่าวลือว่ากันว่าเขาไม่เข้าใกล้ผู้หญิงไม่ใช่หรอ เขาชอบผู้ชายด้วยกันไม่ใช่หรอแต่ทำไมถึงเป็นเพราะผู้หญิงอ่อนแออย่างเธอถึงกับทุกวันไม่อยากลงจากเตียง จริงอย่างคาดคิด ข่าวลือล้วนแต่หลอกลวงโดยสิ้นเชิง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท