บทที่ 89 อยู่ที่บ้านรอฉันกลับมา
“แต่…” ชางหลิงยังคงรู้สึกไม่สบายใจ
“แม้ว่าไม่มีคุณ ผมก็จะไม่ตบแต่งกับหล่อนหรอก” ท่าทางของโหมวยู่จริงจังขึ้น “ในฐานะนักธุรกิจ เมื่อจำเป็นคุณสามารถใช้กลอุบายพิเศษได้ แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่สามารถทำร้ายชีวิตของคนได้
“ในช่วงเวลานี้หลีซินก็บอกบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องก่อนหน้านี้ของโม่โม่กับผม” ชางหลิงขมวดคิ้ว “ถ้าทั้งหมดนี้เป็นความจริง หล่อนก็ไม่ควรได้รับการให้อภัยจริงๆ ”
“ให้อภัยเหรอ?” โหมวยู่หัวเราะเยาะ “การให้อภัยหล่อน มันเป็นเรื่องของผู้ถูกกระทำ”
และสิ่งที่เขาต้องทำคือการทำลายล้างตระกูลโม่ให้สิ้นซาก เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่มีโอกาสได้รับโทษฐานที่ทางกฎหมายได้กำหนดไว้
“โหมวยู่” ชางหลิงยื่นมือออกไปลูบหัวของเขา ผมสั้นๆ ของเขาตั้งจนฝ่ามือของหล่อนจั๊กจี้เล็กน้อย “ถ้าไม่มีฉัน บางทีตอนนี้ คุณคงบรรลุเป้าหมายของคุณแล้ว”
“ดังนั้น?” โหมวยู่จับมือหล่อนไว้ “คุณต้องเชื่อฟังหน่อยนะ แบบนี้ ถึงจะทำให้สามีของคุณวางใจและทำภารกิจใหญ่ได้”
“วันนี้ผมได้ยอมรับคุณต่อหน้าหล่อนแล้ว เพียงเพื่อจะบอกกับคุณว่า ในใจของผม คุณสำคัญมากกว่าหล่อน”
ชางหลิงยิ้ม ดวงตาหล่อนส่องประกายสว่างไสว
หล่อนรู้สึกเสมอมาว่าไม่มีใครที่จะเก่งกาจไปกว่าโหมวยู่อีกแล้ว หล่อนยืนอยู่ในตำแหน่งของหล่อน ทำได้เพียงเงยหน้ามองไปที่เขา ซึ่งในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ หล่อนก็ได้เรียนรู้ความไม่มีทางเลือกของเขา
แม้จะอยู่ในตำแหน่งสูงก็ไม่มีทางทำทุกอย่างตามอำเภอใจได้
“คุณเพิ่งบอกว่าจะให้ผมชดเชยให้คุณ” โหมวยู่ลุกขึ้นและยืนต่อหน้าหล่อนด้วยการแบมือของตัวเองขึ้นมา “พูดมาสิว่า คุณต้องการจะทำอะไร?”
“แหะๆ” ชางหลิงยิ้มกว้าง
“เช้านี้ พ่อของฉัน……” ชางหลิงโพล่งคำว่าพ่อออกมา แต่หล่อนก็ยังกล้ำกลืนคำพูดตัวเอง “ชางหวยซูโทรมาบอกกับฉันว่าตอนบ่ายนี้ฉันต้องไปที่บริษัทตระกูลชาง”
ด้วยความช่วยเหลือของโหมวยู่ เป็นเช่นนั้นจริงๆ ไม่มีใครกล้าให้ความช่วยเหลือตระกูลชางเลย ชางหวยซูไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจึงทำได้แค่ต้องไปหาชางหลิงอีกครั้ง และชางหลิงก็พูดแล้วว่า บ่ายวันนี้ให้ไปที่บริษัทพร้อมกับส่งมอบหุ้นทั้งหมดให้หล่อนต่อหน้าฝ่ายกฎหมาย
“อาการบาดเจ็บของคุณยังไม่หายดี” โหมวยู่ขมวดคิ้ว
“ฉันรู้” ชางหลิงขยับแขนของเขา “แต่ว่า มันเป็นแค่การไปที่บริษัทเอง คุณให้ฉู่ฉือไปกับฉันก็ได้ คุณก็ถือโอกาสช่วยทำเรื่องการรับซื้อทำให้เป็นรูปธรรมหน่อยนะ คุณวางใจเถอะ ฉันจะไม่มีเรื่องอะไรหรอก”
“ผมไปเป็นเพื่อนคุณดีกว่า” โหมวยู่ไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น
“ไม่ได้” ชางหลิงปฏิเสธ “หน้าตาคุณสูงส่งเกินไปถ้าคุณไปกับฉัน ยังไม่ถึงแค่นาที พวกเราทั้งสองก็คงจะโดนพาดหัวข่าวไปด้วย แม้ว่าตอนนี้ทั้งพ่อของคุณและโม่โม่จะรู้เรื่องนี้แล้ว แต่มันก็จะกลายเป็นที่น่าสนใจเกินไป เมื่อถึงตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าพวกสื่อนั้นจะเขียนข่าวยังไง”
โหมวยู่ไม่ได้พูดอะไร
แม้ว่าเขาจะไม่สบายใจอย่างมาก แต่คำพูดของชางหลิงก็สมเหตุสมผลจริงๆวันนี้ที่เขาสามารถเปิดเผยความสัมพันธ์ของเขากับชางหลิงต่อหน้าโม่โม่อย่างไม่หลีกเลี่ยงนั้น เพราะเขารู้ว่าโหมวเจิ้งถิงได้ให้คำเตือนกับโม่โม่แล้ว
แม้ว่าคนในตระกูลโม่จะกำเริบเสิบสาน แต่พวกเขาก็ยังไม่กล้าฝ่าฝืนคำสั่งของโหมวเจิ้งถิง ดังนั้น แม้ว่าโม่โม่จะกลัดกลุ้มใจ เขาก็จะไม่ทำอะไรกับชางหลิงในขณะนี้
ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็ยังมีหลักฐานและเอกสารฉบับสำเนาพร้อมด้วยกับบันทึกเสียงอยู่ในมือ และทางต้วนเหิง แม้ว่าจะระงับการออกมือของตระกูลโม่ไปชั่วคราวแล้ว แต่ก็ผ่อนการเฝ้าระวังไม่ได้ เพราะตราบใดที่หล่อนมีเค้าที่คิดจะทำร้าย ชางหลิงล่ะก็ เขาก็จะไม่ยอมออมมือ
โม่โม่เป็นคนฉลาดแต่ความอิสรภาพของหล่อนและอนาคตของตระกูลโม่ต่างก็อยู่ในมือของโหมวยู่และในช่วงเวลานี้ มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมีการเคลื่อนไหว
อย่างไรก็ตาม ถ้าหล่อนไม่ลงมือ ก็ไม่ได้แสดงว่าจะไม่มีคนอื่น ชางหลิงในตอนนี้ ยังไม่สามารถเปิดโปงต่อสายตาของสาธารณชนได้ก่อนเวลาที่เหมาะสม เพื่อที่จะไม่กลายเป็นศัตรูของสาธารณชน
“คุณก็อยู่ที่บ้านรอฉันกลับมาอย่างเชื่อฟังแล้วกันนะ” ชางหลิงยิ้มจน คิ้วโค้ง
——
โม่โม่อยู่นอกวิลล่าอยู่นานหล่อนนั่งอยู่ในรถตัวเองซึ่งยังไม่ได้ออกจากเรื่องที่โหมวยู่กับชางหลิงอยู่ด้วยกันเลย
เมื่อหล่อนรู้ว่าคนที่โหมวยู่ชอบจริงๆ คือชางหลิง หล่อนก็ไม่อยากจะเชื่อเลย ถ้าบอกว่าเป็นชางฉิง หล่อนอาจยังเชื่ออยู่บ้าง อย่างไรเสียรูปร่างและหน้าตาหล่อนก็ยังอยู่ที่นั่น แต่ชางหลิงคนนี้ ที่ท่าทางเหมือนขาดสารอาหารนั้น ตรงไหนที่มันไปเข้าตาโหมวยู่กันเหรอ?
อย่างไรก็ตาม แค่ผู้หญิงที่หน้าตาอัปลักษณ์คนหนึ่ง ที่ไม่เพียงแต่ทำให้โหมวยู่ตั้งแผนเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของหล่อนแล้ว ยังทำให้หล่อนเป็นศัตรูของตระกูลโม่อีก
สิ่งที่สำคัญที่สุด…คือโหมวยู่ไม่ได้ปฏิเสธการสัมผัสทางกายกับหล่อนเลย เขายังปอกแอปเปิลแล้วเช็ดปากให้หล่อนอย่างใกล้ชิดสนิทสนมอีก แล้วมันมีเงาของโรคกลัวผู้หญิงตรงไหนกัน?
โม่โม่นึกถึงยาที่พ่อของหล่อนให้ครั้งที่แล้วนั้นได้ หล่อนต้องให้โหมวยู่ดื่มชาชามนั้น และสร้างโอกาสที่จะได้ใกล้ชิดกับเขา แต่ก็ดูเหมือนว่าโหมวยู่จะมองออกความคิดของหล่อน และไม่ได้สัมผัสมันเลย
แต่ตอนนี้ถ้าพูดโหมวยู่ไม่ได้ไล่ผู้หญิงแล้ว หรือว่า… หล่อนจะทำสำเร็จแล้ว?
โม่โม่กำลังคิดอยู่อย่างนั้น ก็กลับเห็นการเคลื่อนไหวที่ประตูวิลล่าทางนั้น
ฉู่ฉือขับรถไปที่ประตูและด้านหลังก็ตามด้วยรถยนต์เชิงพาณิชย์สองคัน ข้างในยังมีกลุ่มคนชุดดำนั่งอยู่ด้วย
โหมวยู่เข็นรถเข็นของชางหลิงออกมา พร้อมกับอุ้มหล่อนขึ้นรถ
ชางหลิงยื่นมือออกจากหน้าต่างรถและโบกมือให้โหมวยู่ เพื่อบอกลากับเขา ไม่นานรถก็สตาร์ทอย่างรวดเร็ว และโหมวยู่ก็ใช้สายตาส่งหล่อนออกไปจนละสายตา จากนั้นก็หันหลังกลับไป
รถของโม่โม่ก็ขับตามรถของพวกเขาไป และพวกเขาก็มาถึงที่หน้าประตูบริษัท ชางซื่อจื้อเย่ จำกัด
เมื่อเห็นว่าฉู่ฉือเข็น ชางหลิงเข้าประตูไปแล้ว โม่โม่ก็ค่อยๆ ยกมุมปากขึ้น
โหมวยู่ปกป้องชางหลิงเป็นอย่างดี แม้แต่ตอนออกไปก็ยังถูกติดตามไปด้วยกลุ่มคน การที่จะเข้าใกล้หล่อนมันจึงค่อนข้างยาก แต่…
ที่นี่มันบริษัท ชางซื่อจื้อเย่ จำกัดเลยนะ คนนอกเข้าไปไม่ได้หรือว่าคนในครอบครัวยังหาวิธีไม่ได้?
โม่โม่หัวเราะเบาๆ และมีแผน
……
ชางหลิงไม่ค่อยได้มาที่บริษัทตระกูลชาง เพราะตอนที่ยังเด็กที่นี่เป็นทรัพย์สินที่แม่ได้ทิ้งไว้ และคนที่ทิ้งไว้ข้างหลังก็เป็นคนรู้จักเก่าของแม่ของหล่อนด้วย เมื่อเห็นพวกเขาหล่อนก็จะคิดถึงแม่ตัวเอง มันคงจะเศร้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย แต่ที่ใหญ่กว่านั้นคือ จ้าวหลันจือแม่ลูกคู่นั้นป้องกันหล่อน และชางหวยซูเองก็หูทวนลม จึงไม่ให้หล่อนมาที่บริษัท
ฉู่ฉือเข็นรถเข็นของชางหลิงและชางหลิงก็กลัวว่าคนชุดดำกลุ่มนี้จะก่อให้เกิดความสนใจของผู้คน จึงให้พวกเขารอที่ชั้นหนึ่งเท่านั้น จากนั้นตัวหล่อนพร้อมกับฉู่ฉือค่อยขึ้นไปที่ห้องประชุมชั้นบน
ชางหวยซูรออยู่ที่ประตูห้องทำงานของประธานกรรมการแล้ว เมื่อเห็นฉู่ฉือ เขาก็ตกตะลึง และไม่รู้ว่าทำไมผู้ช่วยของโหมวยู่ถึงปรากฏตัวที่นี่ด้วย แต่เมื่อเห็นชางหลิงก็ไม่ได้อธิบายในสิ่งที่เขาคิดไว้ และไม่ได้ถามอะไรมาก
“หลิงหลิง” ชางหวยซูยืนต่อหน้าหล่อน ด้วยรอยยิ้มที่ประจบสอพลอ “ลูกดูสิกว่าที่ลูกจะมาได้ในแต่ละครั้งนี่มันไม่ง่ายเลย ไปนั่งที่ห้องทำงานของพ่อสิ”
“ไม่จำเป็นค่ะ” ชางหลิงปฏิเสธอย่างชัดเจน ชางหวยซูบอกให้หล่อนนั่งลง แต่เขาคิดว่าการโอนหุ้นยังสามารถปรึกษาหารือกันได้ และต้องการใช้เหตุผลที่เคยพูดไปแล้วนั้นทำให้หล่อนรู้สึกดีมากขึ้น แต่ตอนนี้ หล่อนไม่ต้องการคุยเรื่องความรู้สึกกับเขาอีกต่อไป
“คุณลุงคุณอาทั้งหลายรอมานานแล้ว งั้นเรามาเขาเข้าประเด็นกันเลย” เขาพูดอย่างนั้น ฉู่ฉือก็เข็นหล่อนไปที่ห้องประชุม
ผู้ถือหุ้นท่านอื่นและผู้นำระดับสูงทุกท่านต่างก็เป็นผู้อาวุโสที่ได้ต่อสู้เคียงข้างกันและร่วมก่อตั้งบริษัท ชางซื่อจื้อเย่ จำกัดกับคุณแม่ของหล่อน แม้ว่าชางหลิงจะไม่ได้สนใจกิจการของบริษัทในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ แต่จุดยืนของพวกเขาหล่อนก็รู้ดี
ตระกูลชางอยู่ในตำแหน่งผูกขาดของบริษัท บวกกับการที่มีส่วนร่วมของจ้าวหลันจือ ซึ่งในการกำหนดแผนหลายครั้งในที่ประชุมผู้ถือหุ้นพวกเขามักจะไม่มีสิทธิ์ในการพูด ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า ทุกคนก็รู้สึกผิดหวังมากขึ้น พวกเขาเพิกเฉย และหยิบสิ่งที่พวกเขาควรจะมี แต่ทุกคนก็พยายามหาทางออกอื่นด้วยเช่นกัน
แต่ตอนนี้ สิทธิของผู้ถือหุ้นตระกูลชางได้มีการเปลี่ยนแปลง แม้จะเป็นการส่งมอบหุ้นให้กับลูกสาวของเสิ่นวั่นชิง แต่หลายปีมานี้ชางหลิงก็ไม่ได้ออกมาแสดงความสามารถใดๆ เลย ดังนั้นทุกคนจึงไม่มีความหวังอะไร และทำได้แค่นั่งดูสภาพการณ์เล่นละคร
ชางหลิงเหลือบมองที่กลุ่มคนในห้องประชุม ไม่มีใครจากตระกูลชางเลย นอกจากชางหวยซู คงจะไม่มีหน้ามาปรากฏตัวในวงสังคมแล้วล่ะสิ ชางหลิงยิ้ม พร้อมกับกอดอกตัวเองไว้
“ในเมื่อทุกคนมาถึงกันแล้วคงไม่เสียเวลาแล้วนะครับ มาเริ่มกันเลยครับ”