“ฉันไม่คิดว่ามันจะกลายเป็นแบบนี้” โหมวยู่ลดเสียงลง
ชางหลิงหัวเราะ เธอมองชายหนุ่มตรงหน้า ทั้งทั้งที่เป็นคนที่เคยนอนด้วยกัน แต่จู่ๆ เธอก็กลับรู้สึกราวกับว่าไม่เคยรู้จักเขามาก่อน
“โหมวยู่ คุณเกลียดพ่อของคุณมากเลยเหรอ” ชางหลิงถาม
โหมวยู่ไม่ได้ตอบคำถาม
“เพราะเขาเผด็จการ ควบคุมเข้มงวดเกินไป ทำทุกอย่างเพื่อวัตถุประสงค์โดยไม่คำนึงถึงอะไร” ชางหลิงเน้นทุกคำทุกประโยค พูดอย่างชัดเจน “แต่สุดท้ายแล้วพวกคุณก็เป็นพ่อลูกกัน ในกระดูกของพวกคุณ สิ่งที่ไหลเวียนอยู่ มันเป็นสายเลือดเดียวกัน คุณกับพ่อของคุณไม่ต่างกันเลย”
“เธอพูดอะไร…” โหมวยู่ขมวดคิ้ว
“เขาควบคุมชีวิตของคุณ ไม่สนใจว่าใครจะเป็นจะตาย ส่วนคุณ ไม่ใช่ว่าเดินตามเส้นทางของเขาหรอกเหรอ” ชางหลิงเต็มไปด้วยน้ำตา “คุณก็ควบคุมชีวิตของฉัน ตั้งแต่วันที่เราเจอกันที่บาร์ คุณก็วางแผนชีวิตของฉันไว้แล้ว และฉันก็เหมือนคนโง่ ค่อยๆ เดินเข้าใกล้กับดักของคุณ”
“ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น…” เขาแก้ตัวอย่างอ่อนแรง
“คุณไม่ต้องอธิบาย” ชางหลิงส่ายหน้า “ช่วงเวลาที่ฉันอยากให้คุณอธิบายมันผ่านไปแล้ว”
เธอเผชิญหน้ากับเขา “ฉันบอกคุณหลายครั้งแล้วว่ามีเรื่องอะไรอย่าปิดบังฉัน เราต้องหันหน้าเข้าหากัน แล้วคุณล่ะ เคยมีสักครั้งไหมที่คุณใส่ใจคำพูดของฉัน ในสายตาของคุณ ฉันแค่เป็นตัวทำให้คุณวุ่นวาย ดังนั้นจึงกลัวว่าฉันจะทำแผนการของคุณพัง”
“ทุกครั้งที่เราไม่ลงรอยกัน ล้วนเป็นฉันที่ขอโทษ ต่อให้ฉันไม่ได้รู้สึกว่าตัวฉันเองทำผิด แต่ถ้าคุณโกรธ ฉันจะยอมลงให้ แต่ตอนนี้มาคิดดูแล้ว จากมุมมองของฉัน ที่จริงแล้วฉันไม่ได้ทำอะไรผิดเลย”
“คุณคิดว่าฉันไม่ควรเผชิญหน้ากับชางฉิงในเกมแข่งขัน แต่คุณไม่ได้บอกฉันว่าคุณจัดการกับเธอแล้ว คุณคิดว่าฉันไม่ควรไปข้องเกี่ยวกับโม่โม่ แต่คุณไม่ได้บอกฉันว่าโม่โม่อยู่ในแผนการของคุณ ถึงขั้นไม่บอกฉันว่าพ่อของคุณอาจจะฆ่าฉันตาย และก็ไม่เคยบอกฉันว่าถ้าอยู่กับคุณ ฉันจะต้องสู้จนตายกันไปข้างกับโม่โม่ คุณบุกรุกเข้ามาในชีวิตของฉัน ฉันถูกบังคับให้ปกป้องตัวเอง แต่การแลกมานี้ คุณไม่เข้าใจอะไรเลยด้วยซ้ำ แถมคุณยังคิดว่าฉันหุนหันพลันแล่น คิดว่าฉันหัวรุนแรงเกินไปงั้นเหรอ”
โหมวยู่เงียบ
“ฉันไม่สามารถปล่อยการตายของหยูเฉินไปได้ คนที่ฉันรักมาห้าปี คุณต้องการให้ฉันทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นภายในไม่กี่เดือน ฉันทำไม่ได้จริงๆ” ชางหลิงยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาจากหางตา “แต่ฉันอยากแข็งแกร่งขึ้น ไม่เพียงแค่อยากแก้แค้น ไม่ใช่เพียงแค่อยากปกป้องตัวเองเท่านั้น”
ชางหลิงสะอึกสะอื้น เหลือบมองเขา และถอนหายใจอย่างหมดหนทาง
“ทุกคนคิดว่าฉันไม่เป็นผู้ใหญ่ ทุกคนคิดว่าฉันไม่คู่ควรกับคุณ ฉันรู้ว่าทำคุณลำบาก ฉันรู้ว่าคุณมองว่าฉันไร้ประโยชน์ และรู้สึกว่าไม่สามารถตีเหล็กให้กลายเป็นเหล็กกล้าได้ ดังนั้นฉันจึงพยายามอย่างหนัก ถึงแม้ว่าจะต้องหัวแตกเลือดออก ก็จะสู้ให้ออกจากวงล้อมให้ได้ เพราะฉันไม่อยากเป็นแค่ผู้หญิงที่อับแสงอยู่ข้างคนอย่างโหมวยู่ ฉันอยากยืนเคียงข้างคุณ ให้คนชื่นชมเหมือนคุณกับโม่โม่ ให้คนใช้คำว่ากิ่งทองใบหยกในการอธิบายพวกเรา”
“หลิงเอ๋อ…” โหมวยู่ขยับ เขายื่นมือออกไปคิดจะดึงเธอเข้ามา แต่กลับถูกชางหลิงหลบเลี่ยง
“แต่ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว” ชางหลิงยิ้ม “บนพื้นฐานชีวิต ฉันไม่คู่ควรกับคุณ แต่บนพื้นฐานจิตใจ…”
เธอกวาดสายตาบางเบา ก่อนจะเดินผ่านตัวเขาไปที่ประตู
“คุณไม่คู่ควรกับฉัน”
เขาไม่คู่ควรกับความพยายามของเธอ และไม่คู่ควรกับความไว้วางใจโดยไม่มีเงื่อนไขของเธอ
ชางหลิงเปิดประตูห้อง ตั้งแต่ต้นจนจบ โหมวยู่ไม่ได้พูดรั้งออกมาสักคำ
แม้เธอปลดปล่อยคำพูดเหล่านั้นออกมาเหมือนระบาย แต่เขาก็ยังคงตอบเธอเพียงแค่ความเงียบ เหมือนหยาดฝนนับพันที่ตกลงสู่ท้องทะเลอันเงียบสงบ ถึงมันจะทำให้เกิดระลอกคลื่นหลายชั้น แต่สุดท้ายแล้ว มันก็ยังถูกเขาดูดซึมหลอมละลายไปจนหมดสิ้น ไร้ซึ่งการตอบสนอง
โหมวยู่ยืนอยู่ในห้องนอน ข้างนอกหิมะกำลังตก ปกคลุมทั่วทั้งเมืองจนหนาทึบ เหมือนหัวใจของเขาที่ปกคลุมไปด้วยสีเทาและหนักอึ้งเหลือคณา
“คุณชายรอง” ฉู่ฉือเดินเข้ามาด้วยสีหน้าหนัก “ขอโทษด้วยครับ เป็นผมที่ปากสว่างเอง”
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาย” โหมวยู่นั่งลงบนขอบเตียง สองมือเขากุมศีรษะตนเองอย่างซึมเศร้า “ไม่ช้าก็เร็วเธอต้องรู้อยู่ดี”
เพียงแต่เขาคิดว่าเรื่องพวกนี้ ควรจะเป็นการบอกเธอด้วยตัวเองหลังจากจบเรื่องวุ่นวายแล้ว แต่กลับคิดไม่ถึงว่ามันจะมากะทันหันแบบนี้
เขาถึงขนาดว่าไม่ได้เตรียมใจไว้เลย เมื่อต้องเผชิญกับคำถามของเธอ เขาก็ตื่นตระหนกราวกับเด็กที่ทำผิด
“ต้องการให้ผมไปอธิบายกับคุณชางไหมครับ” ฉู่ฉือยังไม่วางใจ
แม้แต่คุณชายรองยังตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวังอับจนหนทาง เขาเองก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรถึงจะสามารถไถ่ถอนได้
“ไม่ต้อง” โหมวยู่ปฏิเสธ “ปล่อยให้เธอเย็นลงเอง”
เขาเองก็ต้องการเวลาทบทวนตัวเองด้วยเช่นกัน
สิ่งที่ชางหลิงเพิ่งพูดเมื่อครู่ แต่ละประโยคกระทบหัวใจ แต่ทุกประโยคล้วนเป็นความจริง
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาปฏิบัติกับเธอเหมือนเด็ก คิดเสมอว่าต้องปกป้องเธอ แต่ทุกครั้งพฤติกรรมของเธอจะอยู่เหนือการควบคุมเสมอ ทำให้เรื่องราวมันยุ่งเหยิงไปหมด
แต่ผู้หญิงของเขา เห็นได้ชัดว่าเป็นคนที่แสบมาก ต่อให้ไม่มีเขา ก็สามารถมีชีวิตอยู่ท่ามกลางคลื่นลมฝนได้ และในทางกลับกัน เป็นเขาเองที่ดูแลมากเกินไป ดูแลโดยไม่ปล่อยให้เงาใดๆ มาปนเปื้อนเธอ เลือกที่จะปกปิดมันไว้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดังนั้นจึงทำให้รอยร้าวระหว่างพวกเขาใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
คืนที่มืดมิด
เมื่อชางหลิงกลับไปที่ห้องของเธอ ซูเสี่ยวเฉิงหลับไปแล้ว
เธอไม่ได้เปิดไฟ นอนลงบนเตียงทั้งชุดเดิม ม่านไม่ได้ปิด ผ่านกระจกออกไป เธอสามารถมองเห็นเกล็ดหิมะล่องลอยอยู่ท่ามกลางแสงไฟภายนอก
หิมะตกไร้เสียง น้ำตาไหลรินตกจากหางตาลงบนหมอน ชางหลิงพลิกกายไปอีกทาง เพราะกลัวจะรบกวนซูเสี่ยวเฉิง แม้แต่เสียงลมหายใจยังกดระงับไว้
เธอไม่กล้าหลับ เพราะกลัวว่าเมื่อหลับตาลงหยูเฉินจะเข้ามาในความฝันของเธอ ทำให้เธอคิดถึงการตายของเขาต่อหน้าเธอครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ต่อให้ลืมตา อดีตพวกนั้น ไม่ว่าจะหอมหวานหรือเจ็บปวด ก็ปรากฏตรงหน้าเธอเหมือนฉายภาพยนตร์ เธอไม่สามารถวิ่งหนีหรือหลบซ่อนได้เลย
ชางหลิงพ่นลมหายใจยาวเบาๆ บังคับตัวเองให้กลับมาสู่ความเป็นจริง หยูเฉินตายไปแล้ว เธอไม่สามารถเปลี่ยนตอนจบได้ แต่ตอนนี้ ที่อยู่ตรงหน้าเธอ เป็นโม่โม่ที่กดดันทุกอย่างก้าว
เดิมทีเธอยังคาดหวังกับตัวโหมวยู่ แต่ตอนนี้…..
เขามีงานยิ่งใหญ่ที่ต้องทำให้สำเร็จ ดังนั้นความแค้นของเธอ เธอต้องจัดการด้วยตัวเอง