อุบัติเหตุของเมิ่งเคอทำให้หลังเวทีโกลาหล เจ้าหน้าที่เรียกหมอมาทำการพันแผลง่ายๆ ให้เมิ่งเคอ
ชางหลิงมองรองเท้าเปื้อนเลือด แล้วรู้สึกเย็นสันหลังวาบ
พื้นรองเท้าหนาปานกลาง จึงซ่อนใบมีดไว้ภายในได้ ตอนเพิ่งเริ่มใส่รองเท้าจะไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ทันทีที่ขยับก้าวเดิน น้ำหนักตัวทั้งหมดจะตกลงบนเท้า ใบมีดจะเฉือนเข้าเนื้อ ทุกย่างก้าวเจ็บปวดหาใดเปรียบ
ชางหลิงคิดว่าคราวนี้จะไม่มีอันตรายอะไรเกิดขึ้น แต่ไม่คิดว่ามันจะเป็นเหมือนเดิม
เธอมองเมิ่งเคอที่นั่งหน้าซีดอยู่บนเก้าอี้ แล้วไม่สามารถอดกลั้นความเจ็บปวดได้
“ในรองเท้ามีใบมีด ทำไมคุณไม่หยุด” ชางหลิงถามเธอ
“ขึ้นเวทีแล้ว ต้องเดินต่อไป เดี๋ยวจะถูกตัดสิทธิ์การแข่งขัน” เมิ่งเคอยิ้มอย่างอ่อนแรง
“แต่ตอนนี้เท้าคุณบาดเจ็บแล้ว ไม่สามารถแข่งขันรอบต่อไปได้อีก แล้วคุณจะไปถึงรอบสุดท้ายได้ยังไง” ชางหลิงตาแดง
เทศกาลแฟชั่นครั้งนี้ ไม่ใช่แค่สำหรับดีไซเนอร์ทั่วโลกเท่านั้น มันยังเป็นเวทีต่อสู้ของนางแบบในเซิ่งซื่ออีกด้วย
เมิ่งเคอปรารถนาที่จะประสบความสำเร็จอย่างมาก และได้พยายามอย่างหนัก แต่ตอนนี้กลับต้องมาล้มเลิกกลางคัน
“ตราบใดที่คุณก้าวหน้าได้ก็เพียงพอแล้ว” เมิ่งเคอตอบ “ต่อให้ไม่มีฉัน บริษัทก็จะจัดนางแบบคนอื่นให้คุณ คุณยังมีโอกาส”
ชางหลิงชะงักไป
“ฉันรู้ว่าพวกเธอกำลังดูเรื่องตลกของคุณ พยายามขัดขวางไม่ให้คุณขึ้นสู่ที่สูง ในฐานะเพื่อนของคุณ ฉันจะไม่มีทางเป็นตัวถ่วงคุณ” เมิ่งเคอเอื้อมไปจับมือของเธอ “เรื่องอื่นฉันช่วยอะไรไม่ได้ สิ่งเดียวที่ทำได้ คือไม่ทำลายการแข่งขันของคุณ ดังนั้นต่อให้เจ็บปวดเท่าไร ฉันก็จะไปต่อ”
น้ำตาของชางหลิงร่วงหล่น
“ทำไมคุณโง่อย่างนี้” ชางหลิงสะอื้น
“ครั้งก่อนโม่โม่กล่าวหาว่าฉันขโมยของของเธอ ทุกคนต่างมองดูอย่างตลกขบขัน มีเพียงคุณที่ยืนหยัดเพื่อฉัน ฉันไม่ชอบเป็นหนี้บุญคุณ ครั้งนี้ถือเป็นการตอบแทนคุณ” เมิ่งเคอพูดเสียงเบา “สถานที่อย่างเซิ่งซื่อ ภายนอกสดใส ที่จริงข้างในเน่าเฟะ ฉันตัดสินใจแล้ว จะไม่อยู่ที่นั่นอีกต่อไป”
ชางหลิงรู้ว่าเมิ่งเคอกำลังผ่อนคลายหัวใจของเธอ
เธออยู่เซิ่งซื่อมานานหลายปี ในนั้นเป็นทุกอย่างของเธอ การตัดทิ้งมันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ ก็แค่ไม่อยากให้เธอรู้สึกผิดเท่านั้นเอง
“เมิ่งเคอ ขอโทษ…” ซูเสี่ยวเฉิงร้องไห้ตาแดงอยู่นานแล้ว
“ฉัน…มันเป็นความผิดของฉันเอง…ฉันคิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะมายุ่งกับรองเท้า…” รองเท้าเป็นผู้จัดงานที่จัดให้ ความจริงเธอตรวจสอบแล้ว แต่ว่า…
เธอก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หลายวันนี้เพราะเรื่องของโจวลี่ลี่ทำให้ไม่มีสมาธิ แค่ดูคร่าวๆ นิดหน่อย จึงไม่เห็นว่ารองเท้าถูกคนดัดแปลง
“พวกเขามีการเตรียมการไว้แล้ว ต่อให้ส้นรองเท้าไม่หัก ก็มีวิธีอื่นมาหลอกให้ฉันเปลี่ยนรองเท้าอยู่ดี” เมิ่งเคอปลอบเธอ
ชางหลิงดวงตาเย็นชา
เธอลุกขึ้น หันมองกลับไปที่ซูเสี่ยวเฉิง
“ฉันไม่รู้ว่าช่วงนี้เกิดอะไรขึ้นกับเธอ แต่ฉันรู้สึกว่าเธอที่สภาพแบบนี้ อาจจะไม่เหมาะจะเป็นผู้ช่วยของฉันต่อไป”
ซูเสี่ยวเฉิงชะงัก
“เสี่ยวหลิงหลิง…”
“ชางหลิง” เมิ่งเคอก็คิดไม่ถึงว่าชางหลิงจะโกรธซูเสี่ยวเฉิงขนาดนี้ “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเสี่ยวเฉิงเลย คุณทำแบบนี้ มันก็เข้าทางพวกเขาน่ะสิ”
“เรื่องนี้ตัดสินใจแล้ว” ชางหลิงทัศนคติแน่วแน่ ไม่เปิดโอกาสให้ซูเสี่ยวเฉิงอธิบาย
และความเจ็บของเมิ่งเคอก็ไม่สูญเปล่า ชางหลิงเข้าสู่รอบสี่ไปอีกอย่างราบรื่น
เมื่อการแข่งขันจบลง เมิ่งเคอถูกส่งไปโรงพยาบาลเพื่อรักษาบาดแผลอย่างละเอียด ชางหลิงไม่ได้รีบไป หลังจากที่ทุกคนออกไป เจสันก็เดินช้าๆ ออกมาจากห้องของเขา
“รอผมเหรอ” เจสันหัวเราะ
ชางหลิงนิ่งเงียบจ้องเขาเขม็ง
“นางแบบของคุณเป็นมืออาชีพมาก” เจสันเดินเข้าหาเธอช้าๆ “คุณยังมีแบบนี้อีกไหม แนะนำให้ผมหน่อยสิ”
“ทุกอย่างที่คุณทำก็เพื่อโม่โม่งั้นเหรอ” ชางหลิงถามเขา
รอยยิ้มของเจสันลดลงเล็กน้อย “แล้วยังไง”
“เธอคู่ควรกับที่คุณทำขนาดนี้งั้นเหรอ” ชางหลิงเสียงเย็น
“ไม่มีคุ้มหรือไม่คุ้มค่า มีแค่เต็มใจหรือไม่เท่านั้น” เจสันตอบเธอ “ยังไงผมก็บดขยี้คุณง่ายเหมือนบี้มดตัวนึง ความเมตตาที่ไม่เปลืองแรงแบบนี้ ทำลงไปก็ไม่ได้เจ็บตัวอะไรนักหนา”
“คุณอยากจัดการฉันก็เข้ามาเลย” ชางหลิงยิ้ม “แต่ฉันคนนี้ เกลียดที่สุดก็คือคนที่แตะต้องเพื่อนของฉัน”
“งั้นแล้วยังไงล่ะ” เจสันยักไหล่ “ผมทำไปแล้ว และสามารถรับประกันได้ว่าทำจนสะอาดเอี่ยมอ่องด้วย คุณจะไม่มีทางหาหลักฐานพบ คุณก็ได้แต่มาสาดคำหยาบคายใส่ผม จะทำอะไรผมได้”
ชางหลิงหรี่ตาเล็กน้อย
ในใจของเธอมีสัตว์ร้ายคำรามอยู่นับไม่ถ้วนนานแล้ว อยากจะตะโกนฉีกหน้าผู้ชายจอมปลอมตรงหน้า แต่เธอก็รู้ว่าถ้าเธอลงมือกับเขาจริงๆ แน่นอนว่ามีเพียงถูกอัดตายกับพื้นเท่านั้น
“พวกคุณช่างคู่ควรกันจริงๆ พวกเรามีคำกล่าวที่ว่า มังกรคู่ควรมังกร หงส์คู่ควรหงส์ ลูกหนูขุดรูเป็นเหมือนพ่อแม่มัน คุณกับคุณโม่ ช่างเป็นคู่สวรรค์สร้าง สองคนเข้ากันได้ดีขนาดนี้ ก็ควรจะตายตกไปตามกันถึงจะดี จะได้ไม่ต้องไปทำร้ายคนอื่นอีก”
รอยยิ้มของเจสันแข็งค้าง
ชางหลิงไม่ได้พูดอะไรมากอีก หันหลังแล้วเดินไป
เธอตั้งใจแค่จะชนะการแข่งขัน ดังนั้นจึงถอยให้ แต่ตอนนี้ เส้นความอดทนของเธอถูกสะกิดแล้ว
ตอนแรกหลีซินบาดเจ็บเพื่อช่วยเธอ เมิ่งเคอถูกข่มเหงและถึงขั้นถูกตัดโอกาสขึ้นเวทีในงานเทศกาลแฟชั่น ถ้าเธอยังไม่ตอบโต้อีก มันจะทำให้โม่โม่คิดว่าเธอไร้ความสามารถจนลบหลู่ได้
เจสันหัวเราะเยาะ ไม่ได้ใส่ใจคำพูดของชางหลิง
เขาอารมณ์ดีมาก ออกไปจากห้องโถง เปิดประตูรถแล้วนั่งในที่นั่งคนขับ ตอนที่กำลังหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเพื่อจะบอกข่าวดีกับโม่โม่ แต่ก็กลับเห็นใบหน้าของผู้ชายคนหนึ่งในกระจกมองหลัง
เจสันตกใจมาก เขาหันไปและปะทะเข้ากับสายตาเย็นยะเยือกของโหมวยู่
“โหมวยู่ คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ขึ้นรถเขามาได้ด้วยงั้นเหรอ
“คุยกันหน่อย” ท่าทีของโหมวยู่นั้นเป็นท่าทีที่ไม่สามารถปฏิเสธได้