“เหอะๆ” ชางหลิงส่งเสียงเยาะเย้ย “ลูกคิดเธอนี่ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ กลับประเทศงั้นเหรอ? เธอคิดว่าเธอจะกลับประเทศได้งั้นเหรอ?”
โม่โม่ก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่ง เธอซ่อนมือไว้ข้างหลัง แล้วคว้าตะเกียงบนตู้ที่หัวเตียงขึ้นมา เพื่อเตรียมไว้สำหรับป้องกันตัว
ชางหลิงจ้องเธออย่างดุร้าย และเคลื่อนตัวเข้าหาโม่โม่ โม่โม่เหลือบมองไปแวบหนึ่ง จากนั้นก็คว้าโป๊ะตะเกียงแล้วทุบไปที่หัวชางหลิงทีหนึ่ง
ถ้าไม่ลงมือในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ ต่อไปก็คงจะหาโอกาสแบบนี้ได้หายาก และเธอก็เรียกคนมาแล้วด้วย เมื่อนั้นอย่างมากที่สุดก็คงเป็นได้แค่การป้องกันตัวเองเท่านั้น
“ชางหลิง ไปตายสะ” โม่โม่หน้าตาดุร้าย และเกือบจะใช้แรงทั้งตัวของตัวเองแล้ว
“ชางหลิงระวัง!” ป๋ายจื๋อเบิกตากว้าง เหมือนกับว่าเขาแทบไม่ได้คิดอะไรเลย เขารีบพุ่งตรงไปข้างหน้า และดึงตัวชางหลิงมาทันที
ตัวเขาคล่องแคล่ว ซึ่งหลังจากที่ชางหลิงหลบจากภัยอันตรายแล้ว ก็หันตัวกลับมาอย่างรวดเร็ว ดังนั้นโป๊ะตะเกียงก็หลบหลีกหัวของเขาไป และหล่นลงบนไหล่ของเขา
กระจกของโป๊ะตะเกียงก็กระแทกบนตัวเขา และแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“ป๋ายจื๋อ…” ชางหลิงตกตะลึงจนตาค้าง ไม่คิดเลยว่าโม่โม่จะทำสิ่งที่โหดร้ายเช่นนี้ได้จริงๆ
ป๋ายจื๋อ ที่ถูกชนครั้งนี้กลับไม่ได้พูดอะไรสักคำ แค่ขมวดคิ้วเล็กน้อย และเอ่ยปากถามเธอว่า “คุณไม่เป็นไรนะ”
ชางหลิงสีหน้าซีดเซียว แล้วหันไปมองโม่โม่ที่อยู่ข้างหลังป๋ายจื๋อ ในมือของเธอถือโป๊ะตะเกียงที่แตกเป็นเสี่ยงๆ ไว้ แล้วมองไปยังด้านหลังชางหลิงอย่างตื่นตระหนกตกใจ
“ฉัน…ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ” โม่โม่ปล่อยมือ และโป๊ะตะเกียงก็ตกลงบนพื้น
ปฏิกิริยาตอบกลับของโม่โม่ทำให้ชางหลิงแปลกใจ เธอหันหน้ามาอย่างช้าๆ และเห็นชายร่างสูงยืนอยู่ที่ประตูอย่างไม่คาดคิด
โหมวยู่ทำหน้าบูดบึ้ง ข้างหลังเขาตามด้วยกลุ่มพนักงานและคนชุดดำ และในขณะนั้น ตัวเขาก็เต็มไปด้วยสีหน้าดุร้ายซึ่งทำให้คนขนอ่อนตามตัว
โหมวยู่มาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน………ชางหลิงก็ตะลึงเช่นกัน
“โหมวยู่…เป็นเพราะชางหลิงบุกรุกห้องของฉัน เธอ เธอจะฆ่าฉัน ฉันก็แค่ตีโต้ตามปกติเท่านั้นนะ”
โม่โม่รีบอธิบายอย่างรวดเร็ว เธอพูดไปด้วยพร้อมกับขดตัวไปอีกฝั่ง
โหมวยู่จ้องไปยังทิศทางนั้นอย่างแน่นหนา และตาที่แดงก่ำคู่นั้นของชางหลิงก็ทำให้เขาตกใจ แต่เขาก็ไม่ปริปากพูดอะไรสักคำ เขาสาวเท้าไปข้างหน้า และดึงตัวชางหลิงเข้ามาในอ้อมแขนตัวเองอย่างง่ายดาย
ตัวชางหลิงไร้ซึ่งน้ำหนัก และเธอก็อยากหลบหนีโดยไม่รู้ตัว แต่เธอไม่สามารถต้านทานความแข็งแกร่งของโหมวยู่ได้
จมูกของเธอชนเข้ากับอ้อมกอดของเขา และกระแทกจนทำให้เธอแสบจมูก แม้แต่น้ำตาก็ไหลออกมาด้วยเช่นกัน
เขา…มาเพื่อหนุนหลังให้โม่โม่เหรอ?
“โหมวยู่…” ชางหลิงผลักแขนของเขา แต่ชายคนนั้นกลับกอดเธอแน่นขึ้น
“จับเธอไว้” เสียงของโหมวยู่เย็นชาอย่างสุดขีด
ชายชุดดำ พากันล้อมเข้ามา แล้วล้อมมุมของโม่โม่ไว้ด้วยจุดประสงค์ที่ชัดเจน
เอ่อ…ชางหลิงตกตะลึง ดังนั้น… ฉากที่เมื่อครู่โม่โม่ทุบเธอนั้น ถูกโหมวยู่เห็นเข้าแล้วเหรอ?
อย่างไรก็ตาม โม่โม่พูดถูกจริงๆ วินาทีเมื่อครู่นั้นเธออยากใช้ความรุนแรงมาก แต่โม่โม่แย่งใช้สะก่อน
“โหมวยู่!” โม่โม่ส่งเสียงกรีดร้อง “เธอกล้าได้ยังไง!”
“ผมสัญญาแล้วว่าจะให้คุณกลับประเทศ แล้วเธอทำอะไรลงไปอีก?” โม่โม่กำลังดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง และชายชุดดำก็กลัวว่าจะทำร้ายเธอ เลยไม่กล้าลงมือแรง
“คุณชายรองครับ” ฉู่ฉือเห็นฉากนี้ ก็ขึ้นมาไกล่เกลี่ย “อย่างไรเสียยังมีคนนอกอยู่ด้วยนะครับ การทำแบบนี้ มันจะดูน่าเกลียดไปไหมครับ?”
และไม่ว่ายังไงโม่โม่ก็ยังเป็นผู้อำนวยการของบริษัทเซิ่งซื่อ และเดินทางมาเข้าร่วมการแข่งขันกับบริษัทเซิ่งซื่อ ซึ่งตอนนี้การแข่งขันก็ยังดำเนินอยู่ หากมีข่าวอื้อฉาวกับบริษัทเซิ่งซื่อ มันจะไม่ดีต่อนักออกแบบทุกคนนะครับ
“คนนอกเหรอ?” โหมวยู่จ้องออกไปอย่างเย็นชา ทั้งพนักงานและเจ้าหน้าที่ซึ่งยืนอยู่ที่ประตูต่างก็ละสายตาออกไป เพราะกลัวที่จะสบตากับโหมวยู่
ฉู่ฉือกวาดตามองไปยังชางหลิงที่อยู่ในอ้อมแขนของโหมวยู่ ด้วยท่าทีที่ตาแดงก่ำและเต็มไปด้วยน้ำตาของเธอนั้นช่างน่าสงสารจริงๆ ฉู่ฉือถอนหายใจอย่างจนปัญญา เขาหันกลับมา พร้อมกับยกมือขึ้น ส่วนชายชุดดำไม่กี่คนที่เหลือก็ได้ปิดกั้นประตูไว้อย่างแน่นหนา และปิดพวกเขาไว้นอกประตู
“ขออภัยในความไม่สะดวกนะครับ สำหรับเรื่องทำความสะอาดห้องพัก เราจะไม่รบกวน และหากเกิดอุบัติเหตุอะไร เราจะรับผิดชอบด้วยตัวเองครับ” ฉู่ฉือพูดอย่างสุภาพ จากนั้นเสียงก็ดังโครม ประตูไม้ก็บังสายตาของทุกคน
และเมื่อประตูบานนั้นปิดลง ความรู้สึกหวาดกลัวของโม่โม่ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
โหมวยู่อยู่มาแล้ว งั้นก็แสดงว่า เธอจะไม่มีคนช่วยชีวิตอีกต่อไปแล้ว
“ลงมือ” แน่นอนว่า ถ้าโหมวยู่ออกคำสั่งอีกครั้ง และเมื่อคนชุดดำได้รับคำสั่ง พวกเขาก็จะเอาชนะโม่โม่ได้อย่างง่ายดาย
ป๋ายจื๋อกุมหัวไหล่ตัวเองแล้วนั่งลงบนเตียงหนักหน่วง เมื่อชางหลิงเห็นสีหน้าที่ซีดเซียวของเขาแล้ว ก็หนีออกจากอ้อมแขนของโหมวยู่ แล้วเดินไปข้างๆ เขา
“ป๋ายจื๋อ เธอเป็นยังไงบ้าง?”
ป๋ายจื๋อยังคงไม่ส่งเสียงใดๆ เสื้อแจ็กเกตบนหัวไหล่ของเขาขาด เขากุมมันด้วยมือข้างเดียว และความไวในความรู้สึกของการได้กลิ่นของชางหลิง ก็ได้กลิ่นอายคาวเลือด จากนั้นเธอจึงดึงมือของเขาออกมา ที่แท้ ใยฝ้ายสีขาวในเสื้อก็ถูกย้อมด้วยเลือดสด
“เธอเลือดออกเหรอ?” ชางหลิงตกใจอย่างแรง เธอปลดเสื้อของป๋ายจื๋อออกโดยแทบไม่ได้คิดอะไรเลย เป็นอย่างที่คิดจริงๆ ด้วย เสื้อเชิ้ตสีขาวที่เปื้อนเลือดก็เผยออกมา หลังจากที่ไม่มีเสื้อคลุมสีดำคลุมไว้ และบนหัวไหล่นั้น ก็มีส่วนหนึ่งที่ถูกกระจกของโป๊ะตะเกียงฉีกจนเป็นบาดแผลที่เปื้อนเลือด
“เธอโง่หรือไง จะบังฉันทำไม!” ชางหลิงโกรธจนทนไม่ไหว ทั้งหมดนี้ เธอคิดว่าร่างกายตัวเองจะไม่มีวันแตกสลายหรือไง ทำไมถึงคอยเอาแต่ได้รับบาดเจ็บแทนเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วย
ป๋ายจื๋อกัดฟันโดยไม่พูดอะไรสักคำ แต่ท่าทางของโหมวยู่ที่อยู่ด้านข้างก็ยิ่งรู้สึกแย่ขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อเห็นว่าชางหลิงยังคงดุป๋ายจื๋ออย่างตรงไปตรงมา โหมวยู่ก็จับเอวตัว แล้วดึงเธอกลับมายังข้างๆ ตัวเอง
“ส่งเขาไปโรงพยาบาล” โหมวยู่ออกคำสั่งกับฉู่ฉือ
ส่วนผู้หญิงคนนี้ เมื่อกี้ที่เธอปฏิเสธการขอแต่งงานของเขานั้นเขายังไม่ได้คิดบัญชีกับเธอเลย และยังมาเป็นห่วงผู้ชายคนอื่นต่อหน้าเขาอีก?
ไม่ใช่ว่าได้รับบาดเจ็บเหรอ? หากไม่ใช่เพราะเหล่าเจ้าหน้าที่นั้นทำให้เขาเสียเวลาการพยายามทำอย่างเต็มที่ของเขาล่ะก็ คนที่ช่วยชีวิตเธอจากมือของโม่โม่ก็คงเป็นโหมวยู่ไปแล้ว และในเวลานี้คนที่เธอควรห่วงใยก็คือเขาด้วย!
ป๋ายจื๋อมองโหมวยู่ด้วยบรรยากาศที่ลึกซึ้ง และเขาเองก็ไม่อยากคิดเล็กคิดน้อยกับชายที่เพิ่งตกลงไปในขวดน้ำส้มสายชูอย่างใจกว้าง เขาสวมเสื้ออีกครั้ง เขากุมหัวไหล่ตัวเองแล้วเดินออกจากประตูห้องไป
“ป๋ายจื๋อ…” ชางหลิงวางใจไม่ลง เธอตะโกนเรียกเขา แต่โหมวยู่กลับหันหน้าเธอกลับมาอย่างแข็งแรง และให้เธอเผชิญหน้ากับโม่โม่ที่ซึ่งยังคงจ้องมองพวกเขาอยู่ที่มุมห้อง
“เรามาแก้ปัญหาตรงหน้าดีๆ กันก่อนดีกว่า” โหมวยู่หรี่ตาลง