เวลาผ่านไปเรื่อยๆ
เวลาในความมืดมิดรู้สึกจะยาวนานกว่ามาก
เวลาแบบนี้ แรงลอยตัวของน้ำน่ากลัวมากกว่าอีก อุณหภูมิน้ำเย็นแผ่เข้าสู่ร่างกายของป๋ายจื๋อ ปลิงดูดเลือดของเขาไม่หยุด มือเขาเริ่มหมดแรง เท้าก็เริ่มยืนไม่นิ่ง เขาล้มตัวลงไปด้านหน้า ตัวของชางหลิงก็จมลงน้ำไปด้วย
แต่ทว่า ในตอนนี้เอง ชางหลิงพยายามดิ้นรนขึ้นมาอย่างหนัก เสียงเธอตกลงน้ำไปดังตุ้ม ป๋ายจื๋อตกใจรีบเข้าไปอุ้มตัวเธอเอาไว้
“ชางหลิง!” เธอยังไม่ตาย!
ชางหลิงสูดหายใจอย่างแรง มีป๋ายจื๋อคอยช่วยเธอให้หัวโผล่พ้นน้ำได้
ภาพที่เห็นตรงหน้านี้มีเพียงแต่ความมืดมน เธอกะพริบตาเพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองไม่เห็นอะไรเลย
“ป๋ายจื๋อ!” ชางหลิงได้ยินเสียงของป๋ายจื๋อ จับแขนเขาไว้แน่น “ฉัน……ฉันตาบอดเหรอ?”
เธอเคยได้ยินว่าถ้าขาดอากาศหายใจนานเกินไปจะทำให้กลายเป็นบ้าหรือไม่ก็จะอยู่ในสภาพผัก แต่ไม่เคยได้ยินว่าจะตาบอดเลยนี่
ภายในความมืดมีความเงียบเข้าครอบงำสักพัก
“มีคนเอาฝามาปิดสระน้ำน่ะ” ป๋ายจื๋ออธิบายให้กับเธอ
ชางหลิงโล่งอก งั้นก็ดี ไม่ตาบอดก็ดีแล้ว……
เดี๋ยวก่อน!
“ถูกปิดไว้? งั้นพวกเราจะออกไปยังไงล่ะ!” ชางหลิงตะลึง
ตาบอดไปซะยังจะดีกว่า
เงียบอีกสักพัก
ชางหลิงกำลังตกใจนั้น กลับเห็นชางหลิงปล่อยมือ ร่างกายเธอจมลงน้ำไป ชางหลิงตกใจแต่วินาทีต่อมา เธอก็รู้สึกเหมือนตัวเองนั่งอยู่บนไหล่ของป๋ายจื๋อ ร่างกายเขาจมอยู่ในน้ำทั้งหมด เหลือไว้เพียงแต่จมูกและปาก เห็นเธอถูกยกตัวขึ้นมา
น้ำหนักของทั้งสองคน เท้าของป๋ายจื๋อในที่สุดก็เหยียบพื้นได้อย่างเต็มตัว แต่เขาก็รู้ว่า เขาทนอยู่ในสภาพนี้ได้ไม่นานหรอก
“ป๋ายจื๋อ! นายทำอะไรน่ะ?” ชางหลิงรู้ได้ถึงความคิดของเขา จึงรีบยื่นมือไปจับใบหน้าของเขา แน่ใจว่าเขายังมีลมหายใจอยู่ก็ถึงโล่งอก
“โหมวยู่จะมาไหม?” ป๋ายจื๋อถามเธอ
“ว่าไงนะ?” ชางหลิงได้ยินไม่ชัด
“ไม่มีอะไร” เสียงของป๋ายจื๋อดูไม่มีแรง
“เธอนั่งให้ดีแล้วกัน” ป๋ายจื๋อพูดจบ ก็พ้นลมหายใจออกไปยาวๆ
ภายในสระน้ำเงียบกริบ และภายในความมืดนี้ มีเพียงเสียงหายใจของสองคน
“ทำไมนายถึงมาช่วยฉันล่ะ?” ชางหลิงถามเขา ถ้าเขาไม่มา เขาก็ไม่ต้องมาทรมานแบบนี้
“ถ้าฉันไม่มา เธอคงตายไปแล้ว” ป๋ายจื๋อตอบเธอ
“ตอนนี้ที่เป็นแบบนี้ ไม่เพียงแต่ฉันจะต้องตาย นายก็ต้องตายด้วย” ชางหลิงมองบนอย่างหมดแรง เธอเงยหน้าขึ้น มองดูด้านบนที่ไม่มีแสงเล็ดลอดเข้ามาเลย ก็หัวเราะและพูดว่า “ฉันยังคิดว่า คนแรกที่จะหาฉันเจอเป็นโหมวยู่เสียอีก”
ป๋ายจื๋อยังคงไม่ตอบเธอ ภายในความมืดมิด ชางหลิงแอบยื่นมือไป ทดลองว่าเขายังหายใจอยู่
“ยังหายใจอยู่” ในที่สุดป๋ายจื๋อก็พูดขึ้น
“นายอย่าฝืนเลย ชีวิตพวกเราสองคนก็เป็นชีวิตมีเลือดมีเนื้อ ฉันไม่อยากให้นายตายเพราะช่วยฉัน” ชางหลิงพิงกำแพงไว้ อยากออมแรงให้ป๋ายจื๋อบ้าง
ยังคงเงียบงัน
“พวกเราสองคน จะต้องมีชีวิตรอดให้ได้” ชางหลิงบอกกับเขาอย่างหนักแน่น
“อืม” ป๋ายจื๋อตอบกลับ
——
ถนนที่คึกคัก รถของโหมวยู่ขับเข้าออกตามตรอกซอยอย่างบ้าคลั่ง
ผ่านไปสามชั่วโมงแล้ว ชางหลิงหายไปสามชั่วโมงแล้ว
นาทีแรกเขารีบไปตรวจสอบตำแหน่งรถของเจสันจากกล้องวงจรปิด แต่รถคันนั้นหลังจากที่เข้าไปในสลัมแล้วก็หายไปทันที ที่นี่มีคนมากหน้าหลายตา ถนนก็มีหลายสาย คนที่เขาสั่งไปก็ค้นหากันอย่างชุลมุน แต่กลับไม่ได้รับการตอบกลับสักที
โหมวยู่ยิ่งอยากให้ตัวเองใจเย็นก็ยิ่งใจเย็นไม่ลง เขาใจเย็นได้ในทุกสถานการณ์ แต่ยกเว้นอย่างเดียวคือเรื่องของชางหลิง
ความรู้สึกหวาดกลัวเข้าปกคลุมเขาไว้ เขานึกถึงจุดจบของชางหลิงที่ตกอยู่ในมือของโม่โม่แล้ว
ฉู่ฉือที่กำลังขับรถนั้นก็กลั้นหายใจไว้ รู้ว่าสถานการณ์คับขัน เขาตรวจสอบบรรยากาศด้านนอกอย่างเข้มงวด ในตอนที่ไม่มีวี่แววอะไรเลยนั้น เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา
“คุณชายรอง” ได้ยินเสียงโทรศัพท์ ฉู่ฉือก็รีบหยุดรถลง
“ได้รับข่าวว่า ตรวจสอบรถคันนั้นได้แล้ว ตอนนี้กำลังขับออกจากพื้นที่สลัมทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ คนของพวกเราไปตามกันแล้ว คุณชายรองว่า พวกเราจะ……”
โหมวยู่ไม่พูดอะไร เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เปิดแผ่นที่ดูอย่างละเอียด
พื้นที่นี้ แม้จะมีการแบ่งที่วุ่นวายแต่ก็มีกฎเกณฑ์ เพราะถนนที่แคบ ดังนั้นยากมากที่จะกลับรถ รถขับเข้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ถ้าเข้าไปเรื่อยๆ จะต้องออกจากทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือแน่
ดังนั้น พื้นที่เคลื่อนไหวจองพวกเรา ควรจะอยู่ทางพื้นที่ตะวันออกเฉียงใต้
“พวกเราตามหากันต่อ” ไม่รู้ว่าทำไม โหมวยู่มั่นใจว่าชางหลิงไม่ได้อยู่บนรถคันนั้น
ในสามชั่วโมงนี้ เพียงพอต่อการที่หลายๆเรื่องราวจะเกิดขึ้นแล้ว
ด้วยนิสัยของโม่โม่ เธอจะต้องใช้วิธีที่แสนจะทรมานกับชางหลิงแน่ ถ้าตอนนี้ไปแล้ว เกรงว่า……
โหมวยู่ตัวสั่นเทา เขามองไปยังนอกหน้าต่าง ไม่กล้าแสดงความรู้สึกตัวเองออกมา
รถขับมาถึงพื้นที่ตะวันออกเฉียงใต้ มีตรอกซอยมากมายที่รถขับเข้าไปไม่ได้ โหมวยู่ลงจากรถ ยืนอยู่ท่ามกลางเมืองคึกคัก รอบกายเย็นเฉียบ
“ชางหลิง……” เสียงของโหมวยู่แหบแห้ง “เธออยู่ไหน……”
“คุณชายรอง” ฉู่ฉือลงจากรถ “อย่ากังวลไปเลย คุณชางฉลาดขนาดนั้น เธอจะต้องปลอดภัยแน่นอนครับ”
ทันใดนั้นสมองของโหมวยู่ก็มีภาพมากมายแสดงขึ้นมา ในที่สุด เขาก็ตาสว่างนึกอะไรขึ้นมาได้
“ฉู่ฉือ” เขาหันตัวไป พูดอย่างร้อนรนว่า “ป๋ายจื๋อคนนั้น ตอนนี้อยู่ไหน?”
ครั้งก่อนซูเสี่ยวเฉิงถูกจับตัวไป เหมือนจะเป็นป๋ายจื๋อที่ตามหาได้……
“ป๋ายจื๋อ?” ฉู่ฉือไม่เข้าใจว่าทำไมป๋ายจื๋อถึงหายไปกะทันหัน แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก เขารีบโทรหาถงเอินที่ยังอยู่ในโรงแรม
โหมวยู่ถือโทรศัพท์ไว้ โทรศัพท์ของชางหลิงมีตำแหน่งของเธอ แต่เห็นได้ชัดว่า โทรศัพท์เธอถูกทำลายแล้ว สัญญาณหายไปตั้งแต่สามชั่วโมงก่อนแล้วล่ะ
แต่ถ้าค้นหาตำแหน่งสัญญาณโทรศัพท์ครั้งสุดท้ายของเขาได้ พวกเขาก็อาจจะไม่ต้องเป็นแมลงวันที่บินไปมาอย่างไร้ทิศทางแล้ว
“คุณชายรอง” ฉู่ฉือกำโทรศัพท์ไว้ในมือ หันตัวไป “ป๋ายจื๋อไม่อยู่โรงแรม”
“แต่ว่า ห้องของเขามีคอมหนึ่งเครื่อง ด้านบนมีแผ่นที่ และยังมีโลเคชั่น……อยู่ข้างๆพวกเราเลยครับ!”