“โหมวยู่ ขอโทษด้วยนะ……” ชางหลิงสะอื้น “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำให้นายโกรธนะ”
“ผ่านเรื่องราวมามากมายขนาดนี้ ฉันกลัวมากจริงๆ กลัวว่าระหว่างพวกเราจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก” เธอจับมือเขาไว้แน่น รับรู้ถึงอุณหภูมิในร่างกายของเขา “ฉันรักนาย รักมากๆด้วย ดังนั้นฉันอยากอยู่กับนายไปนานๆเลยนะ”
แต่ก่อนอื่น เธออยากแข็งแกร่งขึ้นมาให้ได้ อยากแก้แค้น อยากหาความจริงเกี่ยวกับการตายของแม่
แต่หลังจากที่ผ่านเรื่องราวความเป็นความตายมาแล้ว เธอก็ถึงเข้าใจว่า มีเพียงการรับรู้ได้ถึงความสุขที่เป็นของจริง เธอชอบความรู้สึกที่ได้อยู่ข้างๆโหมวยู่ ดังนั้น เรื่องอื่น เธอปล่อยวางไปก่อนได้ ยังไงชีวิตนี้ยังมีอีกยาว เธอยังมีเวลาอีกมากที่จะทำให้สำเร็จ
“ฉันรู้” โหมวยู่สูดดมกลิ่นตัวเธออย่างหิวโหย
เขารู้ไง ถึงได้เสียใจขนาดนี้
ถ้าชางหลิงรักเขาน้อยลงอีกหน่อย เขาตายไป บนโลกนี้ก็จะมีคนที่เธอไม่รักลดลงไปหนึ่งคน
แต่ว่า……ยัยบ๊องนี่ ตอนนี้ก็พึ่งพิงเขามากขึ้น ยังบอกว่าถ้าเขาตายเธอก็จะตามไปด้วยแบบนี้ เขาจะไปอย่างสบายใจได้ยังไงกัน?
“ฉันเสียไปเยอะมากแล้ว” ชางหลิงพูดด้วยน้ำเสียงที่เศร้าโศก “แม่ของฉัน ยังมีหยูเฉินที่อยู่กับฉันมานาน ตอนนี้ ขนาดซูเสี่ยวเฉิงยังมาทะเลาะกับฉันอีก”
“ฉันมีแค่นายคนเดียวแล้ว……”
ได้ยินที่ชางหลิงพูด โหมวยู่ก็จุกอยู่ในอกพูดไม่ออก โดยเฉพาะหยูเฉินสองคำนี้ กระทบถึงเส้นประสาทในสมองของเขา
เธอกับหยูเฉินอยู่ด้วยกันมานานถึงห้าปี ใกล้จะแต่งงานกันด้วย ดังนั้น ก่อนหน้านี้เธอก็เคยรักเขามาก่อนสินะ
งั้นหลังจากที่หยูเฉินตายแล้ว ชางหลิงเดินออกมายังไงนะ?
“หยูเฉิน……” โหมวยู่ลองถามเธอ “เธอยังคิดถึงเขาไหม?”
“ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้นนะ” ชางหลิงคิดว่าโหมวยู่จะพูดเรื่องหยูเฉินกับเธออีก ก็จึงรีบอธิบาย
“ฉันแค่อยากรู้น่ะ เขาเคยเป็นคนที่เธอรักมากๆมาก่อน และตอนนี้ เขาไม่อยู่แล้ว เธอลืมเขายังไงเหรอ?” โหมวยู่ถามเสียงเบา
ชางหลิงคิดอยู่นาน ที่จริงเธอเคยคิดคำถามนี้อย่างจริงจังมาแล้ว และในใจเธอก็มีคำตอบแล้วด้วย และเป็นเหมือนเดิมมาตลอด
“เขาทรยศฉัน” ชางหลิงตอบ “เรื่องนี้ ในตอนที่ฉันรักเขามากที่สุด มันทำให้ความคิดถึงส่วนหนึ่งที่ฉันมีต่อเขาหายไป”
“ฉันว่าถ้าพวกเราแต่งงานกันช่วงก่อนวันหยุด ฉันได้รู้ว่าเขาไม่ได้นอกใจแต่ตายแทน ฉันอาจจะทนไม่ไหวตายตามเขาไปก็ได้ แต่ว่าความรักนี้ของพวกเรา ถึงแม้จะสมบูรณ์แบบมากแค่ไหน ในตอนที่เขาทิ้งฉันและไปเลือกผู้หญิงคนอื่นแทน ก็ไม่สำคัญขนาดนั้นแล้วล่ะ บวกกับตอนนั้น มีนายอยู่ข้างฉันด้วย”
“ดังนั้น ในตอนที่เขาตาย ฉันเสียใจก็จริง แต่ความเสียใจนั้น โทษตัวเองมากกว่าและรู้สึกผิดมากกว่า รอแก้แค้นได้แล้ว ก็เหมือนได้ปล่อยวางสิ่งของในใจบางอย่างลงไป” ชางหลิงถอนหายใจ
แต่ว่า ถึงแม้เธอจะไม่รักเขาแล้ว ถึงแม้เขาจะเคยทำร้ายเขามาหนักแค่ไหน ถ้าให้เลือกอีกครั้ง เธอก็อยากให้เขามีชีวิตอยู่
แม้เขาจะอยู่กับคนอื่นแล้วก็ตาม แม้จะลืมเธอสิ้นแล้วก็ตาม
“ทำไมถึงถามเรื่องนี้ล่ะ?” ชางหลิงแปลกใจ เหลือบตาไปถามโหมวยู่
โหมวยู่ไม่ตอบ ในที่สุดเขาก็ปล่อยมือออก ชางหลิงใช้โอกาสนี้พลิกตัวกลับไป อยากจะมองเขา แต่กลับถูกเขากดไหล่ไว้ก่อน
จูบอันเร่าร้อนประทับลงมา โหมวยู่บดขยี้ริมฝีปากของเธอลงไป ปิดกั้นคำถามทุกอย่างไว้ในปากของเธอ
ชางหลิงไม่ได้ปฏิเสธ เธอกอดโหมวยู่เอาไว้ สองมือลูบไปมาบนร่างกายเขาอย่าง
ร่างกายของพวกเขาเติบโตมากพอแล้ว ขอแค่ลมหายใจเดียวก็สามารถจุดไฟความต้องการของซึ่งกันและกันได้ แต่ว่า ในตอนที่เธอลูบมือลงไปด้านล่าง โหมวยู่กลับจับตัวเธอไว้ก่อน
“ทำไมเหรอ?” ชางหลิงไม่เข้าใจ
“เหนื่อยนิดหน่อย” โหมวยู่อธิบายอย่างไม่สนใจ “เธอก็ตกน้ำทะเลมาเมื่อกี้ พักผ่อนก่อนเถอะ”
ชางหลิงอึ้ง
นานขนาดนี้แล้ว มีแต่โหมวยู่ที่เริ่มก่อน แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาปฏิเสธเธอ
“อืม” ชางหลิงไม่ได้คิดต่อ
เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้มีเยอะมาก ทำให้คนรู้สึกเหนื่อยจริง ตอนนี้ในบ้านนอกจากพวกเขาแล้ว ก็มีจี้เหยากวงกับป๋ายจื๋อด้วย ก็ไม่สะดวกจริงๆ
เธอหลับตาลง สูดดมกลิ่นบนตัวของโหมวยู่เป็นกลิ่นที่ทำให้เธอสบายใจได้ และหลับไปทันที
โหมวยู่กอดคนในอ้อมกอดไว้แน่น ลืมตาขึ้นมามองดูเพดานห้อง ด้วยสายตามืดมน
ชางหลิงนอนหลับได้ดีมาก
รอเธอตื่นขึ้นมาแล้ว โหมวยู่ก็ไม่อยู่แล้ว ภายในห้องว่างเปล่าเหลือแค่เธอคนเดียว เธอลุกขึ้นสวมชุดนอนเดินออกไป
มีกลิ่นอาหารลอยมาจากห้องรับแขกอ่อนๆ โหมวยู่นั่งอยู่บนโซฟา มีคนกำลังทำอาหารในห้องครัว ชางหลิงเดินลงบันได เห็นจี้เหยากวงยกบะหมี่สองถ้วยมาวางไว้บนโต๊ะชาพอดี
“พี่ยู่ ลองชิมดูสิคะ ฉันทำบะหมี่อร่อยมากเลยนะ” จี้เหยากวงยิ้ม ไม่มีความบ้าคลั่งเหมือนเมื่อวานเลย “ยังตั้งใจทอดไข่ดาวให้พี่ด้วย”
สวมผ้ากันเปื้อนที่ชางหลิงซื้อมา ใช้อาหารที่ชางหลิงซื้อมา ทำท่าเหมือนเป็นแม่บ้านแม่เรือน
“อรุณสวัสดิ์” ชางหลิงกอดอกเดินเข้าไป
รอยยิ้มบนใบหน้าของจี้เหยากวงหายไปทันที เธอยืนตัวตรง มองชางหลิงอย่างกล้าๆกลัวๆ
“พี่ชางหลิง……”
ชางหลิงนั่งข้างโหมวยู่ มองดูบะหมี่สองถ้วยที่วางอยู่บนโต๊ะ
“หอมจังเลยนะ” ชางหลิงยิ้ม
“ขอโทษด้วยค่ะ พี่ชางหลิง ฉันเห็นว่าพี่ยังไม่ตื่น ก็เลย……” จี้เหยากวงพูดตะกุกตะกัก
“ไม่เป็นไร ตรงนี้มีบะหมี่สองถ้วยพอดีเลยนี่?” ชางหลิงยกขึ้นมาหนึ่งถ้วยมาอย่างไม่พอใจ คีบเส้นบะหมี่เข้าปากทันที
จี้เหยากวงขอบตาแดงก่ำ มองดูโหมวยู่ด้วยท่าทีน้อยอกน้อยใจ
“พี่ชางหลิง ขอโทษด้วยค่ะ ฉันรู้ว่าเมื่อวานฉันทำผิดเอง ฉันขอโทษด้วยนะคะ ตอนนั้นฉันไม่ได้สติ ฉันเห็นภาพหลอนเอง พี่อย่าถือโทษโกรธฉันเลยนะ” จี้เหยากวงพูดอย่างจริงใจ
บะหมี่ไม่ค่อยถูกปากชางหลิงสักเท่าไหร่ เธอกินแล้วก็วางตะเกียบลงทันที
“ที่จริงฉันก็ไม่ได้โตกว่าเธอมากเท่าไหร่นะ” ชางหลิงเงยหน้ามองหล่อน “อีกอย่าง ฉันเองก็มีน้องสาวแท้ๆอยู่เหมือนกัน”
“เหรอคะ?” จี้เหยากวงยิ้มแห้ง “ได้เป็นน้องสาวของพี่ จะต้องมีความสุขมากแน่ๆ”
“อืม” ชางหลิงตอบ “ถูกฉันส่งเข้าคุกเรียบร้อยแล้วล่ะ”
“โทษจำคุกตลอดชีวิต ทั้งชีวิตนี้ออกมาไม่ได้แล้ว”
จี้เหยากวงตะลึง
“พูดมาแล้วก็เป็นหล่อนเองที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว” ชางหลิงขยับเข้าไปใกล้โหมวยู่ “ทำอะไรไม่ดี เอาแต่คิดถึงผู้ชายที่ไม่ควรคิด แล้วยังเป็นพี่เขยของตัวเองอีก ฉันน่ะ เป็นคนเข้ากับคนอื่นได้ยาก หากมีทรายเข้าตาก็รับไม่ได้”
สีหน้าของจี้เหยากวงดูซีดลงทันที
“ฉันจำได้ว่า เธอเรียกภรรยาของพี่รองต้วนว่าพี่สะใภ้ใช่ไหม งั้นทำไมถึงเรียกฉันว่าพี่สาวล่ะ?” ชางหลิงถามหล่อน
“ฉัน……ฉันคิดว่า เรียกพี่สาวจะทำให้ดูสนิทกันมากขึ้นเสียอีก” จี้เหยากวงก้มหน้าลง
“คำว่าพี่สาวสองคำนี้ มันทำให้ฉันนึกถึงน้องสาวที่ชอบแอ๊บใสซื่อของฉัน เพราะฉะนั้น ต่อไปเรียกฉันว่าพี่สะใภ้ดีกว่า”