“ผมออกพื้นที่ที่ไม่เป็นทางการเท่าNova” ฉินซางรับไม้ต่อ “ที่นั่นมีคนทั้งดีเลวปะปน แต่ก็นับว่าเป็นตลาดซื้อขายที่ค่อนข้างใหญ่ในเมืองหนาน วันนี้จู่ๆ ก็ได้รับข้อความ บอกว่าเกิดเหตุฆาตกรรม ผมอยู่แถวนั้นพอดีเลยแวะไป แล้วก็พบเธอ”
มีชายหลายคนที่มีรสนิยมพิเศษเรียกเด็กสาวสองคนผ่านโบรชัวร์จัดหา เด็กสาวหนึ่งในนั้นตายในที่เกิดเหตุ เธอยังนับว่าดวงดี ตอนที่รุดไปถึง ยังมีลมหายใจอยู่
“ชายเหล่านั้นถูกควบคุมตัว ถือว่าเป็นคดีฆาตกรรม ไม่ว่ายังไงก็ต้องตัดสินจำคุก” ฉินซางพูดต่อไป “ผมแค่คิดไม่ถึงว่าเธอหายตัวไปสี่ปี ไม่น่าเชื่อว่าจะทำงาน…”
ฉินซางไม่ได้พูดสองคำที่เหลือออกมา
“นั่นสิ ผมยังจำได้ว่าประมาณห้าหรือหกปีที่แล้ว ตอนที่เธอไปเยี่ยมญาติในกองทัพเรายังเคยเจอกัน ตอนนั้นเธอยังเพิ่งเป็นสาวน้อย เป็นเด็กสาวที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสามาก ตอนนี้มากลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง…” หลีซินก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “ถ้าหัวหน้าหน่วยจี้รู้เข้า เขาต้องไม่สบายใจแน่”
คำพูดของหลีซิน ทำให้สีหน้าของโหมวยู่ยิ่งหม่นหมอง
เดิมทีเขาก็รู้สึกผิดเพราะการตายของหัวหน้าหน่วยจี้อยู่แล้ว มาตอนนี้เพราะความประมาทของพวกเขา ทำให้น้องสาวของเขาต้องหลงเดินทางผิด เกรงว่าจะยิ่งทำให้เขาเจ็บปวดยิ่งขึ้น
“ไม่ว่ายังไง ตอนนี้ก็พบเธอแล้ว” ชางหลิงเห็นพวกเขาแต่ละคนท่าทางเศร้าหมอง จึงปลอบพวกเขา “เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ มันก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่พวกคุณจะคาดคิดได้ ในเมื่อรู้สึกผิด งั้นต่อจากนี้ก็ทำดีต่อเธอให้มากหน่อย”
เธอนั่งข้างโหมวยู่ จับมือของเขาที่ถือไฟแช็ค “ในเมื่อเป็นน้องสาวของผู้มีพระคุณของคุณ งั้นก็นับว่าเป็นผู้มีพระคุณครึ่งหนึ่ง ผู้มีพระคุณของคุณ โดยธรรมชาติแล้วก็เป็นผู้มีพระคุณของฉันด้วย ต่อจากนี้เราก็ดูแลเธอด้วยกัน จนกว่าเธอจะดีขึ้น”
โหมวยู่หันหน้ามา ทั้งสองมองหน้ากันและพยักหน้า
จี้เหยากวงหลับไปสามวัน สามวันนี้ โหมวยู่จัดคนให้ดูแลเธอเป็นพิเศษ ลู่ซินเหอไปอยู่เป็นเพื่อนเธอเป็นครั้งคราว เพราะถึงอย่างไรก็เป็นผู้หญิง ชายตัวใหญ่หลายคนอยู่ที่นี่ก็ไม่ค่อยสะดวก
ในที่สุด ในวันส่งท้ายปีเก่า ตอนที่หลีซินกำลังจัดเตรียมเชฟเพื่อเตรียมอาหารเย็นวันส่งท้ายปีเก่า ก็มีคนมารายงานว่าเธอฟื้นแล้ว
ชางหลิงผลักประตูเปิด ลู่ซินเหอที่พาอันอันมาด้วยนั่งอยู่ข้างเตียง เมื่อเห็นเธอมา ตัวเองจึงลุกขึ้นยืนอุ้มอันอันที่หลับไปแล้ว
“งั้นเสี่ยวหลิงคุณก็อยู่กับเธอสักพัก ฉันจะพาอันอันไปนอนครู่หนึ่ง”
ชางหลิงพยักหน้า เธอเดินไปข้างเตียง หญิงสาวนั่งอยู่บนเตียงสีขาว ยิ่งทำให้ใบหน้าเธอดูขาวซีด คู่ดวงตาดำมืดจ้องมองเธอ แต่สีหน้าเรียบเฉยอย่างมาก
“คุณเป็นแฟนของพี่ชายยู่สินะ” จี้เหยากวงยิ้ม
ชางหลิงชะงักไปเล็กน้อย นั่งลงข้างเตียง “คุณรู้ได้ยังไง”
“เมื่อครู่พี่สะใภ้ซินเหอเล่าเรื่องของพวกคุณให้ฉันฟังแล้ว” จี้เหยากวงค่อนข้างน่ารักไร้เดียงสา เมื่อเธอฟื้นขึ้นมา แววตาที่ขี้ขลาดนั้นก็ยังคงเป็นความไร้เดียงสาที่ควรมีในวัยของเธอ
ก่อนหน้านี้ชางหลิงยังกังวล กลัวว่าหลังจากเธอตื่นขึ้นมาจะอยู่ในอารมณ์ความรู้สึกย่ำแย่ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า เธอจะกังวลมากไปเอง
จี้เหยากวงสงบนิ่งมาก เป็นความสงบนิ่งที่เธอรู้สึกค่อนข้างไม่สบายใจ
“เหยากวง” ชางหลิงหยิบแอปเปิ้ลจากหัวเตียง ไม่รู้ว่าควรทำอะไรดี จึงเอามันมาปอกเปลือก
“คุณสามารถบอกฉันได้ไหม หลายปีมานี้ คุณไปอยู่ที่ไหนเหรอ” ชางหลิงถามอย่างระมัดระวัง เธอยังกลัวว่ามันจะเป็นการไปกระตุ้นอารมณ์ความรู้สึกเธอเข้า
จี้เหยากวงจ้องตาเธอ ก่อนจะยิ้มและส่งเสียงว่า “พวกพี่ชายยู่ต้องการให้คุณมาถามเหรอ”
สายตาของเธอค่อนข้างอ้างว้าง ก้มหน้าลง มือทั้งสองข้างกระสานกำเข้าด้วยกันอย่างกระสับกระส่าย
“ถ้าฉันรู้ก่อน ว่าพวกเขากำลังตามหาฉันอยู่ก็ดีสิ….” เธอพูดอย่างนั้นแล้วถอนหายใจ
“ปีนั้นที่พี่ชายเสียไป ฉันแค่สิบหก เมื่อเขาตาย ก็เท่ากับตัดช่องทางการเงินของฉัน เงินบำนาญตกอยู่ในมืออาสะใภ้รอง ตลอดมาเธอไม่เคยชอบฉัน ได้ยึดเงินบำนาญพวกนั้นไป แม้แต่ค่าเล่าเรียนก็ไม่จ่ายให้ฉัน ฉันไม่มีทางเลือก หลังจบการศึกษาจากโรงเรียนมัธยม ตอนแรกคิดว่าจะมาเมืองหนานเพื่อหางานทำเลี้ยงชีพ แต่กลับคิดไม่ถึงว่า เพิ่งเข้าเมืองมา ก็ถูกคนหลอกเข้าแล้ว”
เธอมองออกไปนอกหน้าต่าง พูดเนิบช้า ราบเรียบเหมือนกับเล่าเรื่องของคนอื่น “กลุ่มคนพวกนั้น หาเลี้ยงชีพด้วยการหลอกผู้หญิงไปขายตัวแลกเงิน ฉันปฏิเสธ พวกเขาทุบตีฉัน ทารุณฉัน ฉันกลัวถูกทำร้าย จึงไม่กล้าขัดขืน บวกกับที่ฉันต้องการงานเพื่อให้ฉันดำรงชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ได้ ฉันจึงยอมเชื่อฟัง”
ชางหลิงฟังเธอพูด สีหน้าเจ็บปวดท่วมท้น
ตอนนั้น เธอยังเป็นเด็กสาวอายุสิบหก ในสภาพแวดล้อมที่มืดมนแบบนั้นเธออยู่รอดมาจนถึงตอนนี้ได้อย่างไร
“และต่อมา เมื่อฉันทำมันมานาน บวกกับอายุที่มากขึ้น จึงกล้าที่จะต่อต้าน และตั้งใจว่าจะดิ้นรนออกมาถึงตายก็ยอม พวกเขากลัวว่าฉันจะหนี และกลัวว่าฉันจะไม่จ่ายเงินที่หามาได้ จึงให้ยาพวกเราเสพ ให้พวกเราติดมัน”
“มีเพียงพวกเขาที่รู้วิธีการหาซื้อยา ยิ่งพวกเราติดยาแล้ว ยิ่งไม่สามารถแยกจากพวกเขาได้ จึงเป็นแบบนี้มาเรื่อยๆ สี่ปีมานี้ ฉันตกอยู่ในนรกแห่งวงจรอุบาทว์ อยู่มาสี่ปี….”
ชางหลิงไม่รู้ว่าควรจะรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร มันหนักหนาสาหัสเกินไป
ขณะที่เธอเต็มไปด้วยความสุขสนุกสนานเพลิดเพลินกับการกระโดดโลดเต้นในช่วงวัยรุ่น กลับมีคนอายุสิบหกปีบางคน ทั่วตัวเต็มไปด้วยบาดแผล
“ฉันไม่กล้าคิด ว่าฉันจะมีวันนี้ที่หนีออกมาได้ และก็ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้พบพี่ชายยู่อีกครั้ง” จี้เหยากวงพูด ในที่สุดแววตาก็เกิดประกายเล็กน้อย
“คุณวางใจ” ชางหลิงยื่นแอปเปิ้ลที่ปอกเปลือกแล้วในมือให้เธอ “ต่อจากนี้ พวกเราทุกคนจะดูแลคุณ จะไม่ให้คุณต้องผ่านความยากลำบากอีกต่อไป”
จี้เหยากวงรับแอปเปิ้ลมาจากเธอ แล้วกัดมันอย่างว่าง่าย “ขอบคุณพี่สาว”
“ตราบใดที่คุณไม่คิดว่าฉันเป็นภาระก็พอแล้ว”
“จะเป็นแบบนั้นได้ยังไง” ชางหลิงยิ้ม “พี่ชายของคุณได้ช่วยชีวิตโหมวยู่ไว้ การดูแลคุณเป็นสิ่งที่พวกเราควรทำ”
เธอพูดอย่างนั้นแล้วมองนาฬิกาข้อมือ “อีกเดี๋ยวจะทานเลี้ยงปีใหม่แล้ว ฉันจะให้คนพาคุณไปที่ห้อง”
“ฉันขออยู่กับพวกคุณด้วยได้ไหม” จี้เหยากวงกะพริบตาปริบไร้เดียงสา เต็มไปด้วยความคาดหวัง “ความจริงร่างกายฉันก็ไม่เป็นไรแล้ว แผลเล็กน้อยแค่นี้ไม่นับว่ามีผลอะไรเลย”
“นานมากแล้วที่ฉันไม่ได้มีเพื่อนอยู่ด้วยมากมายแบบนี้”
เดิมทีชางหลิงยังกลัวว่าร่างกายของเธอจะทนไม่ไหว เมื่อได้ยินเธอพูดอย่างนั้น จึงไม่ปฏิเสธ
ตัวโหมวยู่ไม่มีการกลับบ้านปีใหม่ หลีซินไม่มีที่อื่นให้ไป และปีนี้มีเรื่องเกี่ยวกับจี้เหยากวงด้วย ฉินซางกับต้วนเหิงก็อยู่ nova นับว่าเป็นการใช้เวลาข้ามผ่านปีไปด้วยกัน
จี้เหยากวงทำความสะอาดตัวเอง ชางหลิงช่วยเธอขึ้นชั้นบน ทุกคนนั่งกันอยู่ก่อนแล้ว แค่รอพวกเธอสองคน ชางหลิงเห็นเธอยังร่างกายอ่อนแอ จึงหยิบหมอนจากโซฟาเพื่อคิดจะเอามาให้เป็นเบาะรองหลังเธอ
แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้เอ่ยปาก กลับพบว่าจี้เหยากวงเดินไปที่ข้างๆ โหมวยู่ด้วยตัวเองเสียแล้ว เธอนั่งลงอย่างนุ่มนวลและคล่องแคล่ว
ชางหลิงจ้องไปยังที่นั่งว่างข้างลู่ซินเหอ น้ำหนักของหมอนในมือดูเหมือนจะหนักขึ้น
เธอยิ้มเล็กน้อยอย่างฝืนๆ เดินเข้าไปวางหมอนไว้ที่หลังจี้เหยากวง แล้วตัวเองก็ไปนั่งลงตรงตำแหน่งข้างลู่ซินเหอ
“พี่ชายยู่” จี้เหยากวงยิ้มเสียจนดวงตาโค้งเป็นพระจันทร์เสี้ยว “ไม่ได้เจอคุณนานเลยนะคะ คุณหล่อขึ้นกว่าเดิมเยอะเลยค่ะ”