“อ้อ……” ที่แท้ก็หึงนี่เอง
“งั้นฉันยังโกรธเลย” ชางหลิงบ่นพึมพำ “ฉันเห็นนายกับจี้เหยากวงนั่น เข้ากันได้ดีเลยนี่”
ก่อนหน้านี้ยังบอกว่าเป็นโรคกลัวผู้หญิง แต่ต่อหน้าจี้เหยากวง เขากลับแสดงออกได้อย่างเป็นธรรมชาติ ก็เหมือนกับว่าทั้งสองคนเป็นเพื่อนเก่าที่รู้จักกันมานานมากแล้ว
แต่เธอล่ะ เธอนั่งข้างๆ เข้าไปในวงล้อมของพวกเขาไม่ได้เลย ก็เหมือนกับเป็นคนนอกเสียเอง
โหมวยู่กอดอก เหลือบมองชางหลิง เห็นเธอทำท่างอนแก้มป่อง ความไม่พอใจของเขาก็หายไปในทันที
“ก่อนหน้านี้เคยเจอกันครั้งหนึ่ง” โหมวยู่พูดอย่างเรียบเฉย “ตอนนั้นหล่อนยังเป็นเด็กผู้หญิงอายุสิบกว่าขวบ”
ชีวิตภายในค่ายทหารโอกาสที่จะได้เห็นผู้หญิงนั้นแทบจะเป็นศูนย์เลย จี้เหยากวงก็สวยมาก ตอนที่อยู่ในค่ายทหาร มีหนุ่มไม่น้อยมาตามจีบ แต่เป็นเพราะพวกเขาสี่คนสนิทกับหัวหน้าหน่วยจี้มากที่สุด ดังนั้นจี้เหยากวงชอบตามหลังพวกเขาตลอดเวลา
ชางหลิงเบะปาก ไม่พูดอะไรอีก
“อย่าคิดมากเลย” โหมวยู่ยื่นมือไปขยี้หัวเธอเบาๆ เป็นการปลอบใจ “เป็นพี่สะใภ้ แค่นี้ก็อดทนไม่ได้เหรอ?”
“รู้แล้วน่า” ที่จริงชางหลิงก็ไม่ได้โกรธมาก ผู้หญิงก็เป็นแบบนี้ งี่เง่าเป็นบางครั้ง ที่จริงผู้หญิงเข้ามาง้อหน่อยก็หายแล้ว
“พี่สะใภ้!” หลีซินเดินเข้ามา ในมือก็ถืออั่งเปาไว้ “นี่ มาอวยพรปีใหม่พี่แล้ว อันนี้ของขวัญปีใหม่”
ชางหลิงหัวเราะ รับของขวัญจากเขามา ตัวเองก็หยิบของออกมาจากกระเป๋า ยื่นอั่งเปาซองสีแดงให้กับหลีซิน “นายก็รู้ว่าฉันจนมาก ก็ให้เป็นธรรมเนียมแล้วกัน”
หลีซินหัวเราะ เผยให้เห็นฟันเรียงตรงแปดซี่
ชางหลิงรับกล่องที่มีความหนักมา รู้สึกสงสัย “ฉันเปิดได้ไหม?”
“ได้เลย” หลีซินพยักหน้า
ชางหลิงถือกล่องของขวัญไว้อย่างดีใจและเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้หวาย เปิดห่อของขวัญออก ก็เห็นว่าด้านในมีกล่องสองกล่อง ชางหลิงเปิดหนึ่งในนั้น ก็มีรองเท้าส้นสูงสีทองประกายแพรวพราวปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ
“ว้าว สวยจังเลย” ผู้หญิงไม่สามารถต้านทานต่อสิ่งของปิ๊งๆวิ๊งๆแบบนี้ได้อยู่แล้ว โดยเฉพาะ รองเท้าส้นสูงที่สวยขนาดนี้
เธอรีบเปิดอีกกล่องอย่างรวดเร็ว แต่กล่องนั้นกลับเป็นรองเท้าแบบเดียวกัน แต่อันหนึ่งเป็นสีทองอันหนึ่งเป็นสีเงิน ชางหลิงอึ้งเล็กน้อย หยิบขึ้นมา ขนาดรองเท้ายังเท่ากันเลย
“นี่คือ……”
“ของผู้หญิงผมซื้อไม่ค่อยเป็น รองเท้าคู่นี้มีสองสี ผมว่ามันดูสวยดี ก็เลยซื้อกลับมาทั้งหมด พี่เลือกดูว่าชอบคู่ไหน อีกคู่……ก็ให้ใครก็ได้” หลีซินเกาหัวอย่างเขินอาย
ได้ยินแบบนี้แล้ว ชางหลิงมองดูรองเท้าสองคู่นี้ เธอก็รู้ทันทีว่าแปลว่าอะไร
เธอกับซูเสี่ยวเฉิงมีของเหมือนกันเยอะมาก เสื้อ รองเท้า เครื่องประดับ ก่อนหน้านี้หลีซินมารับพวกเธอทำงานเลิกงานบ่อยๆ คงจะสังเกตเห็นเรื่องนี้สินะ
โหมวยู่ไอกระแอม เขาเดินไปที่เก้าอี้อีกด้วย แล้วนั่งไขว่ห้าง มองหลีซินอย่างไม่พอใจ
“นายไม่มีมือหรือไง? ให้ของขวัญก็เอาไปให้เองสิ? เป็นลูกผู้ชายอกสามศอก จะกลัวอะไร?”
โหมวยู่มองดูเขาอย่างผิดหวัง
ซูเสี่ยวเฉิงทางที่ดีเก็บเจ้าหมอนี่ไปเถอะ จะได้ไม่มาเดินเพ่นพ่านต่อหน้าชางหลิงอีก เขาเห็นแล้วโมโหเปล่าๆ
หลีซินทำท่าพูดไม่ออก ชางหลิงถอนหายใจเบาๆ รู้ว่าเขาลำบากใจ และเข้าใจว่าเขาคิดอะไรอยู่
เขาอยากให้เธอใช้โอกาสนี้ให้เธอไปคืนดีกับซูเสี่ยวเฉิง
เธอเก็บรองเท้าสองคู่ไว้ในกล่องอย่างดี จากนั้นก็เอารองเท้าสองกล่องยื่นให้หลีซิน
“หลีซิน ฉันเข้าใจแล้วว่านายหมายถึงอะไร ของขวัญชิ้นนี้ฉันชอบมาก ฉันรู้ว่านายอยากให้ฉันคืนดีกับเสี่ยวเฉิง แต่ว่า……” ชางหลิงพูดอย่างจริงจังว่า “ถ้านายชอบเสี่ยวเฉิงจริง ต่อไป ก็อย่าทำเรื่องที่ทำให้เสี่ยวเฉิงเข้าใจผิดได้ง่าย”
“ฉันจะยืมดอกไม้ถวายพระแล้วบอกว่านี่เป็นของขวัญที่ฉันให้หล่อนไม่ได้ เป็นของนายก็คือของนาย แต่นายรอคิดดูนะ ถ้าวันหลังเกิดมีวันหนึ่งหล่อนรู้เข้าว่าของขวัญที่ได้รับก็แค่ซื้อมา “เผื่อ” จากนาย และยังเป็นของเหลือจากที่ฉันเลือกไว้แล้ว หล่อนจะเสียใจหรือเปล่า?”
“ผู้หญิงทุกคนล้วนอยากเป็นหนึ่งเดียวไม่มีสอง ฉันสามารถมีสิ่งของเหมือนกับหล่อนได้มากมาย แต่ผู้ชายไม่ได้ ของขวัญที่ผู้ชายส่งให้ก็ไม่ได้”
หลีซินอึ้ง เหมือนเข้าใจอะไรสักอย่าง แต่ก็เหมือนยังไม่เข้าใจ
“แต่ว่า……หล่อนคงไม่อยากได้ของขวัญที่ผมให้หรอก” ดังนั้นเขาถึงได้ใช้วิธีงี่เง่าขนาดนี้ได้ อยากยืมมือชางหลิง เอาของที่ตนคิดว่าดีให้กับซูเสี่ยวเฉิง
“ฉันไม่รู้ว่าหล่อนชอบนายไหม แต่ฉันคิดว่า ถ้านายชอบหล่อนจริง อย่างน้อยก็ควรกล้าจีบ ถ้านายไม่ลองก้าวออกไปก่อน จะรู้ได้ยังไงว่าเป็นไปไม่ได้?”
หลีซินรับของจากชางหลิงมา เขาเงียบอยู่นานสองนาน
เขาไม่เหมือนโหมวยู่ที่แข็งแกร่ง และไม่มีความมั่นใจเหมือนเขา อยู่กับชางหลิงโดยไม่สนใจอะไร แม้จะต้องใช้การบังคับ แม้จะต้องหลอกลวงก็จะมัดชางหลิงไว้ข้างตัวให้ได้
ตั้งแต่เด็กจนโต เขามีนิสัยไม่แย่งชิงของใคร เพราะตัวเองไม่มีฐานะที่ดี ขนาดชอบใครสักคนก็ยังไม่กล้าเข้าไปหา กลัวว่าตัวเองจะให้ความสุขกับอีกฝ่ายไม่ได้
“หลีซิน!” โหมวยู่ตะโกนเสียงดัง
“ครับ!” หลีซินได้ยินแล้วก็รีบยืนตัวตรง จ้องมองโหมวยู่ด้วยความตื่นเต้น
โหมวยู่หรี่ตาลงอย่างพูดไม่ออก
ถ้าชางหลิงเอาแต่ยั่วเขาแบบนี้ เขาจะต้องไล่ตามทุกสารทิศมาให้ได้ จากนั้นโยนไปที่เตียง สั่งสอนให้หลาบจำไปเลย
เขาคิดแบบนี้และก็ทำแบบนี้จริงๆ ไม่งั้นก็คงไม่มีพวกเขาในตอนนี้ แต่ว่าหลีซิน……ขี้ขลาดเกินไปแล้วจริงๆ
“ให้เวลานายครึ่งเดือน ถ้านายยังทำไม่สำเร็จ ก็เก็บของออกไปเลย!”
“ครับ” หลีซินไม่พอใจ แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก
ทำไม แค่ไม่ไปสารภาพรักก็จะตัดสัมพันธ์พี่น้องเลยเหรอ?
ชางหลิงมองดูการพูดคุยระหว่างพวกเขา ก็อดไม่ได้หัวเราะออกมา เธอกอดอก พูดใส่นมใส่ไข่เพิ่มไปอีกว่า “ฉันได้ยินมาว่า หล่อนจะไปนัดบอดอีกแล้ว คู่นัดบอดครั้งนี้ได้ยินว่าเยี่ยมมากเลยนะ ซูเสี่ยวเฉิงไม่มีสเปคอะไรอยู่แล้ว อาจจะยอมตกลงก็ได้นะ”
หลีซินมองตาโต ทำตัวไม่ถูก
“ดังนั้น นายก็สู้ๆนะ” ชางหลิงทำท่าให้กำลังใจเขา
หลีซินสูดหายใจเข้าลึกๆ มองดูชางหลิงและยิ้มออกมา
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ผมไปเตรียมของขวัญให้พี่อีกชุดแล้วกัน” หลีซินพูดแล้วก็หันหลังเข้าห้องไป
เขาเคยชอบชางหลิงอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
ผู้หญิงคนนี้ก็เหมือนกับดวงอาทิตย์ที่ปรากฏขึ้นภายในชีวิตของเขา นำพาแสงสว่างมาให้เขาตลอด
แต่ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา กำหนดมาแล้วว่าลิขิตให้พบเจอกันแต่ไร้วาสนาเคียงคู่กัน เรื่องที่เขาชอบเธอก็ผิดต่อโหมวยู่มากแล้ว ดังนั้นเขาจะต้องควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้ได้
แต่เพราะข่มอารมณ์ไว้แบบนี้ เขาก็เริ่มเจอผู้หญิงอีกคนหนึ่ง
ผู้หญิงที่มีแสงสว่างรอบตัวเหมือนกับชางหลิง เธอชอบทะเลาะกับเขาตลอด เรื่องอะไรก็ขัดคอเขาตลอด ทั้งสองก็เหมือนกับสนามแม่เหล็กมาตั้งแต่เกิด ทุกครั้งที่เจอกันก็จะพุ่งชนเข้าหากันตลอด
แต่เพราะการพุ่งชนแบบนี้ กลับเริ่มเติมเต็มความรู้สึกอ้างว้างของเขาได้เรื่อยๆ
หลีซินคิดอยู่ตลอดว่า ครั้งนั้น ถ้าชางหลิงไม่ได้ให้เขาไปช่วยซูเสี่ยวเฉิง เขาจะไปไหม
แม้รู้ว่าอาจจะต้องตาย
จนกระทั่งวันนั้น ในตอนที่เธอกำลังจะจูบคนอื่น คำถามนี้ก็มีคำตอบแล้ว……
เขาจะไป
เพราะเขาอยากเป็นฮีโร่ของผู้หญิงคนนี้ อยากให้เธอเหมือนกับชางหลิง กลายเป็นองค์หญิงที่ถูกคนอื่นปกป้องเหมือนไข่ในหิน